เลือกตั้งและการเมือง

‘หมออ๋อง’ แจง 3 เหตุผลไม่ถอยรอง ปธ.สภา – ‘ไอติม’ ยันขับ 'หมออ๋อง' ทำแบบตรงไปตรงมา ไม่มีอะไรลึกลับ

โดย petchpawee_k

30 ก.ย. 2566

1.2K views

'หมออ๋อง' แจง 3 เหตุผลไม่ถอย 'รองประธานสภาฯ' จนต้องพ้นสมาชิก 'ก้าวไกล' ต้องการทำสภาโปร่งใส-ดำรงตำแหน่งเป็นกลาง ลั่นความรู้สึกคงห้ามกันไม่ได้ เตรียมการไว้แล้ว ย้ำตัดสินใจครั้งนี้ รอบคอบ-ยากลำบาก ยันไม่สมคบคิดเพื่อผลประโยชน์ใคร


เมื่อวานนี้ (29 ก.ย.) ที่รัฐสภา นายปดิพัทธ์ สันติภาดา รองประธานสภาผู้แทนราษฎรคนที่ 1 แถลงข่าวกรณีพรรคก้าวไกลมีมติขับออกจากสมาชิกพรรคและแนวทางการไปสังกัดพรรคการเมืองใหม่หลังจากนี้ ว่า นับตั้งแต่ที่นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ตัดสินใจลาออกจากการเป็นหัวหน้าพรรค เพื่อเปิดทางให้ที่ประชุมใหญ่ พรรคก้าวไกล มีมติเลือกหัวหน้าพรรคคนใหม่ที่สามารถปฏิบัติหน้าที่ในฐานะ สส. และผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎรได้ ตนเข้าใจดีว่าตามรัฐธรรมนูญ ตนไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่เป็นรองประธานสภาฯ ต่อในฐานะ สส. จากพรรคก้าวไกลได้


แม้ทางเลือกหนึ่งคือการลาออกจากการเป็นรองประธานสภาผู้แทนราษฎร เพื่อกลับไปปฏิบัติหน้าที่ในฐานะ สส. คนหนึ่งของพรรคก้าวไกล แต่หลังจากพิจารณาไตร่ตองอย่างถี่ถ้วน ถึงผลกระทบของการตัดสินใจของตนต่อการขับเคลื่อนวาระการเปลี่ยนแปลงที่ตนได้ให้คำมั่นสัญญากับประชาชนในวันที่ตนเข้ามารับตำแหน่งรองประธานสภาฯ ตนจึงได้ตัดสินใจแจ้งกับคณะกรรมการบริหารพรรคก้าวไกลชุดใหม่ ว่าประสงค์จะทำหน้าที่ต่อในฐานะรองประธานสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งจะทำให้ตนไม่สามารถเป็นสมาชิกของพรรคก้าวไกลได้อีกต่อไป


นายปดิพัทธ์ ระบุว่า ตนมีเหตุผลประกอบการตัดสินใจ 3 ส่วน ดังนี้


1. ต้องการใช้วาระที่เหลือของสภา ในการขับเคลื่อนนโยบายเพื่อยกระดับการทำงานของสภาผู้แทนราษฎร ให้มีความโปร่งใส มีประสิทธิภาพสูง และเป็นของประชาชน


สภาโปร่งใส ตนจะขับเคลื่อนให้สภาฯ มีการจัดเก็บและเปิดเผยข้อมูลตามมาตรฐานสากล ซึ่งรวมถึงการเผยแพร่ข้อมูลที่เกี่ยวกับการทำงานของสภาฯ ในรูปแบบที่วิเคราะห์ต่อได้ การกำหนดให้มีการถ่ายทอดสดการประชุมคณะกรรมาธิการ การยกระดับระบบสืบค้นข้อมูลของเว็บไซต์สภาฯ การพัฒนาระบบตรวจจับใบหน้า (face detection) เพื่อป้องกันการเสียบบัตรแทนกัน


สภาประสิทธิภาพสูง ตนจะขับเคลื่อนให้สภาฯ นำเทคโนโลยีสมัยใหม่มาประยุกต์ใช้ในการทำงาน ผ่านการออกนโยบาย Cloud First Policy ที่จะนำไปสู่การประหยัดต้นทุนด้านธุรการและความปลอดภัยในการเก็บเอกสาร รวมถึงการขับเคลื่อนให้สภาคำนึงถึงความยั่งยืนในการบริหารจัดการ ผ่านการส่งเสริมการผลิตและใช้พลังงานสะอาดในอาคารรัฐสภา และการอำนวยความสะดวกให้เจ้าหน้าที่และผู้ใช้บริการในการใช้ยานพาหนะไฟฟ้า


สภาของประชาชน ตนจะขับเคลื่อนให้สภายึดโยงกับประชาชนและฟื้นฟูความเชื่อมั่นของประชาชนต่อการเมืองในระบบรัฐสภา ผ่านการเพิ่มการมีส่วนร่วมของเยาวชน การเปิดใช้พื้นที่รองรับกิจกรรมและการแสดงออกทางการเมืองของประชาชน การจัดสภาสัญจรเพื่อนำพากลไกสภาไปใกล้ชิดประชาชนทุกพื้นที่ และการตรวจรับสภาให้ไม่มีการทุจริตและการใช้งบประมาณจากภาษีของประชาชนเพื่อประโยชน์ของคนบางกลุ่ม


2. ตนต้องปฏิบัติหน้าที่รองประธานสภาอย่างเป็นกลางต่อทุกพรรคการเมืองในสภา และต่อประชาชนทุกชุดความคิด ไม่ว่าผมจะสังกัดพรรคใด


ดังนั้น การที่ตนต้องเปลี่ยนพรรคต้นสังกัด จะไม่กระทบต่อการทำหน้าที่และแผนงานของตนในฐานะรองประธานสภา


3. ตนมั่นใจว่าพรรคก้าวไกลจะสามารถดูแลความทุกข์ร้อนของพี่น้องประชาชนชาวพิษณุโลกได้อย่างครบถ้วน


นายปดิพัทธ์ กล่าวว่า ที่ผ่านมา การทำหน้าที่รองประธานสภาของตน ทำให้ตนจำเป็นต้องพัฒนาทีมงานพรรคก้าวไกลในจังหวัดพิษณุโลก โดยเฉพาะพื้นที่เขต 1 เพื่อเป็นผู้รับผิดชอบหลักในการประสานการแก้ไขปัญหาในพื้นที่


ดังนั้น ตนมั่นใจว่าทีมงานของพรรคก้าวไกลในจังหวัดพิษณุโลก จะมีศักยภาพเต็มที่ในการทำงานดูแลพี่น้องประชาชนชาวพิษณุโลกเขต 1 ร่วมกับผู้แทนราษฎรพรรคก้าวไกล จังหวัดพิษณุโลกเขต 5 (นายศุภปกรณ์ กิตยาธิคุณ) ขณะที่ตนเองก็ยังคงทำหน้าที่ผู้แทนราษฎรจังหวัดพิษณุโลก เขต 1 ควบคู่ไปกับบทบาทรองประธานสภาฯ ให้ดีที่สุด


ตนน้อมรับมติของพรรคก้าวไกลที่ต้องการทำหน้าที่ฝ่ายค้านโดยสมบูรณ์ และตัดสินใจให้สมาชิกภาพของผมในฐานะสมาชิกพรรคก้าวไกลยุติลง


“จากนี้เป็นต้นไป ไม่ว่าผมจะไปสังกัดพรรคการเมืองใด ผมจะผลักดันการยกระดับการทำงานของสภาอย่างเต็มที่ตามที่ได้ให้คำมั่นสัญญาไว้ ในฐานะรองประธานสภาที่เป็นกลางต่อทุกพรรค และรองประธานสภาของพี่น้องประชาชนทุกคน” นายปดิพัทธ์ กล่าว


จากนั้นนายปดิพัทธ์ เปิดให้สื่อมวลชนถามตอบ โดยผู้สื่อข่าวสอบถามว่าเหลือเวลาอีก 30 วันได้หารือกับพรรคการเมืองอื่น เพื่อเข้าไปสังกัดหรือไม่ นายปดิพัทธ์ กล่าวว่า การตัดสินใจของพรรคก้าวไกลไม่ได้เป็นการตัดสินใจระยะสั้น มีการพูดคุยถึงทางเลือกต่างๆร่วมกัน ซึ่งการพูดคุยนั้นได้สิ้นสุดลงแล้ว เราได้มอบฉันทามติว่าจะน้อมรับมติของพรรค และหลังจากนี้จะเป็นการตัดสินใจของตนเองว่าจะไปอยู่พรรคไหน แน่นอนว่าต้องเป็นพรรคการเมืองที่สอดคล้องกับอุดมการณ์ของตน ไม่สามารถข้ามขั้วหรือขัดแย้งต่ออุดมการณ์ของตนได้


เมื่อถามว่ายังมีความรู้สึกว่าตนเองยังเป็นพรรคก้าวไกลหรือไม่ นายปดิพัทธ์ กล่าวว่า ความรู้สึกก็ห้ามกันไม่ได้ แต่โดยพฤตินัย ตนไม่ได้เกี่ยวกับพรรคก้าวไกล ตั้งแต่รับหน้าที่รองประธานสภาฯ แล้ว ดังนั้น ความรู้สึกถูกเตรียมการไว้แล้ว


เมื่อถามว่าหากมีการยุบสภาฯ หรือมีการเลือกตั้งใหม่จะกลับมาพรรคก้าวไกลหรือไม่ นายปดิพัทธ์ กล่าวว่า ขอให้ถึงเวลาก่อน ยังคิดว่าอีกนาน ตอนนี้ตัดสินใจให้ดีที่สุดก่อน


เมื่อถามว่ามีการเปรียบเทียบในอดีต สส.พรรคก้าวไกล ก็เคยไปปฏิบัติกิจกรรมร่วมกับพรรคอื่น แต่ไม่ได้มีการขับออก นายปดิพัทธ์ กล่าวว่า ให้เป็นเรื่องของสมาชิกและผู้สนับสนุนพรรคก้าวไกลตัดสินแล้วกัน ตนไม่สามารถตัดสินและวิจารณ์เรื่องอดีตได้ ส่วนที่มีการมองว่าเป็นการสมคบคิดกันใช่หรือไม่ นายปดิพัทธ์ กล่าวว่า เป็นสิทธิ์ที่จะวิจารณ์


ผู้สื่อข่าวถามย้ำว่าเป็นการขับออกโดยธรรมชาติใช่หรือไม่ นายปดิพัทธ์ กล่าวว่า การขับออกครั้งนี้ ตนคิดว่าพรรคก้าวไกลตัดสินใจอย่างยากลำบากและรอบคอบ จึงไม่คิดว่าเป็นการสมคบคิดเรื่องผลประโยชน์กับใคร


“การขับออกครั้งนี้ ผมก็คิดว่าพรรคก้าวไกลตัดสินใจอย่างยากลำบากและรอบคอบ ดังนั้นถามว่าสมคบคิดเพื่อผลประโยชน์ของใครคงไม่ใช่ แต่ด้วยข้อจำกัดของรัฐธรรมนูญ เราจำเป็นต้องหาทางที่ดีที่สุดให้เกิดขึ้น และถ้าผมตัดสินใจจะยืนยันมติแบบนี้ ทางพรรคก้าวไกลก็ไม่มีโอกาสเลือกทางอื่น” นายปดิพัทธ์ กล่าว


เมื่อถามว่าการตัดสินใจครั้งนี้ ถือว่าไม่ตรงไปตรงมาตามมาตรฐานพรรคก้าวไกลใช่หรือไม่ นายปดิพัทธ์ กล่าวว่า เป็นสิทธิ์ที่จะวิจารณ์ พร้อมยืนยันว่ายังไม่มีการคุยอย่างเป็นทางการกับพรรคอื่น ตอนนี้มีเวลา 30 วัน เพิ่งจะวันที่ 1 ตอนนี้สิ่งที่ต้องการคือการกลับไปจังหวัดพิษณุโลก กลับไปหาครอบครัว และค่อยๆ ทำความเข้าใจกันกับคนพิษณุโลก


นายปดิพัทธ์ ยืนยันว่าสามารถชี้แจงได้ ไม่มีเงื่อนงำ ทุกอย่างพูดตรงไปตรงมา ว่าเราทำด้วยเหตุผลอะไรบ้าง ผลงานที่ผ่านมาและอนาคตจะเป็นบทพิสูจน์ว่าได้ทำตามที่ให้สัญญาไว้กับประชาชนหรือไม่


ส่วนการกระทำแบบนี้จะทำให้ไม่ได้รับการเคารพจาก สส. ในการทำหน้าที่ประธานในที่ประชุมหรือไม่ นายปดิพัทธ์ กล่าวว่า การที่พรรคที่ชนะอันดับ 1 ไม่เป็นฝ่ายบริหารและประธานสภาฯ มันก็ส่งเค้าถึงความไม่ปกติของสังคม ตนจึงไม่คิดว่าจะเกิดอะไรขึ้น เชื่อว่า สส.ทุกคนเป็นมืออาชีพและมีวุฒิภาวะ เพราะฉะนั้น สิ่งไหนที่เป็นตามหลักการและระเบียบข้อบังคับ ทุกคนก็ต้องปฏิบัติตาม คงไม่กังวลถึงความกดดันและเกมการเมืองแต่อย่างใด


เมื่อถามว่ามีความกดดันจากฝั่ง สส.รัฐบาลหรือไม่ นายปดิพัทธ์ กล่าวว่า ไม่มีความกดดัน มีแต่กำลังใจให้ทำหน้าที่ให้ดี


เมื่อถามว่าการกระทำแบบนี้เป็นเกมการเมืองเก่าที่พรรคก้าวไกลเคยวิจารณ์พรรคการเมืองอื่น แต่กลับทำเสียเอง นายปดิพัทธ์ กล่าวว่า ต้องไปถามพรรคก้าวไกล ตนไม่สามารถตอบแทนพรรคได้และเชื่อว่าทุกอย่าง การตัดสินใจทุกอย่างต่อสาธารณะ ทุกท่านสามารถวิพากษ์วิจารณ์ได้


เมื่อถามว่าจะถูกมองว่าพรรคที่รองรับจะเป็นนอมมินีของพรรคก้าวไกลหรือไม่ เหมือนกับที่นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาฯ จากพรรคประชาชาติเคยถูกมองว่าเป็นนอมินีของพรรคเพื่อไทย นายปดิพัทธ์ ระบุว่า ไม่เป็นธรรมกับพรรคอื่น เพราะแต่ละพรรคมีนโยบาย ศักดิ์ศรี และผู้นำของตนเอง


“ผมจะเป็นสมาชิกของพรรคไหนก็ให้เกียรติพรรคนั้นด้วย ไม่มีเรื่องของการเป็นนอมินี” นายปดิพัทธ์ กล่าว


นายปดิพัทธ์ กล่าวอีกว่า พรรคที่จะไปสังกัดต้องเป็นพรรคที่มีอุดมการณ์ทางการเมือง อุดมการณ์ประชาธิปไตยสอดคล้องกับอุดมการณ์ของตน ตนอยากเห็นการเมืองที่ดี ตรงไปตรงมา สร้างสรรค์ สนับสนุนอำนาจประชาธิปไตยที่เป็นของประชาชน ทั้งนี้ ทีมงานพรรคก้าวไกลพิษณุโลกจะตามไปด้วยหรือไม่ คงต้องดูข้อกฎหมาย


ขณะที่ นายพริษฐ์ วัชรสินธุ สส.บัญชีรายชื่อ โฆษกพรรคก้าวไกลวานนี้  ให้สัมภาษณ์กับทีมข่าวการเมืองช่อง 3  ถึงกรณีการขับนายปดิพัทธ์ สันติภาดา รองประธานสภาผู้แทนราษฎรคนที่ 1 ออกจากสมาชิกพรรคก้าวไกลว่า พรรคก้าวไกลน้อมรับทุกเสียงวิพากษ์วิจารณ์ ทุกความเห็น ทั้งที่เห็นด้วยและไม่เห็นด้วย ตนคิดว่าการตัดสินใจของพรรคก็เป็นเรื่องที่ไม่ง่ายนัก เป็นการตัดสินใจที่พยายามจะรักษาความตรงไปตรงมาให้ได้มากที่สุด ภายใต้เงื่อนไขของรัฐธรรมนูญ ต้องอธิบายว่าหลักการที่เราใช้ในการตัดสินใจ เริ่มต้นจากเหตุผลแรกคือพรรคก้าวไกลต้องการเดินหน้าเป็นฝ่ายค้านโดยสมบูรณ์ ตามเงื่อนไขของรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบัน ไม่ว่าจะเป็นการที่เรามีการให้นายชัยธวัช ตุลาธน หัวหน้าพรรคคนใหม่ไปรับตำแหน่งผู้นำฝ่ายค้าน เพื่อกำกับทิศทางการทำหน้าที่ในสภาของฝ่ายค้าน


เพราะเป็นเช่นนั้นแล้ว เราก็เข้าใจว่าข้อจำกัดของรัฐธรรมนูญจะทำให้ สส.พรรคก้าวไกล ไม่สามารถดำรงตำแหน่งรองประธานสภาได้ พอทางพรรคได้ทราบหลังจากที่คณะกรรมการบริหารพรรคได้ไปหารือกับนายปดิพัทธ์ ซึ่งนายปดิพัทธ์ก็ยืนยันในการทำหน้าที่รองประธานสภาต่อ ตามนโยบายที่ได้แถลงไว้ พอเป็นเช่นนั้น พรรคก้าวไกลเลยมีมติขับออกเพื่อให้พรรคก้าวไกล สามารถเดินหน้าในการทำหน้าที่ฝ่ายค้านโดยสมบูรณ์ได้


เมื่อถามว่ามีคนมองว่าเป็นการสมคบคิด นายพริษฐ์ กล่าวว่า ตามที่ได้ชี้แจงไปในแถลงการณ์ ว่านายปดิพัทธ์ ต้องการทำหน้าที่รองประธานสภาต่อ เราถึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากมีมติให้นายปดิพัทธ์ยุติการเป็นสมาชิกพรรค


“ผมคิดว่าหลังจากนี้เป็นต้นไป ทางพรรคก้าวไกลจะสามารถเดินหน้าเต็มที่ในการทำหน้าที่ฝ่ายค้านส่วนคุณปดิพัทธ์เอง ก็ต้องเดินหน้าต่อในการทำหน้าที่รองประธานสภาที่สังกัดพรรคการเมืองอื่น และผมหวังว่าไม่ว่าคุณปดิพัทธ์จะไปสังกัดพรรคการเมืองใด เราก็คาดหวังว่าคุณปดิพัทธ์ก็ยังคงดำเนินการขับเคลื่อนนโยบายที่จะทำให้สภานั้นมีความโปร่งใส มีประสิทธิภาพ มีความยึดโยงกับประชาชนตามที่ได้ให้คำมั่นสัญญาไว้ รวมถึงไม่ว่าจะสังกัดพรรคไหน เราก็คาดหวังให้คุณปดิพัทธ์นั้นปฎิบัติหน้าที่ได้อย่างเป็นกลางกับทุกพรรคการเมือง” นายพริษฐ์ กล่าว


เมื่อถามถึงกรณีมีการเปรียบเทียบกันถึงอดีต สส.บางคนที่เป็นงูเห่า ข้อหาอาจแรงกว่า แต่ไม่มีการขับออกจากพรรค นายพริษฐ์ กล่าวว่า ตนคิดว่าประเด็นไม่ได้อยู่ที่ข้อหามากหรือน้อย แต่ประเด็นนี้เกี่ยวข้องกับการที่นายปดิพัทธ์ ยืนยันที่จะทำหน้าที่รองประธานสภาต่อ ไม่ได้เป็นการยุติสมาชิกด้วยข้อกล่าวหาอะไรที่ไม่ตรงไปตรงมา หรือข้อกล่าวหาที่รุนแรงไปกว่าการปฎิบัติหน้าที่ของนายปดิพัทธ์ เป็นการพยายามอธิบายอย่างตรงไปตรงมาที่สุด ภายใต้เงื่อนไขรัฐธรรมนูญ


ส่วนหากมีคนไปยื่นศาลหรือผู้ตรวจการแผ่นดินวินิจฉัยเรื่องนี้ นายพริษฐ์ กล่าวว่า เราต้องยินดีรับมือกับทุกความคิดเห็น รวมถึงหากมีเหตุการณ์ที่บางฝ่ายอาจจะมีการยื่นเรื่องทางเราก็มีการศึกษาเรื่องประเด็นดังกล่าวอย่างรอบคอบ และยินดีทุกการตรวจสอบ ทั้งในมุมของการแสดงความเห็นและในมุมของการยื่นเรื่องต่างๆ ตนคิดว่าเราพยายามรักษาความตรงไปตรงมาให้ได้มากที่สุด


เมื่อถามว่ากรณีนี้ไม่ใช่การปาหี่หรือการละครใช่หรือไม่ นายพริษฐ์ ยืนยันว่า เป็นการพยายามให้ตรงไปตรงมาที่สุด


“ไม่มีอะไรลึกลับ อย่างแรกถ้าท้าวความตอนที่คุณปดิพัทธ์ได้รับการเสนอชื่อเป็นรองประธาน ก็อยู่บนความคาดหวังว่าพรรคก้าวไกลจะเป็นรัฐบาลและคุณพิธา ลิ้มเจริญรัตน์อาจจะเป็นนายกฯ… ไม่ได้เป็นอะไรที่เป็นการทรยศต่อความไว้วางใจของประชาชนที่มอบให้กับเรา ก็พยายามรักษาผลลัพธ์ทางการเมือง ที่ตรงไปตรงมาและสื่อสารกับประชาชนอย่างตรงไปตรงมาถึงเหตุผลให้ได้มากที่สุด” นายพริษฐ์ กล่าว



รับชมทางยูทูบที่ : https://youtu.be/6YV-rJml0lA

คุณอาจสนใจ

Related News