สังคม

ชายล้มป่วยอัมพฤกษ์ ภรรยาใหม่ดูแลไม่ไหว หอบสังขารตามหาลูกจนเจอ สุดท้ายลูกสั่งรปภ.ห้ามให้เข้าหมู่บ้าน อ้างไม่สะดวกดูแล

โดย parichat_p

7 ส.ค. 2566

4.1K views

ลุงโชเฟอร์แท็กซี่ล้มป่วยอัมพฤกษ์ ภรรยาใหม่ดูแลไม่ไหว หอบสังขารตามหาลูกชายจนพบ แต่ลูกสั่ง รปภ.ห้ามเข้าหมู่บ้าน


วันนี้(7 ส.ค.66) เมื่อเวลา 15.00 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.บางบัวทอง จ.นนทบุรี ได้รับแจ้งจาก รปภ.ของหมู่บ้านแห่งหนึ่งให้ช่วยมาเชิญตัวผู้ป่วยรายหนึ่งซึ่งนั่งรถเข็นมากับรถยนต์คันหนึ่ง ต้องการจะเดินทางเข้าไปในหมู่บ้านดังกล่าวเพื่อขอพบลูกชายที่พักอาศัยอยู่ในหมู่บ้าน แต่ต่อมาเมื่อทางเจ้าหน้าที่ฝ่ายนิติได้สอบถามไปยังลูกชายของผู้ป่วยรายนี้ กลับได้รับแจ้งกลับมาว่า ไม่สะดวกที่จะออกมาพบ แต่สั่งกำชับ รปภ.ของหมู่บ้านว่าห้ามชายคนดังกล่าวเข้าไปวุ่นวายในหมู่บ้านโดยเด็ดขาด ทำให้เจ้าหน้าที่ รปภ.ต้องตัดสินใจทำตามคำสั่งลูกบ้านด้วยกาโทรศัพท์แจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจให้มาเชิญตัวชายป่วยซึ่งเป็นพ่อแท้ ๆ ออกจากหมู่บ้านแห่งนี้ไป ทำให้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจต้องเชิญตัวมายังโรงพักเพื่อหาทางช่วยเหลือต่อไป


จากการตรวจสอบเรื่องราวดังกล่าวพบว่าชายผู้ป่วยรายนี้คือนายธนะภัทร อายุ 59 ปี อาชีพคนขับแท็กซี่ ซึ่งเพิ่งล้มป่วยเป็นอัมพฤษ์ได้เพียง 2 อาทิตย์และไปรักษาตัวตามสิทธิ์การรักษาอยู่โรงพยาบาลในจังหวัดพิษณุโลก ได้ว่าจ้างเหมารถให้เดินทางมาตามหาบ้านของลูกชายคนเล็กที่พักอาศัยอยู่ย่านบางบัวทอง จ.นนทบุรี ด้วยความหวังที่ว่าจะให้ลูกชายช่วยดูแลต่อหลังจากที่ล้มป่วยลงจนกลายเป็นอัมพฤษ์ครึ่งซีก โดยนายธนะภัทธ ได้ออกเดินทางมาพร้อมกับภรรยาใหม่ที่เพิ่งอยู่กินกันมาได้ประมาณ 4 ปี ซึ่งก่อนหน้าที่นายธนะภัทธนะล้มป่วยลงได้ตระเวนขับรถแท็กซี่อยู่ย่านปากน้ำ สมุทรปราการ


นายวินัย อายุ 32 ปี คนขับรถรับจ้างที่พาเดินทางมาส่ง กล่าวว่า นายธนะภัทธ ได้ว่าจ้างให้ตนขับรถจากจังหวัดพิษณุโลก มาตามหาบ้านลูกชายคนเล็กที่อยู่แถวอำเภอบางบัวทอง หลังจากที่แกล้มป่วยลงได้เพียง 2 อาทิตย์ ด้วยความรู้จักมักคุ้นกัน ตนจึงขับรถพาแกมาหาบ้านของลูกชาย โดยออกเดินทางตั้งแต่ 08.00 น. ของเมื่อวานนี้มาถึงที่บางบัวทองประมาณตี 3


หลังจากนั้นจึงได้แวะจอดอาศัยนอนกันในปั้มน้ำมันเพื่อรอให้ถึงเช้าเพื่อที่จะเดินทางไปพบลูกชายแกในตอนเช้า แต่ปรากฎว่าเมื่อไปถึงที่หน้าหมู่บ้านแล้ว ทาง รปภ.ให้จอดรถอยู่ที่ด้านนอกเพื่อรอติดตามกับทางเจ้าของบ้านก่อน แต่ทางลูกชายอ้างว่าไม่สะดวกออกมาพบและให้ตนพาพ่อของเขาเดินทางกลับไปได้เลย แต่ทางลุงไม่ยอมกลับจะรอพบจนกว่าลูกชายจะออกมา จนกระทั่งเวลาประมาณเกือบ 8 โมงเช้าลูกชายคนเล็กของลุงแกขี่รถบิ๊กไบค์ออกมา ตนจึงเรียกให้จอดเพื่อพูดคุยกัน แต่ลูกชายแกไม่ยอมรับอ้างว่าจะรีบไปทำงานไม่สะดวกดูแล ให้ตนพาพ่อเขากลับไปได้เลย


จากนั้นเขาก็ขี่รถบิ๊กไบค์ออกไปโดยไม่สนใจพ่อของเขาที่นั่งอยู่ในรถ ก่อนที่สักพักต่อมาทาง รปภ.จะเดินมาแจ้งให้พวกตนกลับออกจากหมู่ไป เพราะลูกชายของลุงโทรมาแจ้งว่า ห้ามคนกลุ่มนี้เข้าไปวุ่นวายในหมู่บ้านโดยเด็ดขาด แต่ลุงก็ยังไม่ยอมกลับ ทาง รปภ.จึงโทรแจ้งให้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจมาเชิญตัวไปที่โรงพักเพื่อหาทางช่วยเหลือ ตนรู้สึกสงสารลุงจับใจ เหมือนเห็นน้ำตาแกจะไหลที่รู้ว่าลูกชายปฎิเสธไม่รับพ่อมาอยู่ด้วย ทั้ง ๆ ที่แกมีลูกชายอยู่ 2 คน ส่วนคนโตไม่สามารถติดต่อได้และไม่รู้ว่าอยูที่ไหน


น.ส.ลัดดาวัลย์ อายุ 38 ปี ภรรยาใหม่ กล่าวว่า ลุงได้ขอย้ายเข้ามาอยู่ในทะเบียนบ้านของตนที่จังหวัดพิษณุโลกเพื่อจะไปทำเรื่องดาว์นรถออกมาขับ โดยที่แกก็ขับรถอยู่แถวสมุทรปราการ ไม่ได้ไปพักอาศัยอยู่ที่พิษณุโลก จนกระทั่งต่อมาแกเกิดอาการน็อกเบาหวาน เส้นเลือดตีบ ตนกับพ่อแม่ก็ต้องหารถลงรับตัวแกขึ้นไปรักษาอาการที่โรงพยาบาลในจังหวัดพิษณุโลกตามสิทธิการรักษาอยู่ประมาณ 2 อาทิตย์


ซึ่งทางบ้านตนไม่สะดวกที่จะรับภาระดูแลแกต่อไปได้เพราะทุกคนต้องทำงาน ตนจึงถามกับแกว่าแกอยากตะไปอยู่ไหน แกก็บอกว่าอยากกลับไปอยู่กับลูกชาย อยากกลับไปหาลูก ตนจึงตัดสินใจหยิบยืมเงินเหมารถจากพิษณุโลกพาแกมาตามหาบ้านลูกชายคนเล็กของแก จนกระทั่งมาเจอกันและทางลูกชายลุงก็ยืนยันว่านี่คือพ่อของเขาจริง แต่เขาไม่เอา ให้ตนพากลับไปด้วย


น.ส.ลัดดาวัลย์ กล่าวอีกว่า ทั้ง ๆ ที่ตนก็ไม่ใช่ญาติอะไรของลุง ยังรู้สึกจุกอกขนาดนี้ ถ้าเป็นตนเจอเหตุการณ์แบบนี้เข้า ลูกที่เลี้ยงมาแท้ๆ ยังทำแบบนี้ได้ แค่เขาถึงเวบาเจ็บป่วยช่วงสุดท้ายของชีวิต หวังจะมีลูกมาดูแลกลับถูกลูกผลักไส ไม่เอา ตนยังรู้สึกเสียใจมากเลย ตนไม่รู้มาก่อนว่าลุงแกมีปัญหาอะไรกับครอบครัวแกมาก่อนหรือไม่ ตนไม่รู้เพราะไม่เคนถามเป็นเรื่องส่วนตัวของแก รู้แต่ว่าลุงรักลูกชายแกทั้งสองคนมากเพราะมีอัลบั้มรูปของลูกชายแกทั้งสองคนพกติดตัวไว้ตลอดเวลา


ทางด้านนายธนะภัทร หรือลุงขับแท็กซี่ที่ป่วยเป็นอัมพฤษ์ครึ่งซีก ซึ่งพอสื่อสารได้ กล่าวว่า สาเหตุที่ตนเลือกขอกลับไปอยู่กับลูกนั้นเป็นเพราะทางนี้จะพลอยลำบากกับตนไปด้วย ตนเลยอยากกลับไปอยู่กับลูกมากกว่า ที่ผ่านมาตนก็ดูแลส่งเสียลูกเรียนจนจบการศึกษาทั้ง 2 คน แต่หากลูกไม่ยอมรับตน ตนก็ไม่โกรธ ไม่ผิดหวังใดๆกับลูก ลุงโชเฟอร์กล่าวด้วยน้ำตาคลอ


ในเวลาต่อมา ทาง พ.ต.อ.พฤฒ จำรูญศาสน์ ผกก.สภ.บางบัวทอง ได้ประสานกับทาง นางนวรัตน์ ศักดิ์โชตินนท์ ผอ.ศูนย์คุ้มครองคนไร้ที่พึ่ง จ.นนทบุรี และเจ้าหน้าพัฒนาสังคม จ.นนทบุรี เข้าให้ความช่วยเหลือนายธนะภัทร เกียรติ์วราวุฒิ ลุงโชเฟอร์แท็กซี่ป่วยเป็นอัมพฤกษ์ เข้าไปอยู่ในความดูแลของศูนย์คุ้มครองคนไร้ที่พึ่งก่อน หลังจากที่ทั้งสองฝ่ายคือ ฝ่ายลูกชายที่ไม่ยอมรับพ่อไปอยู่ด้วย กับทางฝ่ายครอบครัวใหม่ที่ไม่สะดวกดูแล เพื่อหาทางติดต่อกับทางลูกชายคนโตต่อไป

คุณอาจสนใจ