เลือกตั้งและการเมือง

ผบ.ทร. ยืนยันเรือดำน้ำใช้เครื่องยนต์จีน เตรียมชงรมว.กลาโหม สัปดาห์หน้า

โดย nutda_t

21 ก.ย. 2566

548 views

พลเรือเอกเชิงชาย ชมเชิงแพทย์ ผู้บัญชาการทหารเรือ กล่าวถึงการตัดสินใจที่จะใช้เครื่องยนต์ CHD 620 ของจีนมาใส่ในเรือดำน้ำไทย ได้แจ้งความคืบหน้าไปที่กระทรวงกลาโหมแล้วหรือไม่ ว่ากองทัพเรือจะตรวจสอบข้อเสนอของจีน ในการเปลี่ยนเครื่องยนต์ขับเคลื่อนกำเนิดไฟฟ้าของเยอรมัน มาเป็นของจีน ซึ่งในช่วงปีที่ผ่านมา ได้มีการตรวจสอบข้อมูลที่จีนนำเสนอ รวมถึงมีการส่งเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องไปตรวจสอบข้อมูลและเครื่องยนต์ และได้มีการยื่นข้อเสนอในการรับประกันเครื่องยนต์ดังกล่าวโดยกองทัพเรือจีน


ซึ่งล่าสุด จีนได้เสนอมาที่กองทัพเรือไทยเรียบร้อยแล้ว และเสนอข้อพิจารณาในการแก้ไขข้อตกลงระหว่างรัฐบาลต่อรัฐบาล เพื่อที่จะขยายระยะเวลาในการสร้างเรือดำน้ำออกไปอีก หากมีการแก้ไขข้อตกลง ซึ่งขณะนี้คณะกรรมการบริหารโครงการเรือดำน้ำ ได้เสนอเรื่องขึ้นมาที่กองทัพเรือ และอยู่ระหว่างการพิจารณาของฝ่ายอำนวยการที่เกี่ยวข้อง เมื่อพิจารณาเสร็จกองทัพเรือก็จะนำเสนอรัฐบาล ว่าแนวทางที่จีนนำเสนอเรื่องการเปลี่ยนเครื่องยนต์ จากเครื่องยนต์ของเยอรมัน เป็นเครื่องยนต์ของจีน ซึ่งกองทัพเรือได้ส่งเจ้าหน้าที่ไปดูการผลิตเครื่องยนต์ดังกล่าว รวมถึงการรับรองเครื่องยนต์ดังกล่าวจากการทร.จีน เป็นที่เรียบร้อย และเตรียมเรื่องการแก้ไขข้อตกลงส่งให้กับกองทัพเรือพิจารณาเรียบร้อยหมด


โดยภาพรวม ทางกองทัพเรือ เชื่อมั่นได้ว่า ข้อมูลที่ได้รวบรวมถึงการตรวจสอบเครื่องยนต์ของจีน ที่เป็นเครื่องกำเนิดเครื่องไฟฟ้าของเรือดำน้ำ สามารถใช้ทดแทนเครื่องยนต์ของ เยอรมันได้ โดยไม่ทำให้เสียในเรื่องของความปลอดภัยในการใช้งาน เรื่องประสิทธิภาพการใช้งาน แล้วก็เรื่องการรับประกัน ซึ่งทางจีนได้มีการแจ้งรับประกันเพิ่มเติมจากเดิม ตามข้อตกลงเดิมเป็นการรับประกันชิ้นส่วนของเรือน้ำภายหลังส่งมอบเป็นระยะเวลา 2 ปี ในการเจรจาทางการจีนจะพิจารณาให้การสนับสนุนในการรับประกันเครื่องยนต์ดังกล่าว เป็นระยะเวลา 8 ปี พร้อมอะไหล่ พร้อมเจ้าหน้าที่มาดูแลเครื่องยนต์ที่ประเทศไทย รวมถึงการซ่อมบำรุงในช่วงของ 8 ปี ทำไมถึงเป็น 8 ปี เพราะเป็นระยะเวลาในการอัปเกรดเรือดำน้ำตามช่วงระยะเวลา ก็เป็นข้อมูลที่กองทัพเรือจะสรุปและนำเสนอรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม


สำหรับความจำเป็นในการที่ต้องมีเรือน้ำ กองทัพเรือยังยืนยันว่า ตามยุทธศาสตร์กองทัพเรือ และสภาวะแวดล้อมของโลก และประเทศรอบบ้าน กองทัพเรือยังมีความจำเป็นที่จะต้องมีเรือน้ำในการรักษาสมดุลของความมั่นคงทางทะเลในภูมิภาค เพราะฉะนั้นยังมีความจำเป็นต้องมีเรือดำน้ำอยู่ ทั้งนี้การตัดสินใจว่าจะเดินหน้าต่อโครงการหรือไม่ ก็เป็นเรื่องที่ทางรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ต้องพิจารณาและนำเสนอเข้าพิจารณาในส่วนของครม. และรัฐบาลต่อไป


ส่วนกรณีที่ นายกรัฐมนตรี มีไอเดียที่จะเจรจากับทางเยอรมัน เพื่อขอใช้เครื่องยนต์เยอรมัน มองว่ามีแนวทางความเป็นไปได้หรือไม่ พลเรือเอกเชิงชาย กล่าวว่า ความจริงกองทัพเรือได้เคยเจรจากับทางการเยอรมัน ผ่านทางผู้ช่วยทูตทหารตั้งแต่ทราบปัญหา ซึ่งทางผู้ช่วยทูตทหารเยอรมันและเอกอัครราชทูตเยอรมันประจำประเทศไทย ก็ได้แจ้งข้อมูลนี้ว่า ทางเยอรมันไม่สามารถขายเครื่องยนต์เรือดำน้ำตามกฎของการห้ามการส่งออก ในกรณีที่สามารถนำไปใช้เป็นอาวุธสงครามให้กับทางการจีนได้ แล้วกองทัพเรือก็ได้ทราบข้อมูลจากทางกองทัพเรือจีนว่า แม้ปัจจุบันทางเยอรมันไม่ส่งออกเครื่องยนต์ของเยอรมันเพื่อติดตั้งในเรือน้ำที่จีนต่อเองด้วย เพราะฉะนั้นโดยสรุปแล้ว จีนเองก็ต้องผลิตเครื่องยนต์เพื่อใช้กับเติมเรือดำน้ำของตัวเองในปัจจุบันและในอนาคต ซึ่งจีนมีการพัฒนาเรือดำน้ำ แล้วก็ต่อเรือดำน้ำอยู่ตลอด เพราะฉะนั้นในอนาคตจีนก็ต้องใช้เครื่องยนต์ของจีนเองในการติดตั้งกับเรือดำน้ำ


เมื่อถามว่าข้อมูลตรงนี้ได้แจ้งให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมรับทราบแล้วหรือไม่ พลเรือเอกเชิงชาย กล่าวว่า ข้อมูลทั้งหมดก็จะอยู่ในข้อพิจารณาเพื่อเสนอกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ทั้งหมด และทางกลาโหมจะเป็นผู้พิจารณาข้อเสนอของกองทัพเรือ


เมื่อถามย้ำว่า จุดยืนของกองทัพเรือ คือพร้อมและเต็มใจ สบายใจที่จะใช้เครื่องยนต์เรือดำน้ำจีน พลเรือเอกเชิงชาย กล่าวว่า ได้มีการตรวจสอบแล้วว่าเครื่องยนต์ของจีนมีคุณสมบัติ และขีดความสามารถเทียบเท่ากับเครื่องยนต์ของเยอรมัน โดยเฉพาะเรื่องของความปลอดภัยกับข้อมูลการใช้งานทางด้านยุทธการ ก็สามารถใช้ทดแทนกันได้


เมื่อถามย้ำว่า จะยืนยันกับ ครม. กับนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ตามที่จะได้ส่งเรื่องขึ้นไปใช่หรือไม่ พลเรือเอกเชิงชาย กล่าวว่า ก็ยืนยันเป็นข้อมูลให้กับ ทางรัฐมนตรีพิจารณา ซึ่งตามข้อตกลง ถ้ามีการแก้ไขข้อตกลงจะต้องใช้ระยะเวลาในการสร้างเรือดำน้ำเพิ่มเติมอีกประมาณเกือบ 3 ปี เพราะต้องอยู่ในขั้นตอนการผลิตเครื่องยนต์ก่อน แล้วมาติดตั้งกับเรือดำน้ำที่มีการต่อไว้แล้วในระดับหนึ่ง


เมื่อถามว่าได้พูดคุยเป็นการส่วนตัวกับนายสุทิน คลังแสง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมแล้วหรือไม่ พลเรือเอกเชิงชาย กล่าวว่า เรื่องนี้ก็ได้มีการเรียนให้ทราบแล้ว ตอนที่ท่านมาแถลงนโยบายที่กระทรวงกลาโหม ก็ได้นำเสนอข้อมูลตามที่เสนอกับนักข่าวให้ท่านได้รับทราบแล้ว


ส่วนท่าทีของรัฐบาลเป็นอย่างไร จะยกเลิกหรือแก้ไขสัญญาหรือไม่ พลเรือเอกเชิงชาย กล่าวว่า ยังไม่มีการพูดคุยในเรื่องนี้ ต้องรอทางรัฐมนตรีรับข้อมูล แล้วก็ไปพิจารณาอีกที


เมื่อถามว่าหากมีการยกเลิก จะมีการชี้แจงหรือไม่ว่าจะต้องเป็นเครื่องยนต์ของจีน พลเรือเอกเชิงชาย กล่าวว่า เรื่องนี้ต้องมีการคุยกันในระดับรัฐมนตรีก่อน เพื่อนำเรียนข้อมูล ตามที่รัฐมนตรีต้องการรับทราบข้อมูล


เมื่อถามว่ากองทัพเรือ จะส่งข้อมูลให้รัฐมนตรีว่ากระทรวงกลาโหม ได้เมื่อไหร่ พลเรือเอกเชิงชาย กล่าวว่า ขณะนี้ฝ่ายอำนวยการกำลังพิจารณา ก็จะพยายามเร่งรัดและเสนอไปที่กระทรวงกลาโหม และจะพยายามให้ทันในสมัยที่ตนยังดำรงตำแหน่งอยู่ และได้เตรียมเรื่องไว้ทั้งหมดแล้ว และพร้อมเสนอขึ้นไป โดยจะพยายามเร่งให้ทันภายในสัปดาห์หน้า


เมื่อถามย้ำว่า ภารกิจสุดท้ายของ ผบ.ทร. ที่อยากทำให้สำเร็จคือให้เรือดำน้ำลำแรกเดินหน้าต่อใช่หรือไม่ พลเรือเอกเชิงชาย กล่าวว่า ตนมาทำหน้าที่ผู้บัญชาการทหารเรือ ในการตรวจสอบข้อมูลว่าตามที่ทางการจีนเสนอเปลี่ยนเครื่องยนต์จากเยอรมันเป็นของจีน สามารถทำได้หรือไม่ มีการยอมรับได้หรือไม่ ซึ่งได้มีการพิสูจน์แล้ว และตรวจสอบข้อมูลแล้ว และได้ทำการทุกอย่างแล้ว ในการพิจารณาว่าสามารถปรับเปลี่ยนเครื่องยนต์ เรือดำน้ำไทยได้ โดยไม่ทำให้เสียคุณค่าทางยุทธการและความปลอดภัย และทางกองทัพเรือจีน ก็รับประกันว่าเครื่องยนต์ดังกล่าว สามารถติดตั้งกับเรือดำน้ำไทยได้ ซึ่งเรือดำน้ำที่ปากีสถานต่อกับจีน 8 ลำ ปัจจุบันก็มีการเดินหน้าในการผลิตเครื่องยนต์ เพื่อติดตั้งในเรือดำน้ำปากีสถานเรียบร้อยแล้ว


เมื่อถามถึงท่าทีของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ที่ดูเหมือนอยากได้เรือดำน้ำของทางเยอรมัน พลเรือเอกเชิงชาย กล่าวว่า ก็ต้องต้องพิจารณาภายหลังจากที่รัฐบาลพิจารณาว่าจะเดินหน้าต่อโครงการเรือดำน้ำของจีน หรือจะเปลี่ยนเป็นโครงการอื่น ซึ่งก็ต้องไปเริ่มพิจารณารายละเอียดกันใหม่ แต่การเริ่มต้นโครงการใหม่ ปัญหาคือเรื่องงบประมาณ เพราะว่าการจัดหาเรือน้ำ เป็นลักษณะจัดหาแบบแพ็กเกจ ต้องใช้งบประมาณค่อนข้างสูง อย่าลืมว่าการตั้งโครงการเรือดำน้ำเมื่อ 6 ปีที่แล้ว เราตั้งโครงการเรือดำน้ำ 2 ลำ มูลค่าโครงการ 36,000 ล้านบาท เป็นเรือน้ำมาตรฐาน ปัจจุบันเนี่ยราคาน่าจะสูงขึ้นกว่าในอดีต และถ้าเป็นการจัดหาเรือดำน้ำทั่วไป ก็จะต้องจัดหาอย่างน้อย 2 ลำซึ่งน่าจะใช้งบประมาณมากกว่า 36,000 ล้านบาท การตั้งงบประมาณขนาดนั้น เกรงว่างบเสริมสร้างของกองทัพเรืออาจจะไม่เพียงพอ ถ้าจะต้องตั้งงบประมาณสูงขนาดนั้น


ส่วนไอเดียรัฐบาลที่จะใช้นโยบายการค้าต่างตอบแทนนั้น มองว่าอยู่ที่รัฐบาลจะต้องเจรจาในเรื่องนี้ กองทัพเรือแค่เสนอความต้องการและเสนอแนวทางในการพิจารณาเรื่องงบประมาณให้รัฐบาลพิจารณา

คุณอาจสนใจ

Related News