อาชญากรรม

จ่าอาร์ท ยัน ตัวเองไม่ใช่เหตุของการยิงตำรวจทางหลวงดับ- ผกก.สน.พญาไท เผยเป็นคนช่วยสารวัตรสิวส่งโรงพยาบาล

โดย kanyapak_w

8 ก.ย. 2566

1.6K views

จ่าสิบตำรวจพิสิฐ ชิวปรีชา ผู้บังคับหมู่สถานีทางหลวง 1 กองกำกับการ 2 กองบังคับการตำรวจทางหลวง ระบุกับทีมข่าวช่อง 3 ยืนยันว่าตนเองไม่ได้เป็นสาเหตุของการผิดใจกันระหว่าง นายประวีณ จันทร์คล้าย หรือกำนันนก กับ พันตำรวจตรีศิวกร สายบัว สารวัตรทางหลวง 1 กองกำกับการ 2 ผู้บังคับบัญชาของตนเองและเป็นผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์ดังกล่าว



เนื่องจากประเด็นที่สังคมกำลังวิพากษ์วิจารณ์ว่าสาเหตุของการเกิดเหตุในครั้งนี้มาจากการที่กำนันนกพยายามวิ่งเต้นขอให้สารวัตรศิวกร ช่วยโยกย้ายตำแหน่งของตนเองจากตำแหน่งเดิมไปเป็นตำแหน่งสายตรวจรถจักรยานยนต์ แต่ทางสารวัตรศิวกร ปฏิเสธให้การช่วยเหลือเนื่องจากยืนยันตามหลักการ กระบวนการเคลื่อนย้ายตำแหน่งมีหลักการอยู่แล้วไม่สามารถเข้าไปยุ่งเกี่ยวหรือแทรกแซงได้ จนทำให้ตัวกำนันนกไม่พอใจและมีการยิงกันเกิดขึ้นโดยนายหน่อง



สำหรับประเด็นดังกล่าวตนเองยืนยันว่าไม่ได้เกี่ยวข้องกับเรื่องของตนเองเพราะคำสั่งในการโยกย้ายดังกล่าวมีการตกลงกันแล้วเสร็จเป็นที่เรียบร้อยก่อนหน้านี้ซึ่งไม่มีความจำเป็น ต้องมีตัวกลางในการช่วยเหลือโยกย้ายแต่อย่างใด



โดยทีมข่าวพยายามสอบถามในประเด็นอื่นๆเพิ่มเติมแต่ตัวจ่าสิบตำรวจพิสิฐ พยายามบ่ายเบี่ยงอ้างว่ามีธุระที่ต้องจัดการพูดคุยกับผู้บังคับบัญชาก่อนจะตัดสายไปและไม่สามารถติดต่อกลับได้อีกครั้ง



ขณะที่มีรายงานจากภายในกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลางยืนยันว่าสำหรับคำสั่งที่ตัว จ่าสิบตำรวจพิสิฐ กล่าวอ้างว่ามีการลงนามให้โยกย้ายตำแหน่งและจะมีผลในช่วงเดือนหน้าตามที่มีการนำเสนอข่าวในสื่อมวลชน จากการตรวจสอบไม่พบว่าพันตำรวจตรีศิวกร มีการเซ็นลงนามคำสั่งโยกย้ายบุคลากรในสังกัดที่มีชื่อของจ่าสิบตำรวจพิสิฐ เกี่ยวข้องอยู่ในคำสั่งโยกย้ายแต่อย่างใดจึงถือว่าเรื่องที่มีการกล่าวอ้างถึงไม่เป็นความจริง ส่วนรายละเอียดต้องรอการสืบสวนจากคณะทำงานของกองบังคับการปราบปรามอีกครั้ง


พันตำรวจเอกกฤษฎาพร จงอักษร ผู้กำกับการสถานีตำรวจนครบาลพญาไท ผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์ยิง พันตำรวจตรี ศิวกร สายบัว สารวัตรทางหลวง 1 กองกำกับการ 2 กองบังคับการตำรวจทางหลวง เล่านาทีเกิดเหตุให้ทีมข่าวช่อง 3 ฟังว่า ตนเองได้รับการชักชวนจากผู้กำกับ 2 ของทางหลวง ไปร่วมงานดังกล่าว เนื่องจากตนเองเคยเป็นตำรวจทางหลวงที่ปฏิบัติงานอยู่ในพื้นที่ดังกล่าวมาก่อนจะมาปฏิบัติหน้าที่ในกองบัญชาการตำรวจนครบาล



ซึ่งตอนเกิดเรื่อง มาจากการที่กำนันนก เดินเข้ามาเจรจาขอโยกย้ายตำแหน่งตำรวจนายหนึ่ง ซึ่งอ้างว่าเป็นหลาน แต่ พันตำรวจตรีศิวกร เหมือนจะไม่ยินยอมตามที่มีการนำเสนอข่าวไป เชื่อว่าเป็นการทำให้กำนันนก รู้สึกเสียหน้า ไม่ใช่เรื่องของการดวนดื่มสุราตามที่มีกระแสข่าว เพราะหลังจากการพูดคุยเรื่องการโยกย้ายตำแหน่ง และมีการปฏิเสธกลับไป ก็เกิดการยิงเกิดขึ้นในเวลาต่อมาทันที



ตนเองหลังเกิดเรื่อง ยอมรับว่ายังคงงงกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น แต่ก็ได้มีการช่วยเคลื่อนย้ายพันตำรวจตรีศิวกร ออกจากจุดเกิดเหตุ โดยให้อดีตลูกน้องตำรวจทางหลวงที่ตนเองรู้จักเป็นผู้ขับรถเก๋ง และให้พันตำรวจตรีศิวกร นั่งที่บริเวณด้านหน้า และตนเองนั่งอยู่ที่เบาะหลัง เพื่อเดินทางไปที่โรงพยาบาล โดยสาเหตุที่ตนเองไม่ใช่คนขับ เพราะออกจากพื้นที่มานานไม่ชำนาญทาง และเกรงว่าอาจจะมีชุดติดตามของกำนันนก มาตามเก็บงาน จึงรีบให้ลูกน้องพาออกจากจุดเกิดเหตุ และมุ่งตรงไปที่โรงพยาบาล



โดยเมื่อถึงที่โรงพยาบาล ตนเองก็เป็นผู้ประสานงานกับทางโรงพยาบาลและพยายามประสานติดต่อไปที่ผู้อำนวยการโรงพยาบาล เพื่อให้ช่วยดำเนินการผ่าตัดพันตำรวจตรีศิวกร เพื่อช่วยชีวิต ส่วนรายละเอียดในจุดเกิดเหตุหลังจากเกิดเรื่อง ตนเองไม่ทราบ เนื่องจากไม่ได้มีการกลับไปถึงจุดเกิดเหตุ แต่ได้โทรไปสั่งการให้อดีตลูกน้อง ที่เป็นตำรวจทางหลวงในพื้นที่ นำรถสายตรวจไปปิดบริเวณทางเข้าออกของบ้านเกิดเหตุ แต่เมื่อลูกน้องไปถึง ได้มีการรายงานกลับมาว่าตัวมือปืนออกจากจุดเกิดเหตุไปแล้ว



ส่วนเรื่องกล้องวงจรปิดและสถานที่เกิดเหตุ ตนเองไม่ทราบรายละเอียดว่าใครเป็นคนจัดการเรื่องกล้องวงจรปิดกับเก็บจุดเกิดเหตุ เพราะไม่ได้กลับไปอีกเลย



พันตำรวจเอกกฤษฎาพร ยอมรับว่าหลังจากเกิดเรื่องดังกล่าว รู้สึกตกใจและยังคงงงกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เพราะมันเกิดขึ้นด้วยความรวดเร็ว และหลังเกิดเรื่องได้มีการให้ปากคำในฐานะผู้อยู่ในเหตุการณ์กับทางคณะทำงานไปเป็นที่เรียบร้อย ก่อนจะกลับมาปฏิบัติหน้าที่ตามปกติในพื้นที่นครบาล



ส่วนที่ตนเองไปร่วมงาน เพราะในเวลาดังกล่าวถือว่าเป็นช่วงเวลานอกเวลางานของหัวหน้าสถานี และสถานที่เกิดเหตุก็อยู่ใกล้บ้านพักของตนเองที่อยู่ในย่านพุทธมณฑลสาย 3 และเชื่อว่าหากเกิดเหตุการณ์ใดขึ้นในพื้นที่รับผิดชอบ ก็สามารถกลับเข้ามาในพื้นที่ได้ทันตามระเบียบของหัวหน้าสถานี ที่จะต้องกลับเข้ามาปฏิบัติหน้าที่หากมีเหตุการณ์สำคัญเกิดขึ้นในพื้นที่ภายใน 1 ชั่วโมง ซึ่งตนเองได้มีการทำหนังสือชี้แจงถึงเหตุการณ์ดังกล่าวทั้งหมดไปที่ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล เป็นที่เรียบร้อย ต่อจากนี้คงเป็นเรื่องของผู้บังคับบัญชา ที่จะดำเนินการอย่างไรต่อไปกับตนเองอีกครั้ง





แท็กที่เกี่ยวข้อง  ข่าวอาชญกรรม ,ยิงตำรวจ

คุณอาจสนใจ

Related News