อาชญากรรม

วิตกกังวล-ไม่อยากอาหาร! เด็ก 14 นอนสถานพินิจฯคืนแรก - ชาว X เล่าพฤติกรรมในโลกออนไลน์ หนีจากโลกความจริง

โดย petchpawee_k

6 ต.ค. 2566

306 views

“รองอธิบดีกรมพินิจฯ” เผย ด.ช.วัย 14 มือยิงพารากอน นอนสถานพินิจฯ คืนแรก พูดจาน้อย ไม่อยากอาหาร วิตกกังวล เตรียมทีมแพทย์ประเมินสุขภาพจิต  ขณะที่ชาว X  อ้างเคยคุยกับเด็ก คยคุยกับมือปืนวัย 14 ในโลกออนไลน์ บอกใช้ออนไลน์หนีจากโลกความจริง ถูกเพื่อนที่โรงเรียนรังแก เชื่อมีปัญหาทางจิต


กรณีเด็กชายอายุ 14 ปี ก่อเหตุยิงในห้างสรรพสินค้าสยามพารากอน ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิต 2 ราย บาดเจ็บอีก 5 ราย  ซึ่งในวันที่ 4 ต.ค.66 ศาลเยาวชนและครอบครัวกลางเห็นควรส่งตัว ด.ช.วัย 14 ปี ไปควบคุมไว้ในสถานพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชน กรุงเทพฯ และให้สถานพินิจฯ ดำเนินการตรวจสอบสภาพจิตใจของผู้ต้องหา ให้หมายควบคุมเว้นแต่มีประกัน ตามที่ได้มีการรายงานข่าวไปแล้วนั้น


 วานนี้ (5 ต.ค.66)น.ส.ศิริประกาย วรปรีชา รองอธิบดีกรมพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชน กล่าวว่า จากการที่เจ้าหน้าที่สถานพินิจฯ ได้รับตัวเมื่อช่วงเย็นวันที่ 4 ต.ค.66 โดยทราบว่าพ่อของเด็กชายได้เดินทางมาส่งด้วย เพราะมีความห่วงใยเป็นห่วงลูก


ส่วนขั้นตอนการแรกรับ ทางสถานพินิจฯ โดยนักจิตวิทยา นักจิตแพทย์ พ่อบ้านแรกรับหรือพ่อบ้านแห่งบ้านเมตตาจะร่วมกันพูดคุยสอบถามในเบื้องต้น รวมถึงประเมินสุขภาพจิตเบื้องต้นร่วมด้วย และเด็กชายจะได้รับการกักโรคโควิด-19 ก่อน 5 วัน ซึ่งระหว่างนี้ก็จะมีการประเมินเรื่องสุขภาพจิตอย่างต่อเนื่อง และจะประสานปรึกษาร่วมกับแพทย์เฉพาะทางของสถาบันกัลยาณ์ราชนครินทร์ หากแพทย์มีความเห็นว่าเด็กมีปัญหาเรื่องสุขภาพจิตในขั้นที่ต้องเข้ารับการรักษาหรือแอดมิท 


ก็จะมีการทำรายงานพร้อมแนบความเห็นแพทย์เสนอต่อศาลเยาวชนฯ เพื่อศาลรับทราบว่าจะมีการส่งต่อเด็กชายไปนอนพักเข้ารับการรักษาตัวที่สถาบันกัลยาณ์ฯแทน ซึ่งเป็นหลักปกติทั่วไปที่เด็กๆรายใดซึ่งมีอาการจิตเวชร่วมด้วยนั้น จะได้รับการส่งต่อดูแลโดยเเพทย์เฉพาะทาง อาจจะด้วยการที่แพทย์มีความเห็นให้แอดมิท หรือมีความเห็นจ่ายยารักษา ฯลฯ


ส่วนระยะการรักษาตัว หากมีการแอดมิท จะอยู่ที่ดุลพินิจของแพทย์เป็นหลัก อย่างไรก็ตาม หากเด็กชายได้รับการประเมินสุขภาพจิตและพบว่าอยู่ในขั้นที่ไม่วิกฤติหรือน่าเป็นกังวล จิตแพทย์และนักจิตวิทยาก็จะมีการร่วมกันกำหนดถึงกระบวนการรักษาหรือโปรแกรมต่างๆหลังจากนี้ที่เด็กชายจะต้องเข้าร่วมระหว่างรอการพิจารณาคดีของศาล ซึ่งเด็กชายก็จะได้ใช้ชีวิตร่วมกับเพื่อนๆคนอื่นๆในบ้านเมตตา ได้ทำกิจกรรมต่างๆเพื่อเป็นการละลายพฤติกรรมและได้รับการพัฒนาพฤตินิสัย



นอกจากนี้ ระหว่างการควบคุมตัวเด็กที่บ้านเมตตา ทางเจ้าหน้าที่กรมพินิจฯ ก็จะต้องลงพื้นที่เพื่อสืบเสาะแสวงหาพยานหลักฐานต่างๆ โดยเฉพาะประเด็นที่เกี่ยวข้องกับเด็ก ทั้งประวัติส่วนตัว  การศึกษา  การใช้ชีวิต  กิจกรรมที่ชอบทำ /รวมทั้งความสัมพันธ์กับเพื่อนและครอบครัว เพื่อเจ้าหน้าที่จะนำข้อมูลที่รวบรวมได้นั้น จัดทำเป็นรายงานเสนอต่อศาลเยาวชนฯ สำหรับศาลใช้พิจารณาประกอบขั้นตอนต่างๆ ทั้งการอาจจะอนุญาตให้ปล่อยตัวชั่วคราวหรือไม่ หรือมีคำสั่งให้คุมประพฤติ หรือใช้วิธีการอื่นแทน ซึ่งทั้งหมดจะเป็นอำนาจการพิจารณาของศาล กรมพินิจฯ เพียงทำหน้าที่ในการจัดทำรายงานประเมินข้อมูลทั้งเรื่องประวัติส่วนตัว สุขภาพกายและจิตใจ เสนอต่อศาลเยาวชนฯ


 น.ส.ศิริประกาย ยังกล่าวอีกว่า จากการได้รับรายงานพบว่า เมื่อวันที่ 4 ต.ค.66 หลังการรับตัวและประเมินสุขภาพเบื้องต้น เด็กชายไม่ค่อยพูดจา อาจเพราะเพิ่งได้เข้ามายังภายในสถานพินิจฯ ยังมีความไม่คุ้นชิน และตนยังไม่ได้รับแจ้งว่าเด็กได้แสดงความประสงค์ไม่อยากอยู่ที่นี่หรือเรียกร้องกลับบ้านแต่อย่างใด 



ขณะเดียวกันทราบว่าเด็กชายไม่ค่อยอยากรับประทานอาหาร แต่แน่นอนว่าจะมีอาการวิตกกังวลบ้าง ถือเป็นเรื่องปกติ เพราะทุกคนรู้ว่าจะต้องถูกแยก อาจกังวลเรื่องความเป็นอยู่ของตัวเอง แต่ยังไม่มีอาการร้องไห้ฟูมฟายหรือซึมเศร้าผิดปกติ อยู่ระหว่างการค่อยๆปรับตัว



เมื่อถามว่าทางพ่อของเด็กชายได้ฝากฝังในเรื่องใดเป็นพิเศษหรือไม่นั้น น.ส.ศิริประกาย กล่าวว่า เท่าที่ตนได้รับทราบจากเจ้าหน้าที่ ทราบว่าพ่อของเด็กชายค่อนข้างรู้สึกเสียใจ ส่วนเรื่องอาการทางจิตหรือการฝากฝังดูแล เจ้าหน้าที่กรมพินิจฯ ก็ได้ทำความเข้าใจกับคุณพ่อของเด็กแล้วถึงเรื่องกระบวนการในการดูแลเด็ก และการออกรายงานของกรมพินิจฯ คือ การสืบเสาะแสวงหาข้อมูลเกี่ยวกับตัวเด็ก รวมทั้งเราจะต้องทำความเข้าใจกับผู้ปกครองของเด็กๆทุกคนที่จะเข้ามาที่สถานพินิจฯ ว่าจะมีกิจกรรมการใช้ชีวิตอย่างไรบ้าง หรือมีโปรแกรมพัฒนาพฤตินิสัยอย่างไรบ้าง เพื่อส่งเสริมด้านการบำบัดให้เด็กได้พัฒนาตัวเอง เห็นคุณค่าของตัวเองและไม่หวนกลับไปกระทำความผิดซ้ำ



 ส่วนหากผู้ปกครองจะขอนำตัวเด็กชายไปรักษาตัวภายนอกกับแพทย์เองได้หรือไม่นั้น น.ส.ศิริประกาย กล่าวว่า ทางผู้ปกครองจะต้องยื่นคำร้องต่อศาลเยาวชนฯ เพื่อศาลพิจารณาและมีคำสั่งแจ้งกลับว่าอนุญาตหรือไม่ อย่างไร เพราะในส่วนของสถานพินิจฯ จะรับหน้าที่เป็นสถานที่สำหรับเด็กที่อยู่ระหว่างการพิจารณาคดีของศาล ทั้งนี้ หากศาลมีคำสั่งอนุญาตตามคำร้องขอของผู้ปกครอง ศาลจะมีเอกสารแจ้งมายังสถานพินิจฯ เพื่อให้เจ้าหน้าที่ปฏิบัติตามคำสั่งของศาลต่อไป และผู้ปกครองจะต้องเดินทางมายังสถานพินิจฯ เพื่อเซ็นเอกสารสำหรับการรับตัวเด็ก ซึ่งเป็นไปตามขั้นตอน และกระบวนการใดๆทั้งหมดที่จะเกิดขึ้นกับเด็กชายหลังจากนี้ ศาลเยาวชนฯจะต้องรับทราบทุกเรื่อง เพราะเรื่องการตัดสินใจใดๆของผู้ปกครองที่มีผลต่อเด็ก ถือเป็นเรื่องสำคัญ

------------------------------------

ขณะที่ในดลกออนไลน์  มีผู้ใช้บัญชีใน X หรือทวิตเตอร์เดิม ชื่อว่า Ocelot ได้โพสต์เล่าเรื่องราวเกี่ยวกับเด็กวัย 14 ปี มือปืนที่ก่อเหตุกราดยิงที่ห้างสรรพสินค้าชื่อดัง


โดยผู้ใช้ทวิตเตอร์รายนี้ได้โพสต์ข้อความเป็นภาษาอังกฤษ เล่าเรื่องราวว่า เขายืนยันว่า มือปืนรายนี้เป็น “มือปืน” จริงๆ เคยรู้จักกับมือปืนรายนี้ ที่รู้จักกันทาง “ดิสคอร์ด” ซึ่งใช้ชื่อว่า ”hunterz” ตั้งแต่เดือนสิงหาคมที่ผ่านมา และมีการพูดคุยกันหลายต่อหลายครั้ง


Ocelot ระบุว่า เขารู้ว่าหลายคนอาจจะต้องว่าเขาต้องการแสงจากเรื่องนี้ แต่เขายืนยันว่า เขาเป็นเพียงคนคนหนึ่งที่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น โดยระบุว่า มือปืนเด็กรายนี้มักจะอยู่บนโลกออนไลน์ บน “ดิสคอร์ด” (Discord) ที่ซึ่งเขาจะไว้ใช้พูดคุยกับเพื่อนๆ ซึ่งชีวิตจริงของมือปืนนั้นแย่มาก ดังนั้นจึงใช้ดิสคอร์ดเป็นที่หลบหนี เช่นเดียวกับคนอื่นๆ แต่ตัวผู้โพสต์ไม่รู้ว่า มือปืนนั้นมีปัญหาทางจิตอะไรบ้าง แต่เห็นได้ชัดว่า เขามีปัญหา


Ocelot ระบุว่า แน่นอนว่า ตัวเขาเองจะไม่พยายามปกป้องการกระทำที่น่ากลัวของมือปืนด้วยการโต้แย้งว่ามือปืนป่วยทางจิต แต่เขาต้องการจะย้ำว่า เด็กคนนี้เป็นคนทำเอง และพ่อแม่ของเด็กก็แย่มาก ตัวเด็กเองถูกรังแกที่โรงเรียนบ่อยมาก นั่นเป็นเหตุผลที่ทำให้เขาต้องหลบหนีไปอยู่บนโลกออนไลน์ โดยส่วนใหญ่จะอยู่ในกลุ่ม “Roblox” เช่นกลุ่ม “Complex Research Foundation” ของเขา ซึ่งอ้างอิงมาจากเว็บไซต์ยอดนิยมอย่าง “ASYNC” ซึ่งเป็นที่ที่ Ocelot ได้พบกับมือปืน เนื่องจากตัวเขาเป็นนักพัฒนาของกลุ่มดังกล่าว และตัวมือปืนยังอยู่ในกลุ่มอื่นๆ ด้วยอีกหลายกลุ่ม ที่อ้างอิงมาจากเว็บไซต์ ASYNC ของ Reyadvisory


Ocelot บอกด้วยว่า มือปืนเด็กยังได้ย้ำว่า กลุ่มนี้จะต้องรับผิดชอบต่อการกระทำของเขา เนื่องจากกลุ่มนี้ได้แบนเขา พร้อมกับมีการแนบเอกสารเกี่ยวกับการแบนมือปืนเด็กออกจากกลุ่มด้วย และว่า มือปืนเด็กถูกแบนเนื่องจากส่งเนื้อหาบางอย่างที่ผิดกฎไปให้กับเด็กที่อายุน้อยกว่าเขาอีก และยังมีอื่นๆ อีก และตัวมือปืนเองก็อ้างว่า นี่คือเหตุผลของการก่อเหตุกราดยิง ซึ่งผู้โพสต์เองก็มีความสงสัยต่อเรื่องดังกล่าว


Ocelot บอกว่า การกระทำที่เกิดขึ้นของมือปืน ไม่ได้เกิดขึ้นเพราะเขาถูกแบนจากเซิร์ฟเวอร์ดิสคอร์ด เห็นได้ชัดว่ามือถือมีอาการป่วยหนักในสมองของเขา และตนเองจะไม่เชื่อเรื่องที่เขาอ้างว่ามีคนบอกให้เขาทำ (หมายถึงเสียงในหัวของเขา) แต่ชัดเจนว่า นี่คือการกระทำที่มีการไตร่ตรองไว้ล่วงหน้าอย่างชัดเจน อย่างที่ตัวมือปืนย้ำหลายครั้งไว้ในดิสคอร์ดกับหลายๆ คน เกี่ยวกับสิ่งที่เขาได้วางแผนเอาไว้ และว่า มือปืนคือปีศาจที่แท้จริง และมีอาการป่วยในสมอง


แน่นอนว่า ข่าวเกี่ยวกับการก่อเหตุกราดยิงของตัวมือปืนนั้นสร้างความตกใจให้กับคนที่เขาไม่ได้บอกเรื่องนี้เอาไว้ รวมทั้งตัวผู้โพสต์เองด้วย แต่พวกเรารู้ดีว่ามีบางสิ่งบางอย่างที่ผิดปกติกับเขา แต่ก็ไม่คิดว่าจะทำการถึงเช่นนี้ หากหน่วยงานใดต้องการรู้เกี่ยวกับบัญชีของมือปืน บทสนทนา หรือข้อมูลอื่นๆ สามารถส่งข้อความตรงไปถึงตัวผู้โพสต์ได้


ขณะที่คุณ Ocelot ยังบอกว่า ตัวผู้ก่อเหตุเขารู้ดีว่าเขากำลังทำอะไรอยู่ เพราะในตอนที่เขาก่อเหตุเขายังได้เข้าไปกดถูกใจทวีตทีผู้สื่อข่าวกำลังรายงานว่า มีคนก่อเหตุกราดยิงที่สยามพารากอน ช่างเป็นสิ่งที่น่ารังเกียจ

รับชมผ่านยูทูปได้ที่ : https://youtu.be/UmjD7wdOuiY


คุณอาจสนใจ