อาชญากรรม

‘บิ๊กโจ๊ก’ ลั่น! ไม่อยากทุบหม้อข้าวตัวเอง ไม่งั้นตายหมด - ‘ทนายอนันต์ชัย’ มั่นใจเอาอยู่ เปลี่ยนฉายาเป็น ‘โจ๊กอัคนี’

โดย petchpawee_k

28 ก.ย. 2566

214 views

‘ทนายอนันต์ชัย’ ฮึ่ม! จับตาสื่อ-คนให้สัมภาษณ์ ตั้งวอร์รูมติดตาม ขู่ใครพาดพิงฟ้องดำเนินคดี ไม่หนักใจทำคดีให้ ‘บิ๊กโจ๊ก’ เชื่อถูกรังแก เปลี่ยนฉายาจาก ‘โจ๊กหวานเจี๊ยบ’ เป็น ‘โจ๊กอัคนี’  ด้าน "บิ๊กโจ๊ก" ลั่นมีข้อมูลเยอะไม่ทุบหม้อข้าว “หากผมเปิดเมื่อไหร่ก็ตายทั้งสำนักงานตำรวจแห่งชาติ”


วานนี้ (27 ก.ย.) เวลา 10.00 น. นายอนันต์ชัย ไชยเดช ทนายความ เดินทางมาที่ สโมสรตำรวจ ถนนวิภาวดีรังสิต เพื่อแถลงเปิดตัวการเป็นทนายความให้กับ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ


โดยก่อนการแถลงทนายอนันต์ชัย ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนว่าเมื่อคืน (26 ก.ย.) ได้รับการติดต่อจาก พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ โดยได้รับมอบหมายให้ดูแลใน 2 ส่วน โดยส่วนแรกคือดูแลเรื่องของกรณีที่มีบุคคลไม่หวังดีมากลั่นแกล้ง รวมไปถึงเรื่องของการค้นบ้าน พล.ต.อ.สุรเชษฐ์


ส่วนที่ 2 คือเรื่องของผู้ใต้บังคับบัญชาที่โดนออกหมายจับ 8 คน ซึ่งจะต้องมาดูกันว่าส่วนไหนมีข้อพิรุธ แต่ถ้าหากตรวจสอบแล้วพบว่ามีความผิด ก็ว่าไปตามผิด จะไม่ปกป้องคนทำผิดอย่างเเน่นอน


เบื้องต้นก็ได้พูดคุยกันในทีมทนายเเล้วว่าแล้วหลังจากนี้การให้สัมภาษณ์ใดๆ ก็ตาม จะต้องผ่านทีมทนายความเท่านั้น เพื่อรักษาภาพลักษณ์ เเล้วไปสู้กันในศาล


ทั้งนี้ ตนเองตั้งข้อสังเกตว่าเหตุใด เหตุการณ์นี้ต้องมาเกิดก่อนที่จะมีการเลือกผู้บัญชาการตำรวจเเห่งชาติคนใหม่ ตนเชื่อว่าประชาชนหรือแม้กระทั่งเด็กอนุบาลก็น่าจะมองออกว่า ปฏิบัติการค้นบ้านมีเจตนาอะไรและการออกหมายค้นก็มองว่าไม่ปกติ เพราะท่านมีตำแหน่งเป็นถึงรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ


นอกจากนี้การเอาหน่วยคอมมานโดบุก ไปที่บ้านเป็นเรื่องที่ไม่สมควร และตนไม่เชื่อว่าตำรวจที่ไปค้นบ้าน จะไม่รู้ว่าเป็นบ้านของ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ดังนั้นการกระทำดังกล่าวถือว่าเป็นการกลั่นเเกล้ง ดิสเครดิตอย่างเเน่นอน หน้าที่ของตนคือจะต้องทำความจริงให้ปรากฏทั้งต่อศาลและสาธารณชน


ส่วนเรื่องที่มีภาพ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ปรากฎร่วมกับ "มินนี่" เจ้าของเว็บพนันออนไลน์ แล้วถูกนำมาโยงกันนั้น ทนายอนันต์ชัย กล่าวว่า การเป็นบุคคลสาธารณะ เวลาจะเดินทางไปที่ไหนย่อมมีคนมาขอถ่ายรูปเป็นปกติอยู่แล้ว ซึ่งคนที่มาขอถ่ายรูป หรือร่วมเฟรมภาพ อาจจะมีทั้งคนดีรวมไปถึงคนที่ทำผิดกฎหมายปะปนกันไป ดังนั้นการที่ถ่ายรูปกับคนที่กระทำผิดกฎหมายก็ไม่ได้หมายความว่าบุคคลผู้นั้นจะมีความผิดไปด้วย เพราะการกระทำความผิดจะต้องดูที่เจตนาไม่ใช่การถ่ายรูป


 "การที่ท่านสุรเชษฐ์ไปร้องเพลง ไปถ่ายรูป รวมถึงที่มีดาราไปถ่ายรูป แล้วจะชั่วไปด้วยมันไม่ใช่ อย่าไปคิดอย่างนั้น เพราะคดีอาญาให้ดูที่เจตนา ว่ากระทำความผิดจริงหรือไม่ ตามมาตรา 59 ไม่ใช่ดูที่การถ่ายรูป "


นอกจากนี้อย่าขอเอาเรื่องของลูกน้อง ที่กระทำผิดมารวมกับผู้บังคับบัญชา เพราะการที่ลูกน้องทำผิดไม่ได้หมายความว่าผู้บังคับบัญชาจะทำผิดด้วย เพราะเรื่องเส้นทางการเงินทั้งหมดนั้นตนเองทราบหมดแล้ว แต่ยังไม่สามารถเปิดเผยได้ เป็นเรื่องของกระบวนการยุติธรรม และเรื่องนี้ตนเองจะไม่ให้ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ พูดอีกแล้ว ทนายความจะเป็นผู้พูดแทน


ส่วนกรณีการเช็คบิล ตนเองจะมีการตั้งวอลรูม ทีมทนายความขึ้นมาและดูการให้สัมภาษณ์ของแต่ละบุคคลผ่านสื่อ รวมถึงดูประเด็นต่างๆ ทั้งระบบ หากพบว่าใครที่พาดพิง ก็จะมาพิจารณาว่าจะฟ้องร้องดำเนินคดีหรือไม่


ยืนยันตนเองไม่เคยมีความหนักใจในการรับทำคดีนี้ โดยส่วนตัวไม่ถนัดสู้ในโซเชียล ที่ผ่านมาก็ไม่ค่อยได้ให้สัมภาษณ์สื่อ ถนัดสู้ในศาลมากกว่า พร้อมย้ำว่าในฐานะทนายสามารถรับทำคดีได้ทุกเรื่อง ไม่ว่าฝ่ายโจทย์หรือจำเลย หากรู้สึกว่าไม่ได้รับความเป็นธรรม แต่ตนเองจะไม่เปลี่ยนดำให้เป็นข่าว

ทนายอนันต์ชัย ได้ย้ำความมั่นใจว่า "ไม่ต้องกลัว งานนี้ผมเอาอยู่" และจะขอเปลี่ยนฉายาให้ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ใหม่ จาก "โจ๊กหวานเจี๊ยบ" เป็น "โจ๊กอัคนี" สื่อถึงเปลวเพลิงที่เผาทุกสิ่งทุกอย่างเเละมีความเเข็งเเกร่ง

ด้าน พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. กล่าวว่า เมื่อช่วงเช้า (27 ก.ย.) ที่ผ่านมา ตนได้ให้ตัวแทนทนายความ ไปยื่นคำร้องที่ศาลอาญากรุงเทพใต้ ขอให้มีการไต่สวนการละเมิดอำนาจศาล กรณีการขอหมายจับลูกน้องทั้ง 8 ราย เพราะโดยปกติแล้ว การขอหมายจับตำรวจ ต้องไปขอที่ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลางเท่านั้น ซึ่งต้องแจ้งยศ และศาลจะสั่งให้ออกหมายเรียกก่อน แม้จะเป็นคดีที่มีพลเรือนรวมอยู่ด้วย ก็ต้องไปขอที่ศาลทุจริตฯ อยู่ดี โดยพลเรือนจะถือเป็นผู้ให้การสนับสนุน


แต่สิ่งที่เกิดขึ้น มีการหมกเม็ด ไปขอหมายจับที่ศาลอาญากรุงเทพใต้ โดยไม่แจ้งยศให้ศาลทราบ แต่ยื่นผสมไปกับพลเรือน ทำให้ศาลออกหมายจับทั้งหมด ทั้งที่ประเทศเรา กำหนดให้มีศาลแยกดำเนินคดีเจ้าหน้าที่รัฐที่ทำผิด  นอกจากหลอกศาลอาญากรุงเทพใต้แล้ว ยังมาหลอกศาลอาญา รัชดาภิเษกต่อ ในการขอหมายค้นบ้านตนด้วย


พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ตั้งข้อสังเกตเพิ่มเติมว่า หากอ้างว่าการขอหมายค้นบ้านตน ทำเพื่อเข้าจับกุมผู้ต้องหาตามหมายจับคือ “สารวัตรนนท์” ซึ่งเป็นนายตำรวจติดตามตนนั้นก็ผิกปกติ เพราะหมายจับสารวัตรนนท์ ออกตั้งแต่ช่วงวันศุกร์-เสาร์ แต่มาขอออกหมายค้นบ้านตนวันอาทิตย์


ทั้งที่ “สารวัตรนนท์” ไม่ได้นอนพักที่บ้านตน เพียงแค่มารับส่งและพักอยู่ที่แฟลตตำรวจพญาไท แล้วทำไมจึงไม่เข้าจับกุมตั้งแต่ตอนที่หมายจับออก แต่มารอจับที่บ้านตนในวันจันทร์ เชื่อว่าเรื่องนี้เป็นการแบ่งงานกันทำ ในการปกปิดข้อเท็จจริงศาล


พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ย้ำว่า หมายค้นต้องระบุวัตถุประสงค์การออกหมายค้นให้ละเอียดชัดเจนว่าเป็นการค้นเพื่อหาอะไร ระบุสถานที่ที่จะค้น ชื่อหรือรูปพรรณบุคคลหรือลักษณะสิ่งของที่ต้องการค้น รวมไปถึงต้องระบุกำหนดวันเวลาที่จะทำการค้น และชื่อกับตำแหน่งของเจ้าพนักงานผู้จะทำการค้น ระบุความผิด หรือวิธีการเพื่อความปลอดภัย และสุดท้ายต้องระบุลายมือชื่อและประทับตราของศาล

นอกจากนี้ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล  ยังกล่าวอีกว่า ตนมีข้อมูลอีกเยอะ ถ้าเปิดไปหนาวแน่นอน “ไม่อยากทุบหม้อข้าวตัวเอง อยากให้ตำรวจที่ไม่เกี่ยวข้องได้มีทางเดิน หากผมเปิดเมื่อไหร่ก็ตายทั้งสำนักงานตำรวจแห่งชาติ” พร้อมบอกว่า ตนเองสงสารน้องๆ ผู้กำกับจะอยู่กันลำบาก จึงยังไม่เปิดรายละเอียดทั้งหมด พร้อมย้ำว่าตนเองทำงานสืบสวนมาทั้งชีวิตและถนัดไล่เส้นทางการเงิน ให้ดูคดีเก่าๆ ได้ว่าเคยยึดทรัพย์มาเท่าไหร่แล้ว  

คุณอาจสนใจ

Related News