อาชญากรรม

กองปราบฯ ยันรับโอนคดี 'กำนันนก' ต่อจาก ตร.ภูธรภาค 7 ไม่ใช่การรื้อคดี แต่เป็นการสานต่อ

โดย nattachat_c

20 ก.ย. 2566

81 views

วานนี้ (19 ก.ย. 66) เวลา 14.50 น. ภายหลังจากการประชุมชุดพนักงานสอบสวน กองบังคับการปราบปราม เพื่อติดตามความคืบหน้าการดำเนินคดีกับผู้ที่เกี่ยวข้องกับการเสียชีวิตของ พ.ต.ต.ศิวกร สายบัว หรือ สารวัตรแบงค์ ตำรวจทางหลวงที่เสียชีวิตภายในที่ทำการของนายประวีณ จันทร์คล้าย อดีตกำนันนก นานกว่า 1 ชั่วโมง


พ.ต.อ.วิวัฒน์ จิตโสภากุล ผู้กำกับการ 3 กองบังคับการปราบปราม ในฐานะโฆษกชุดสืบสวนคลี่คลายคดี ยืนยันว่าการรับโอนคดีมาสอบสวนต่อจากตำรวจภูธรภาค 7 ของกองปราบปราม ไม่ใช่เป็นการรื้อคดีมาทำใหม่ แต่เป็นการทำอย่างต่อเนื่องจากชุดคณะทำงานที่ภาค 7  โดยเมื่อรับมา จะมุ่งเน้นการตรวจสอบข้อเท็จจริงในที่เกิดเหตุ และข้อกฎหมายเพื่อดำเนินคดีกับตำรวจที่เกี่ยวข้อง


สำหรับกล้องวงจรปิดในที่เกิดเหตุแม้ว่าใน 15 ตัว จะมีกล้อง 2 ตัว บันทึกภาพไว้เพียงเดือนสิงหาคม ส่วนอีกตัวที่เป็นจุดเกิดเหตุบันทึกภาพไว้ได้ถึงเวลา 10.00 น. แต่โฆษกฯ ยืนยันว่า แม้จะกู้ไม่ได้แต่ตำรวจมีประจักษ์พยานที่จะให้ข้อมูลเพื่อดำเนินคดีกับตำรวจที่เข้าข่ายความผิดได้


ส่วนตำรวจ 13 นาย ก่อนหน้าที่พบว่าอาจจะถูกแจ้งข้อกล่าวหาละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ฯ ตามมาตรา 157 นั้น พ.ต.อ.วิวัฒน์ กล่าวว่า ขอเวลาตรวจสอบพยานหลักฐาน และนำมาไล่เรียงเหตุการณ์ทั้งหมดก่อนว่าคืนนั้นแต่ละคนทำอะไรยังไงบ้าง ต้องไล่รายละเอียด 1 นาย ต่อ 1 รายงาน


แม้ว่าตำรวจจะอ้างว่าไปร่วมงานเลี้ยงนอกเวลาราชการ แต่หากเป็นตำรวจแล้วเมื่อเกิดเหตุการณ์ขึ้น ตำรวจต้องทำหน้าที่ ทั้งจับคนร้าย ช่วยคนเจ็บ และรักษาสถานที่เกิดเหตุ แต่ปรากฏว่าในคืนวันเกิดเหตุมีเหตุการณ์เกิดขึ้นหลายอย่าง ทำให้ทีมพนักงานสืบสวนสอบสวนต้องมาไล่เรียงพฤติการณ์ของแต่ละคน ในคืนวันเกิดเหตุว่าแต่ละคนทำหน้าที่อะไร และได้ทำหน้าที่สมบูรณ์หรือไม่ ทั้งหมดนี้ต้องมาพิจารณาร่วมกัน


ซึ่งหากพบว่าใครละเว้นการปฎิบัติหน้าที่หรือกระทำความผิด ยืนยันว่า จะต้องดำเนินคดีทุกคนอย่างตรงไปตรงมา ตามคำสั่งการของผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลางที่เน้นย้ำว่า จะต้องทำให้เรื่องนี้ปรากฏให้เร็วที่สุด


เมื่อถามย้ำว่าตำรวจที่จะถูกแจ้งข้อกล่าวหายังเป็น 13 นาย ที่มีรายชื่อออกมาก่อนหน้านี้หรือไม่

พ.ต.อ.วิวัฒน์ ยอมรับว่า ก็เป็นเรื่องบุคคลที่ประชาชนสงสงสัยว่าน่าจะมีความผิด แต่เราย้ำว่ายังต้องนำมาไล่เรียงใหม่ทั้งหมดและต้องมาพิจารณาร่วมกัน


ส่วนตำรวจ 6 นาย ที่พบว่ากระทำความผิดและถูกจับไปแล้ว ยังยืนยันในความผิดเดิม ไม่เปลี่ยนแปลงอะไร


อย่างไรก็ตามพันตำรวจเอกวิวัฒน์ ย้ำว่า ขอเวลาให้เราได้ทำงานก่อนและให้ดูพยานหลักฐานอย่างละเอียดรอบคอบเพราะเราเชื่อว่ามีตำรวจมากกว่า 6 คนที่กระทำความผิด และในตอนนี้ยังไม่มีใครที่ถูกกันไว้เป็นพยาน แต่ยอมรับว่ามีการให้การขัดแย้งกันอยู่ แต่ไม่เยอะ โดยทั้งหมดไม่สามารถเปิดเผยได้ เพราะอยู่ในสำนวน


นอกจากนั้น คณะทำงาน ได้ทำเรื่องถึงศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 7 เพื่อขอย้ายการฝากขังตัวผู้ต้องหาในคดีมาควบคุมตัวในอำนาจของศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง ซึ่งจะต้องย้ายมาจากเรือนจำกลางจังหวัดสมุทรสงคราม มาที่เรือนจำกลางพิเศษกรุงเทพฯ ภายใน 1-2 วันนี้ เพื่อป้องกันการแทรกแซงของผู้มีอิทธิพลในพื้นที่


ส่วนผู้ต้องหาทั้งตำรวจและอดีตกำนันนก จะถูกคุมขังอยู่ที่เดียวกันหรือไม่ ขึ้นอยู่กับระเบียบของกรมราชทัณฑ์ และจะเร่งดำเนินการให้ทันพลัด 2 ของการฝากขัง (พลัดแรกหมด 22 ก.ย.)


ประเด็นจะเรียกพลเรือนที่เกี่ยวข้องเข้ามาให้ปากคำอีกหรือไม่ เรื่องนี้ยืนยันว่าจะต้องมีการสอบสวนเพิ่มเติมอีกหากพบข้อสงสัยเพิ่มเติม แต่ในส่วนคำให้การและพยานหลักฐานตั้งแต่แรก ทางกองปราบฯ ก็ได้ทำร่วมกันกับทีมของตำรวจภูธรภาค 7 และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ มาตลอดอยู่แล้ว


พ.ต.อ.วิวัฒน์ ยังกล่าวว่า ภายในสัปดาห์หน้า คดีนี้จะมีความคืบหน้ามากขึ้น โดยเฉพาะการแจ้งข้อกล่าวหากับตำรวจที่พบความผิด โดยขณะนี้ยังไม่จำเป็นต้องเรียกตำรวจที่เคยให้การไปแล้วมาให้ปากคำใหม่ แต่ชุดทำงานได้ลงพื้นที่ไปสอบปากคำพยานคนอื่นเพิ่ม เพื่อขัดแย้งกับคำให้การหรือไม่ โดยหากตำรวจนายใดให้การเท็จ หรือมีความผิดก็จะแจ้งข้อกล่าวหาทันที


พ.ต.อ.วิวัฒน์ ย้ำว่าการทำคดีนี้เป็นการสืบสวนสอบสวนในเรื่องเดียวกันมาตั้งแต่เริ่มทำคดีร่วมกับตำรวจภูธรภาค 7 /สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และกองปราบปราม โดยพยานหลักฐานทั้งหมดก็เป็นพยานหลักฐานในชุดเดียวกันที่จะสามารถนำมาดำเนินคดีกับผู้ที่กระทำความผิดได้


หลังจากนี้ก็เหลือทำสำนวนให้ครบถ้วนสมบูรณ์ และจะต้องประมวลผลให้เป็นเรื่องเดียวกันให้ได้ เพื่อเป็นประโยชน์ต่อความยุติธรรม ประกอบกับวันนี้ได้ดำเนินการปรึกษาอัยการและได้พูดคุยในฐานะที่ปรึกษาตามระเบียบแล้ว แต่ยังไม่สามารถระบุหรือชี้ชัดได้ว่าใครกระทำความผิดบ้าง

----------



รับชมผ่านยูทูปได้ที่ : https://youtu.be/YbujJaC9LbI

คุณอาจสนใจ

Related News