สังคม

สองแถวไม้ระนอง ร้องต่อหน้าอนุสาวรีย์อดีตเจ้าเมือง จยย.พ่วงข้างเถื่อนวิ่งทับเส้น แย่งอาชีพจนรายได้หด

โดย nicharee_m

15 ส.ค. 2566

371 views

กลุ่มรถสองแถวไม้เมืองระนอง ขอความเป็นธรรมกับอนุสาวรีย์อดีตเจ้าเมืองระนอง เดือดร้อนหนัก จยย.พ่วงข้างเถื่อน วิ่งรับผู้โดยสารเกลื่อนเมือง ทับเส้นทางสัมปทานรถโดยสารประจำทาง ทำรายได้ไม่พอค่าน้ำมัน-ค่าครองชีพ จนต้องเลิกอาชีพ ร้องหน่วยงานราชการแต่ไม่ได้รับการแก้ไข


เมื่อวันที่ 15 ส.ค.66 เวลา 08.00 น. ที่ลานหน้า อนุสาวรีย์พระยาดำรงสุจริตมหิศรภักดี ตั้งอยู่บนถนนเพิ่มผล ต.เขานิเวศน์ อ.เมืองระนอง จ.ระนอง กลุ่มรถสองแถวไม้เมืองระนอง จำนวน 130 คัน ได้นำรถมาจอดรวมตัวกัน โดยหยุดวิ่งรับส่งผู้โดยสาร ระหว่างตำบลและทุกอำเภอของจังหวัดระนอง เป็นเวลา 1 วัน เพื่อเข้าร้องทุกข์และขอความเป็นธรรม จากอนุสาวรีย์ ท่านคอซู้เจียง อดีตเจ้าเมืองระนอง ซึ่งเป็นที่เคารพและศรัทธาของลูกหลานชาวเมืองระนอง


โดยได้มีการนำแผ่นผ้าไวนิลสกีนพื้นสีแดง ตัวอักษรสีขาว ข้อความประท้วง จำนวน 4 ผืน ระบุคำว่า “ภาคราชการ เฮงซวย, หาแต่ผลประโยชน์ใส่ตัว,ไม่สนใจความเดือดร้อนประชาชน” มาติดไว้ที่ด้านข้างรถยนต์สองแถวไม้  จำนวน 4 คัน ที่จอดอยู่แถวหน้า เนื่องจากได้รับความเดือดร้อนจาก รถจักรยานยนต์ที่ต่อพ่วงข้างผิดกฎหมายจำนวนมากนับร้อยคัน ออกแย่งรับผู้โดยสาร บนถนนสำคัญทุกเส้นทาง ที่พวกตนได้รับสัมปทานถูกต้อง จากขนส่งจังหวัดระนอง


หนำซ้ำยังมีการทำตัวเป็นกลุ่มมาเฟีย ยึดทำเลสำคัญที่จอดรถรับผู้โดยสาร ทั้งที่ท่าเทียบเรือเทศบาลตำบลปากน้ำ, สถานีขนส่งผู้โดยสารจังหวัดระนอง เป็นต้น ไม่ให้ตนเข้ารับผู้โดยสาร และสถานที่อื่นๆ อีกจำนวนมาก โดยไม่คำนึงถึงกฎหมายและกฎเกณฑ์ กติกาของบ้านเมือง เป็นมาเช่นนี้ตลอด 20 ปีที่ผ่านมา ทำงานขับรถสองแถว ในแต่ละวันต้องมาลุ้นว่าแต่ละเที่ยว จะพอกับค่าน้ำมันรถที่ใช้วิ่งในแต่ละวันหรือไม่ เมื่อไปร้องเรียนยังหน่วยงานภาคราชการต่างๆ แต่ก็ไม่ได้รับการแก้ไข หรือใส่ใจพวกตนแต่อย่างใด  


จากนั้น กลุ่มคนขับรถสองไม้เมืองระนอง ได้ทำการจุดธูปสักการะอนุสาวรีย์ ท่านคอซู้เจียง ก่อนแกนนำได้อ่านหนังสือร้องทุกข์ ขอความเป็นธรรมว่า “เรียน พระยาดำรงสุจริตมหิศรภักดี (ท่านคอซู้เจียง) เจ้าเมืองระนอง ด้วยข้าพเจ้า นายบุญโชค การกาญจนวงศ์ พนักงานขับรถสองแถวไม้ประจำทาง สาย 4 พร้อมด้วยกลุ่มลูกหลานรถสองแถวไม้เมืองระนอง จำนวน  130  คน มีความประสงค์ขอร้องทุกข์ และร้องเรียน ต่อท่านเจ้าคุณเฒ่า  คอซู้เจียง ว่า


เนื่องจากได้รับความเดือดร้อน จากกลุ่มรถจักรยานพ่วงข้างผิดกหมาย แย่งรับผู้โดยสาร และตั้งวินเถื่อนเกลื่อนเมืองระนอง ไม่ว่าที่ท่าเทียบเรือเทศบาลตำบลปากน้ำ,สถานีขนส่งผู้โดยสาร และตามจุดสำคัญๆ ทั้งตลาดสด ตลาดนัด หรือ ปากซอย ริมถนน ต่างๆ ทั้งใน อ.เมืองระนอง,อำเภอกะเปอร์ และอำเภอละอุ่น ทับเส้นทางที่พวกเราได้รับสัมปทาน ประกอบสัมมาชีพโดยสุจริต มาตั้งแต่รุ่นพ่อ ร่วม 70-80 ปี  


เราถูกกลั่นแกล้งต่างๆ นานา ชวนทะเลาะวิวาทไม่สามารถรับผู้โดยสารจากกลุ่มมาเฟีย แม้จะร้องไปยังศูนย์ดำรงธรรมจังหวัด หรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับภาคราชการ ต่างใส่เกียร์ว่าง กางเต็นท์รอ มัวแต่เรื่องหาผลประโยชน์ใส่ตนทั้งสิ้น ไม่สนใจในความเดือดร้อนของพวกเรา  จะเรียกว่าระบบภาคราชการระนองบางหน่วยงานเฮงซวย ก็คงไม่ผิดอย่างแน่นอน  


ในรอบปีที่ผ่านมา จำนวนผู้ประกอบการสองแถวไม้ ได้หายออกจากระบบไปร่วม 30 % ที่ยังเหลืออยู่ 100 กว่าคัน ก็อยู่ด้วยความรัก ความผูกพัน อาชีพคนขับรถสองแถวไม้ประจำทาง คงจะต้องจบลงในรุ่นเรา ไม่สามารถส่งต่ออาชีพ และรถสองแถวไม้ให้กับลูกหรือหลานได้อย่างแน่นอน  คงจะเหลือเพียงตำนานให้กับนักท่องเที่ยวได้รับทราบได้รับรู้ ว่า อดีตเคยไปนั่งโดยสาร เคยถ่ายภาพกับรถสองแถวไม้โบราณเมืองระนอง เราหมดปัญญาที่จะอนุรักษ์อาชีพนี้ไว้ได้ คงต้องปล่อยให้กลุ่มผลประโยชน์รถจักรยานยนต์พ่วงข้างเถื่อน ซึ่งมีทั้งชาวต่างชาติมาแย่งอาชีพนี้ไป  


แม้จะใกล้หมดความอดทน และหมดลมหายใจ จึงขอมาร้องต่อหน้าอนุสาวรีย์ ท่านคอซูเจียง ซึ่งได้รับพระราชทาน ว่า พระยาดำรงสุจริตมหิศรภักดี เป็นผู้เป็นใหญ่ยิ่งที่ดำรงไว้ซึ่งความสุจริตและจงรักภักดี  แทนที่จะไปร้องซ้ำแล้วซ้ำอีกกับหน่วยงานราชการ ได้โปรดได้รับทราบถึงปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนชาวระนอง ช่วยดลบันดาลให้ใครก็ได้เข้ามาช่วยแก้ไขปัญหาที่สะสมมานาน มิใช่ทำงานลูบหน้าปะจมูก ทำตัวเป็นลิงหลอกเจ้า สร้างแต่ภาพ ไม่มีผลการจับกุมหรือกวาดล้างอย่างจริงจัง มาแก้ไขปัญหาให้พวกเราด้วย และในคราวหน้า ความเดือดร้อนที่ได้รับมาร่วม 20 ปี จะทำการถวายฎีกา ร้องทุกข์ขึ้นแทน”  


ภายหลังเสร็จสิ้นการร้องเรียนต่ออนุสาวรีย์อดีตเจ้าเมืองระนอง กลุ่มรถสองแถวไม้เมืองระนอง ได้แล่นรถสองแถวไม้ติดแผ่นผ้าไวนิลข้อความประท้วง แห่ประจานไปด้วยความสงบรอบเมืองระนอง ในเขตพื้นที่รับผิดชอบ สภ.เมืองระนอง และ สภ.ปากน้ำระนอง ร่วม 10 กม. ก่อนจะแยกย้ายกันกลับบ้าน และหยุดวิ่งรับผู้โดยเป็นเวลา 1 วัน ซึ่งส่งผลให้กับผู้โดยสารทั้งชาวไทยและแรงงานต่างด้าวชาวเมียนมา ที่มีความจำเป็นจะต้องโดยสารไปมาระหว่างพื้นที่ในจังหวัดระนอง ต่างได้รับความเดือดร้อนเช่นกัน


คุณอาจสนใจ

Related News