อาชญากรรม

ฝากขัง 'กำนันนก' เจ้าตัวเครียด ไม่ยอมกินข้าว - เมีย ‘หน่อง’ ไม่ติดใจสามีถูกจับตาย เชื่อยิงตร.ไม่ใช่เรื่องส่วนตัว

โดย petchpawee_k

9 ก.ย. 2566

361 views

ความคืบหน้าคดียิงสารวัตรทางหลวงเสียชีวิต ภายหลังมีการโอนสำนวนคดีจาก สภ.เมืองนครปฐม มาที่กองบังคับการปราบปราม และเมื่อวานนี้ (8 ก.ย. 66) ได้มีการควบคุมตัว นายประวีณ จันทร์คล้าย หรือกำนันนก ผู้ต้องหาในคดีฐานใช้ให้ผู้อื่นกระทำความผิดฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา และพยายามฆ่าผู้อื่น มาสอบปากคำที่กองบังคับการปราบปราม


ล่าสุด วันนี้ (9 ก.ย. 66) เมื่อเวลา 09.10 น. เจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการพิเศษ “หนุมานกองปราบ” ได้เดินทางมาที่อาคารห้องควบคุมผู้ต้องหา เพื่อเตรียมนำตัว กำนันนก ไปขออำนาจศาลอาญา รัชดาภิเษก ฝากขังผัดแรก โดยพนักงานาอบสวนได้คัดค้านการประกันตัว เนื่องจากพฤติการณ์มีความรุนแรง และด้วยอิทธิพล เกรงว่าจะไปยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐาน


ต่อมา เวลา 09.40 น. เจ้าหน้าที่ได้ควบคุมตัวกำนันนก ออกมาขึ้นรถ โดยกำนันนก เดินก้มหน้า ยังมีสีหน้าเครียด และไม่ตอบคำถามใดกับสื่อมวลชนเช่นเดิม

ขณะที่เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ตำรวจได้นำข้าวเช้าเข้าไปให้ กำนันนก ในห้องควบคุมผู้ต้องหา แต่เจ้าหน้าที่บอกว่า กำนันนก ไม่ยอมรับประทาน ซึ่งคาดว่าอาจจะมีอาการเครียด


ด้าน พลตำรวจเอกสุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ระบุว่า ในวันนี้ ได้มอบหมายให้ชุดทำงาน เรียกตัวตำรวจที่อยู่ในเหตุการณ์ทั้งหมด 25 นาย มาสอบปากคำที่กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 7 โดยจะเป็นการสอบปากคำอย่างละเอียดถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ว่าใคร ทำอะไร อย่างไร บ้าง รวมถึงใครเป็นคนถอดเซิร์ฟเวอร์กล้องวงจรปิดและพากำนันนกหลบหนีออกจากที่เกิดเหตุ ซึ่งคาดว่าจากการสอบปากคำตำรวจทั้งหมดในวันนี้ จะสามารถบอกได้ว่า เป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจหรือไม่ที่เป็นผู้ทำลายหลักฐาน

--------------------------------------------------


ขณะที่เมื่อวานนี้ ( 8 ก.ย.) เจ้าหน้าที่ตำรวจคุมตัว นายประวีณ จันทร์คล้าย หรือ “กำนันนก” ออกจาก สภ.เมืองนครปฐม เพื่อนำตัวเข้ากองบังคับการปราบปราม หลังโอนสำนวนคดียิงสารวัตรทางหลวงเสียชีวิต ไปอยู่ในความรับผิดชอบของกองบังคับการปราบปราม โดยชุดหนุมานกองปราบปราม 10 นาย ได้นำหนังสือมารับตัวกำนันนก


โดยระหว่างคุมตัวออกมา พบว่า กำนันนกเปลี่ยนเสื้อจากสีขาวเป็นสีดำ และมีสีหน้าเคร่งเครียด นักข่าวพยายามเข้าไปสอบถามหลายคำถาม แต่เจ้าตัวไม่ตอบคำถามใด ๆ


ทั้งนี้พบว่าแม่ของกำนันนกและญาติพี่น้อง ได้นำข้าวกล่อง และข้าวของบางส่วน ขึ้นไปให้กำนันนกที่หน้าห้องขัง โดยมีสีหน้าเคร่งเครียด และไม่พร้อมพูดคุยอะไรกับสื่อมวลชน เพียงแต่พยักหน้าตอบรับว่าจะเดินทางไปที่กองปราบปราบปรามหลังจากตำรวจคุมตัวกำนันนก ไป


โดยเมื่อเดินทางมาถึงกองปราบปราม ตำรวจได้ควบคุมตัว กำนันนก ลงจากรถ ซึ่งสื่อมวลชนพยายามสอบถามในประเด็นต่าง ๆ แต่กำนันนก ไม่ได้ตอบคำถามแต่อย่างใด และสังเกตได้ว่า กำนันนก มีใบหน้าหมองคล้ำ สีหน้าเคร่งเครียด จากนั้น เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ควบคุมตัว กำนันนก ขึ้นไปบนอาคารกองบังคับการปราบปรามทันที เพื่อให้กองกำกับการ 5 กองบังคับการปราบปราม ดำเนินการสอบสวน ตามขั้นตอนต่อไป

ขณะที่นายเชาว์ แก่นสวาท ทนายความของกำนันนก พร้อมด้วยญาติอีก 2 คน ได้เดินทางติดตามมาด้วย โดยทั้งทนายความและญาติ ก็ไม่ได้ตอบคำถามใด ๆ กับสื่อมวลชนเช่นกัน โดยเฉพาะเรื่องการเตรียมหลักทรัพย์ขอยื่นประกันตัวกำนันนก


สำหรับประเด็นการสอบปากคำ เริ่มสอบปากคำใหม่ทั้งหมด เพราะเพิ่งโอนคดีมาที่กองบังคับการปราบปราม ซึ่งจะต้องนำสำนวนคดีที่กำนันนก ให้ปากคำไว้ที่ สภ.เมืองนครปฐม มาเทียบเคียง ก่อนจะนำตัวกำนันนก ไปฝากขังในวันนี้ (9 ก.ย.)


นอกจากนี้ มีรายงานข่าวว่าในห้องสอบสวน ตำรวจได้แจ้งข่าวกับ “กำนันนก” ว่าได้วิสามัญนายหน่อง ท่าผา ไปช่วงเช้ามืด พอ “กำนันนก” รู้ข่าวก็มีสีหน้าท่าทางเคร่งเครียดมากกว่าเดิม แต่ก็ยังไม่ได้พูดถึงนายหน่องคนสนิทแต่อย่างใด คาดว่าน่าจะยังอยู่ในอาการตกใจ


พ.ต.อ.เอนก เตาสุภาพ รองผู้บังคับการกองปราบปราม ระบุถึงคดีนี้ว่าหลังจากนี้จะคุมตัวกำนันนก เข้ามาสอบปากคำเพิ่มเติมที่กองปราบฯ ซึ่งขั้นตอนก็เป็นไปตามกระบวนกฎหมาย ขณะที่ตอนนี้ตำรวจกว่า 20 นาย ที่อยู่ในที่เกิดเหตุ ยังกันไว้เป็นพยาน และเมื่อวานนี้มีการสอบปากคำไปทั้งหมดแล้ว หากพบความผิดจะมีการดำเนินคดีทางกฎหมายต่อไป

-------------------------------------------

เมีย “หน่อง ท่าผา” เผยไม่ติดใจสามีถูกวิสามัญ เชื่อยิงสารวัตรทางหลวง ไม่ใช่เรื่องส่วนตัว บอกพูดอะไรไม่ได้ หลัง “กำนันนก” บอกว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับหน่อง เผย สามีไปที่บ้านของกำนันนก ทุกวัน แต่ไม่ได้บอกไปทำอะไร


ขณะเดียวกันผู้สื่อข่าวได้สอบถาม ภรรยาของนายหน่อง ซึ่งเดินทางไปที่ สภ.ท่าเรือ จ.กาญจนบุรี เพื่อไปติดต่อเรื่องขอรับศพ  เธอเปิดเผยทั้งน้ำตาว่า ส่วนตัวไม่ได้ติดใจในการตาย แต่เหตุที่สามีลงมือยิงตำรวจทางหลวง เชื่อว่าไม่ใช่เรื่องส่วนตัวของหน่อง


ส่วนที่ กำนันนก บอกว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับหน่องนั้น ตนเองก็พูดอะไรไม่ได้ ที่ผ่านมาเคยเห็นกำนันนก มาที่บ้าน 2-3 ครั้ง และในช่วง 1-2 เดือน ที่ผ่านมา สามีจะไปที่บ้านของกำนันนกทุกวัน แต่ไม่ได้บอกว่าไปทำอะไร และเวลากำนันไปไหน หน่องก็จะไปกับกำนันทุกครั้ง และไม่คิดว่าจะเกิดเหตุการณ์แบบนี้


จากนั้นภรรยาของนายหน่อง เดินทางไปที่จุดเกิดเหตุวิสามัญ เพื่อดูสภาพศพสามี ได้แต่ร้องไห้ บอกเพียงว่า หลังเกิดเหตุพยายามติดต่อสามี แต่ติดต่อไม่ได้ และยืนยันว่าสามี ไม่ได้กลับบ้านพักที่บ้านโป่ง ซึ่งตนเองมีลูกกับนายหน่อง 1 คน แต่แยกกันอยู่ ก็ไม่รู้ข้อมูลอะไรมาก ตลอดจนกำนันนกก็ไม่เคยเจอ


จากนั้นภรรยานายหน่อง เข้าให้ปากคำกับตำรวจ สภ. ท่าเรือ เผยกับทีมข่าวว่า ไม่ได้ติดใจการทำงานของตำรวจที่วิสามัญนายหน่อง และเมื่อถามว่า นายหน่องมีนิสัยยังไง บอกว่าเป็นคนอารมณ์ร้อน และทุกครั้งที่ไปหากำนันนกก็จะพกปืนติดตัวไปด้วย เมื่อถามว่าเชื่อหรือไม่ที่กำนันนก บงการให้สามีเธอเป็นคนยิงหรือไม่ เธอขอไม่ตอบในประเด็นดังกล่าว


ยอมรับว่าหลังเกิดเหตุก็พยายามติดต่อนายหน่องตลอด แต่ไม่สามารถติดต่อได้ จนกระทั่งมาทราบภายว่าถูกวิสามัญ จึงเดินทางมายังที่เกิดเหตุ เช่นเดียวกับกับแม่ยายของนายหน่อง บอกว่าไม่ทราบว่าลูกเขยหนีไปไหนหลังก่อเหตุ เพราะติดต่อไม่ได้ ยืนยันไม่รู้จักกับกำนันนก

----------------------------------

"รองต่อศักดิ์" ตรวจที่เกิดเหตุวิสามัญ “ไอ้หน่อง” มือยิงตำรวจทางหลวง หลังไม่ยอมมอบตัว ต่อสู้ยิงใส่ตำรวจเพื่อเปิดทางหนี ระบุ ตำรวจไม่ได้มีเจตนาจะแก้แค้น

วานนี้ ( 8 ก.ย. ).พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล รอง ผบ.ตร.เดินทางไปที่เกิดเหตุ วิสามัญนายหน่อง โดยพล.ต.อ.ต่อศักดิ์ เปิดเผยว่า ช่วงเวลาประมาณตี 5   ตำรวจสอบสวนกลาง พบเบาะแสรถต้องสงสัยบริเวณซอยโรงเจร้าง หลังวัดพระแท่นดงรัง อ.ท่าเรือ จ.กาญจนบุรี จึงนำกำลังเข้าปิดล้อม เพื่อจับกุม


 แต่เมื่อนายหน่อง เห็นตำรวจได้ลงจากรถพร้อมกับอาวุธปืน และยิงต่อสู้ทันที จึงทำให้ตำรวจกระโดดหาบังเกอร์หลบกระสุนและยิงไปที่นายหน่อง จำนวน 4 นัด กระสุนเข้าบริเวณลำคอ 1 นัด และหน้าอก 1 นัด ข้างลำตัว 1 นัด อีกนัดยิงไม่โดน


ส่วนการตั้งประเด็นว่าเป็นการฆ่าตัดตอนหรือไม่ ปัจจุบันมี พ.ร.บ.อุ้มหาย และตำรวจไม่ได้มีเจตนาจะแก้แค้น เพราะถ้าหากจับกุมได้ก็สามารถที่จะสอบปากคำไปถึงตัวคนที่บงการยิงในตำรวจระดับสารวัตรถึง 5 นัดได้ แต่นายหน่อง ต่อสู้ขัดขืน ซึ่งได้มีคำสั่งเด็ดขาดไปแล้วว่าหากมีการยิงต่อสู้ให้วิสามัญได้ทันที


ส่วนกรณีมีตำรวจอยู่ในงานขณะเกิดเหตุ แต่กลับไม่มีใครให้การช่วยเหลือหรือจับกลุ่มคนร้าย  ด้านพล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้เข้ามาเป็นผู้ดูแลประเด็นนี้ ซึ่งทั้งหมดอยู่ในขั้นตอนการตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริง


“สิ่งที่อยากจะบอกกับสารวัตรแบงค์ หรือนายตำรวจทุกคน ว่าเมื่อก้าวเท้าออกจากบ้านก็ไม่มีใครรู้อะไรจะเกิดขึ้นบ้าง แต่วันนี้ตำรวจระดับสารวัตรถูกยิง 5 นัด ต่อไปชาวบ้านตาดำ ๆ จะพึ่งใคร จึงทำให้ต้องลงพื้นที่จัดทีมไล่ล่าด้วยตัวเอง หลังจากนี้ก็จะสอบสวนขยายผล ซึ่งรายละเอียดจะเป็นชุดที่ทำคดี ว่ามีใครบงการเบื้องหลังหรือไม่”



รับชมทางยูทูบที่ :  https://youtu.be/pK9gdScnjRQ

คุณอาจสนใจ

Related News