เลือกตั้งและการเมือง

"อดิศร" เผยถูกวางตัวเป็นประธานวิปรัฐบาล มองรายชื่อ ครม.เป็นสีสันการเมือง

โดย nutda_t

30 ส.ค. 2566

100 views

นายอดิศร เพียงเกษ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย กล่าวถึงที่ประชุม สส.พรรคเพื่อไทย เมื่อวันที่ 29 ส.ค.ที่ผ่านมา ว่า นายแพทย์ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ได้แสดงเจตจำนงขอลาออกจากหัวหน้าพรรค ตามที่ได้ลั่นวาจาไว้หลายที่ว่าจะลาออก หากมีการร่วมรัฐบาลกับ 2 คน แต่ไม่ใช่การลาออกจากการเป็นสส. เพราะสส.เขตมีความสำคัญ ไม่เหมือนตน ที่เป็นสส.บัญชีรายชื่อแล้วขาลอย ดังนั้นหากหัวหน้าพรรคลาออก ก็จะทำให้คณะกรรมการบริหารพรรคหลุดไปทั้งหมด และต้องมีการเลือกกรรมการบริหารภายใน 60 วัน


"ตนจึงคิดถึงความหลัง ตั้งแต่ท่านเป็นนกแลเมื่อปี 2544 ยุคไทยรักไทย เป็นคุณหมอและผู้อำนวยการโรงพยาบาลปัว จังหวัดน่าน ซึ่งเป็นคนหนุ่มที่มีอนาคต ทราบข่าวว่าจะเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ก็เลยอาลัยอาวรณ์กันอยู่พอสมควร ใจจริงก็อยากให้ท่านคืนมาเป็นหัวหน้าพรรค เพราะท่านเหน็ดเหนื่อยมามาก" นายอดิศร กล่าว


ทั้งนี้ จะพูดถึงแคนดิเดตที่จะมาเป็นหัวหน้าพรรคคนต่อไป ก็ยังเร็วเกินไป ซึ่งขณะนี้ยังไม่มีแคนดิเดต เพราะคนที่สำคัญ ตามข่าวก็ไปเป็นรัฐมนตรีกันหมด

"ก็เหลือแต่ผมเนี่ยะแหละ ล้อเล่นนะ" ใครก็ได้ เช่น คนที่เคยเป็นรัฐมนตรีคลัง หรือต้องเป็นบุคคลที่เป็นที่ยำเกรง และเป็นที่เคารพของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง ก็ได้ ในมุมมองตน เป็นผู้หลักผู้ใหญ่ที่มีหน้าที่บริหารราชการแผ่นดินมา นายนพดล ปัทมะ ก็ได้


ส่วนเป็นไปได้หรือไม่จะเป็น นางสาวแพทองธาร ชินวัตร (อุ๊งอิ๊ง) นั้น ตนไม่สามารถบอกได้ ท่านอยู่ในสถานะที่สนับสนุนพรรค และเป็นที่เกรงใจของสมาชิกพรรคทุกคน ตนคิดว่าไม่น่าจะมีปัญหาสำหรับกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่


ขณะที่ นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เคยพูดว่าจะให้อุ๊งอิ๊ง ดูแลพรรค และให้นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี บริหารประเทศนั้น ตนไม่ทราบ เพียงแต่เสียดาย นายแพทย์ชลน่าน ในภาวะศึกสงครามการหาเสียงและการจัดตั้งรัฐบาลธนู และถูกทุกด้านพรุนไปหมด ถ้าเป็นร่างกายก็พรุน เดินมาถึงตรงนี้ได้ถือว่าเป็นคนที่แข็งเกร่ง และยืนยันว่าไม่ใช่การลาออกแล้วกลับมาเป็นใหม่


ทั้งนี้ นายอดิศร ไม่ได้มองว่าการลาออกของนายแพทย์ชลน่าน จะเป็นการลดแรงเสียดทาน เพราะ FC ด่า ก็ด่าเป็นประจำอยู่แล้ว ถ้าวันไหนไม่มีรถวิ่งสวนกันก็ไม่ดี Two-Way Communication เป็นเรื่องธรรมดา เป็นสีสันของระบอบประชาธิปไตย ซึ่งจะแตกต่างกับระบอบเผด็จการ ว่ากันบ้าง หยิกกันบ้าง ซึ่งอีกหน่อยก็แถลงนโยบายในวันที่ 8-9 กันยายนนี้ และจะได้ขับเคลื่อนบริหารประเทศต่อไป คงจะมีปัญหาแต่ผู้นำฝ่ายค้าน ที่ไม่มีใครรับเลย


ส่วนที่มีการวิพากษ์วิจารณ์ว่าการลาออกของ นายแพทย์ชลน่าน มาตรฐานจะต่ำกว่าตอนที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ลาออกจากหัวหน้าพรรค และสส.ของพรรคประชาธิปัตย์หรือไม่ นายอดิศร กล่าวว่า "ไม่กล้าอาจเอื้อมไปถึงขั้นนายอภิสิทธิ์ เพราะพรรคท่านก็ยังไม่รู้ว่าใครเป็นหัวเป็นหาง ขอให้ไปจัดการของท่านเองก็แล้วกัน และยืนยันว่าเพื่อไทยไม่มีความขัดแย้ง ซึ่งตนก็พยายามห้ามนายแพทย์ชลน่าน เพราะหลายคนก็ทำแบบนี้ ถ้าท่านทำอย่างนี้ พวกผมก็ต้องออกกันหมด แต่ท่านยืนยันว่า ถ้าท่านไม่ทำก็กลับบ้านลำบาก"

ขณะที่ข้อวิพากษ์วิจารณ์ที่แม้จะลาออกก็เหมือนไม่ออกนั้น เพราะออกจากหัวหน้าก็ไปนั่งรัฐมนตรี นายอดิศร กล่าวว่า คนละอย่างกัน


สำหรับกรณีที่นายอดิศร เคยพูดว่าจะไปเป็นฝ่ายค้านอิสระนั้น ตนขอยืนยันมีความคิดอยากรับผิดชอบคำพูด แต่ตอนนี้ถูกวางตัวให้เป็นประธานวิปรัฐบาล และยืนยันว่าตนเป็นคนที่ชอบสภา จึงขออนุญาตอยู่ทำหน้าที่เป็นประธานวิป ตำแหน่งนี้เทียบเท่ารองนายกรัฐมนตรีเลย


สำหรับหน้าที่ของประธานวิปฯต้องรับผิดชอบไม่ให้การประชุมล่มนั้น ส่วนตัวยอมรับว่า สิ่งที่ยากที่สุดของสส. คือการเข้าประชุม เป็นมาทุกยุคทุกสมัย เพราะทุกคนธุระเยอะ บางคนก็ตีกอล์ฟ บางคนมีนัด


ส่วนเรื่องความขัดแย้งมีแชตไลน์หลุด สส. ถกเถียงถึงตำแหน่งรัฐมนตรี และมีการตั้งคำถามว่าทำไมหลายครั้งนั้น ซึ่งนายเศรษฐา ตอบว่าเราทำอะไรไม่ได้ เพราะเราได้มาแค่ 141 เสียง กังวลว่าจะให้ภูมิใจไทยมาก ต่อไปเราจะสู้เขาได้หรือไม่ แต่ยืนยันว่าเราตกลงอยู่ภายใต้เงื่อนไข เช่น กระทรวงมหาดไทย ถ้าเอากรมการปกครอง เราก็ขอดูแลกรมส่งเสริมการปกครองส่วนท้องถิ่น ลงพื้นที่แต่ละครั้งผู้ว่าต้องมารับนายกฯ ดังนั้นมันไม่ได้อะไรทั้งหมด ถ้าเป็นรัฐบาลผสม

ส่วนที่มีการวิจารณ์หน้าตาคณะรัฐมนตรี ที่ใช้คนไม่ถูกกับงานนั้น ตนมองว่าในวันแถลงนโยบาย น่าจะสนุก เป็นสีสันที่แสดงให้เห็นว่าพรรคการเมืองมีภาระ มีจังหวะที่ขึ้นและลงของแต่ละคน บางคน 9 สมัย 10 สมัยแล้ว ถึงจังหวะที่จะได้เป็น แล้วไม่ได้เป็น

ส่วนกระแสข่าวเรื่องของการตรวจคุณสมบัติของรัฐมนตรีไม่ผ่าน เช่น นายพิชิต ชื่นบาน ที่มีเรื่องของถุงชนม 2 ล้านบาท นั้น นายอดิศร ชี้แจงว่า เขาไม่ได้ทำความผิด และพ้นระยะเวลามาแล้ว เป็นเรื่องของการละเมิดอำนาจศาล อัยการก็ไม่สั่งฟ้อง เรื่องนี้คนอาจจะไม่เข้าใจ แต่ส่วนตัวก็เสียดาย นายชูศักดิ์ ศิรินิล เดินไปไหนก็คล้ายนายวิษณุ เครืองาม อยู่ จึงกังวลว่าฝ่ายกฎหมายของรัฐบาลจะไม่แข็ง

คุณอาจสนใจ

Related News