เลือกตั้งและการเมือง

“พิธา” ลุยขอบคุณด้อมส้มเมืองจันทบุรี ลั่น “สัจจะ ไม่ใช่เสียสละ” ผลัก “ก้าวไกล” ไปฝ่ายค้านเหมือนเทกระจาด 14 ล้านเสียง

โดย paranee_s

23 ก.ค. 2566

295 views

วันนี้ 23 ก.ค.2566 เวลา 09.30 น. นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล และ ส.ส.จันทบุรี พรรคก้าวไกล เดินลงพื้นที่ ปราศรัยขอบคุณประชาชน ชาวจังหวัดจันทบุรี หลังจากเมื่อวานนี้ ได้ลงพื้นที่จังหวัดชลบุรีและระยองไปแล้ว


โดยนายพิธา ลงพื้นที่มายังจุดแรก ร้านสัมพันธ์การค้า บ้านเขาหอม ต.โป่งน้ำร้อน อ.โป่งน้ำร้อน จ.จันทบุรี เพื่อพบปะพี่น้องประชาชนและผู้สนับสนุน โดยมีชาวโป่งร้ำร้อนมารอต้อนรับ


ทันทีที่นายพิธา มาถึง ก็ได้ขึ้นปราศรัยขอบคุณ กล่าวว่า ถ้าพี่น้องบอกให้สู้ผมก็สู้แน่นอน มายืนกับพี่น้องตรงนี้ว่า ยังไงก็สู้เพื่อคนโป่งน้ำร้อนแน่นอน และมาให้เห็นตัวเป็น ๆ ตรงนี้ว่ากำลังใจยังดีอยู่ และจะทำงานต่อเดินหน้าต่อเพื่อความผาสุขของชาวโป่งน้ำร้อนแน่นอน คนจะทำงานไม่ว่าอยู่ที่ไหนมันก็ทำงานได้ และมาอยู่ที่นี่ด้วยความห่วงใย ถึงแม้ว่าหาเสียง เลือกตั้งจบไปแล้ว แต่ความเดือดร้อนของพี่น้องยังมีอยู่ ตอนนี้ยังกังวลเหลือเกินเรื่องภัยแล้ง เพราะปีนี้ภัยแล้วของประเทศไทยน่าจะรุนแรง


“เมื่อคนจันทบุรีให้ความไว้วางใจอย่างถล่มทลาย แม้ใครจะสกัดกั้นผม ๆ ก็ไม่สนใจมัน ผมจะทำงาน ใครไม่รู้ผมรู้” นายพิธา กล่าว


นายพิธา กล่าวต่อว่า คนจันทบุรีมีกว่า 2 แสนครัวเรือน แต่มี 5 หมื่นกว่าครัวเรือน ยังไม่มีน้ำประปาใช้ ครั้งแรกที่เป็น สส.ได้มาดูในพื้นที่ 5หมื่นครอบครัวยังไม่มีน้ำประปาใช้เลย แล้วคนที่มาเป็นรัฐบาลก็ต้องทำยังไงให้เกิดการลงทุนในประเทศ แต่ในขณะเดียวกันก็ต้องดูแลคนจันทบุรีด้วย


แล้วปีที่จะถึงนี้ภัยแล้งรุนแรง กระทบทั้งเกษตรกรที่ปลูกลำไย กระทบคนที่ใช้น้ำอาบ กระทบพื้นที่การท่องเที่ยวที่ต้องใช้น้ำในการดูแลการท่องเที่ยว ใครจะมาเป็นรัฐบาลต้องเห็นหัวประชาชน และช่วยแก้ไขปัญหา ปัญหาที่ดิน เพราะที่นี่ยังไม่ได้รับการแก้ไข ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าเสียดายที่ยังไม่มีโอกาสได้เข้ามาแก้ไขปัญหาที่ดินให้กับพี่น้อง เมื่อภัยแล้งเกิดขึ้นแบบนี้ ภัยที่มาจากช่างป่าในจังหวัด 5 รอบต่อก็ต้องรุนแรงขึ้น น่าเสียดายที่ยังไม่ได้แก้ไขปัญหา


ทั้งนี้ ตราบใดที่พรรคร่วมจัดตั้งรัฐบาลทั้ง 8 พรรค แม้ตนจะไม่ได้เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลอีกต่อไป แต่แนวร่วมทั้ง 8 พรรคยังมีอยู่ เชื่อเหลือเกินว่า พรรคเพื่อไทย ปัจจุบัน จะไม่ทำให้คนโป่งน้ำร้อนผิดหวัง เมื่อถึงเวลาตั้งรัฐบาลแห่งประชาชนสำเร็จได้เมื่อไร ปัญหาภัยแล้งปัญหาน้ำประปา ปัญหาที่ดิน ปัญหาช้างรอยต่อ 5 จังหวัด จะได้รับการแก้ไขจากรัฐบาลแห่งประชาชน ที่ประชาชนได้ให้ความหวังไว้ตั้งแต่ 14 พ.ค.


นายพิธา กล่าวต่อว่า ขออย่างเดียว ประชาชนอย่าเพิ่งสิ้นหวัง อย่าเพิ่งปล่อยมือพวกเรา ให้สมกับคะแนน 140,000 คะแนน ที่ให้พวกเรามา ถึงแม้ผมจะยังเข้าสภาไม่ได้ ผมจะลงพื้นที่ เกาะติด ทำงานอยู่ตามพื้นที่ แล้วนำเสนอส่งมอบให้ สส. แล้วทำให้ปัญหาของประชาชนได้รับการแก้ไข ตามครรลองของระบบประชาธิปไตยที่ต้องอยู่กับประชาชนเท่านั้น


“เพราะฉะนั้น พี่น้องเห็นผมตัวเป็น ๆ แล้ว กำลังใจยังดี ผมไม่ทิ้งพวกคุณแน่นอน เกาะติดทุกพื้นที่ ทำงานต่อฟันธง ขอให้ประชาชนหล่อเลี้ยงความหวัง ของรัฐบาล 8 พรรคนี้ ช่วยกันทำงานร่วมไปกับส.ส.ในพื้นที่ 3 คน 3 เขต และอย่าลืมคะแนนที่ให้มา 140,000 คะแนน แล้วบอกว่าจันทบุรีต้องไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป” นายพิธา กล่าว


จากนั้นนายพิธา ได้ถ่ายรูปและจับมือกับประชาชนที่มาให้กำลังใจ โดยประชาชนได้ตะโกนเป็นเสียงเดียวกันว่า “พิธา สู้ๆ” ซึ่งนายพิธา ก็ได้ ชูกำปั้น เป็นสัญลักษณ์ในการตอบรับ


ต่อมาได้ให้สัมภาษณ์หลังลงพื้นที่ ร้านสัมพันธ์การค้า บ้านเขาหอม ต.โป่งน้ำร้อน อ.โป่งน้ำร้อน จ.จันทบุรี บอกว่า ตอนนี้กำลังใจยังดีอยู่ตั้งใจที่จะทำงานต่อ ตอนแรกที่จะมาโป่งน้ำร้อน เพราะมีปัญหาภัยแล้งรุนแรง ตั้งใจว่าไปที่ไหนก็จะทำงาน รับฟังปัญหา และช่วย สส.ทำประเด็นที่จะปรึกษาหารือเพื่อเอาไปอภิปรายในสภา เพราะเรามีความรู้ที่จะทำงานต่อได้ ไม่ได้ตั้งใจจะปราศรัยเยอะขนาดนี้ ฟังเสียงตนก็น่าก็รู้ แทนที่จะได้แลกเปลี่ยนเกี่ยวกับปัญหาต่างๆ แต่พอมาปุ๊ปก็ต้องมาปราศรัย แต่ต่อไปนี้ตั้งใจว่าจะใช้เวลาให้เป็นประโยชน์ในช่วงเวลาแบบนี้ในการลงพื้นที่ เป็นโค้ชให้กับส.ส.เขตแทน ว่าอะไรที่เป็นปัญหาเร่งด่วน ให้เขาได้ทำงานในสภา ให้ไปหารือในข้อกฎหมาย ตั้งใจว่าไม่อะไรที่ไม่ต้องมีมวลชนเยอะ และได้ใกล้ชิดกับประชาชนมากขึ้นจริงๆ มากกว่า


เมื่อถามว่า มีความพยายามให้พรรคก้าวไกลเสียสละจากการเป็นพรรคร่วมจัดตั้งรัฐบาลนั้น นายพิธา ระบุว่า คิดว่าตอนนี้คุณค่าที่สำคัญ ก็คือที่ “สัจจะ ไม่ใช่เสียสละ” คือสัจจะที่เคยให้สัญญากับพี่น้องประชาชนไว้ตามที่เขาคาดหวัง ถ้าเรารักษาสัจจะที่ให้กับประชาชนไว้ ก็ไม่มีใครต้องเสียสละเพราะเป็นไปตามกฎกติกาที่มันมีอยู่ตามครรลองการเมืองปกติ เพราะฉะนั้นถ้าบอกว่าให้เสียสละ เหมือนเอาคะแนน 14 ล้านเสียงไปเทกระจาด และทำให้ประชาชนผิดหวัง ตนว่าถึงตอนนั้นต้องยึดสัจจะให้มั่นและยึดหลักการให้มั่น มากกว่าการที่มองว่าใครควรจะเสียสละหรือไม่เสียสละ แต่เอาหลักการปกติที่ควรจะเป็นเป็นตัวตั้ง


เมื่อถามว่า การที่พรรคเพื่อไทยเชิญพรรคพลังประชารัฐและพรรคร่วมไทยสร้างชาติ มาพูดคุยถือเป็นการทำตามมติ 8 พรรคร่วมจัดตั้งรัฐบาลหรือไม่นั้น นายพิธา ระบุว่า ตนว่าคงต้องรอทางพรรคเพื่อไทยกลับมาพูดคุยกับวง 8 พรรคอย่างเป็นทางการ เมื่อวานลงพื้นที่ก็ยังไม่มีโอกาสได้ตามข่าว แต่เท่าที่ฟังเป็นการเชิญแล้วแต่ละพรรคก็มีความคิดเห็นของแต่ละพรรค ตอนนี้ตนก็รอเพื่อไทยเป็นคนพูดไม่อยากให้สัมภาษณ์อะไรไปก่อน รอเอากลับเข้ามาชี้แจงในวง ตอนนี้คงไม่ตัดสินใจอะไรกันผ่านหน้าข่าว หรือตัดสินใจกันโดยไม่ฟังจากปากใน 8 พรรคร่วม และยังยืนยัน ด้วยว่า MOU 8 พรรคยังอยู่เหมือนเดิม และยังเชื่อใจพรรคเพื่อไทยเหมือนเดิม


เมื่อถามการพูดคุยกับพรรคทหารจำแลง คือพรรคพลังประชารัฐ และพรรครวมไทยสร้างชาติ จะเป็นเงื่อนไขในการผลักพรรคก้าวไกลออกจากการร่วมรัฐบาลหรือไม่นั้น นายพิธา ระบุว่า “ณ เช้าวันอาทิตย์ยังเห็นว่าเป็นแค่การพูดคุย แต่ถ้าเป็นการเชิญเข้ามาร่วมรัฐบาลจริงๆ ก้าวไกลอยู่ด้วยไม่ได้จริงๆ ในสมการนั้น ถ้าเชิญมาร่วมรัฐบาลจริงๆ จะไม่มีก้าวไกล แต่ ณ ปัจจุบัน พูดให้ชัด เป็นการเชิญมาเพื่อพูดคุย ยังไม่ได้เชิญมารรวมรัฐบาล ต้องรอฟังจากพรรคเพื่อไทยก่อนว่าตกลงแล้วมันยังไงกันแน่ และผมจะฟังจากปากของพรรคเพื่อไทย ไม่ได้ตัดสินใจจากหน้าข่าว หรือการฟังสัมภาษณ์เพียงสั้นๆ แต่ต้องการฟังเหตุผลยาวๆ”


ส่วนเรื่องถอย ม.112 หากที่ประชุม 8 พรรคร่วมต้องการให้ถอย จะถอยได้แค่ไหนนั้น นายพิธา ระบุว่า เท่าที่นายชัยธวัช เลขาฯ ไปประชุมแทน ถ้าจะให้ถอย ถอยเรื่องอะไร ถอยด้วยเนื้อหาอะไร แล้วความเป็นรูปธรรมของการจัดตั้งรัฐบาลของประชาชนที่เป็นการยุติการสืบทอดอำนาจเกิดขึ้นได้จริงหรือไม่ เรื่องตรงนี้เหรียญมี2 ด้าน ต้องถามว่ารายละเอียดคืออะไร ไม่ใช่ให้ถอยไปแล้วจบ ดังนั้นต้องฟังรายละเอียด ให้เกียรติพรรคเพื่อไทยที่เป็นแกนนำอยู่ตอนนี้ ว่าที่ไปพูดคุยมา เขาฝากข้อความมาเรื่องอะไรบ้าง ตรงตามที่วุฒิสภาเคยอภิปรายในสภาไว้ ว่ากังวลใจในเรื่องรายละเอียดอย่างไร ต้องให้ใครฟ้อง ต้องให้คณะกรรมการฟ้องหรือให้สำนักพระราชวังฟ้อง ถ้าเป็นแบบนี้ก็ให้เอารายละเอียดมาแล้วให้พรรคก้าวไกลตัดสินใจ แต่ตอนนี้ยังไม่มีรายละเอียดอะไร จึงทำให้เรื่องนี้ยังไม่นิ่งต้องรอรายละเอียดจากพรรคเพื่อไทย


ส่วนรู้สึกหรือไม่ว่าพรรคก้าวไกลถูกบีบหลังทั้ง3พรรคที่มาพูดคุยเมื่อวานต่างบอกว่า ก้าวไกลเป็นอุปสรรคในการจัดตั้งรัฐบาล นายพิธา ระบุว่า ไม่ได้รู้สึกอะไรถ้า8พรรคจัดตั้งรัฐบาลจับกันไว้ให้แน่น ใครก็มาบีบเราไม่ได้ และถ้าหนักแน่นและยังยืนยันในหลักการ ค่อยๆ ทำให้คนเข้ามาร่วมกับเราได้มากขึ้น ใช้หลักการ ใช้ความต้องการของประชาชน อย่าให้เขามาดันเรา เราต้องดึงพวกเขา และจัดตั้งรัฐบาลตามที่มันควรจะเป็นได้จริงๆ และยังเชื่อใจพรรคเพื่อไทยว่าจะพยายามอย่างเต็มที่ที่จะยึดวิถีทางในการทำทุกวิถีทางในการยึดสัจจะที่เคยให้ไว้กับประชาชน และทำให้เดินหน้าไปได้


เมื่อถามว่าทีมกฎหมายของพรรคได้เตรียมคำชี้แจงศาลรัฐธรรมนูญ ทั้งกรณีไอทีวี และนโยบายแก้ไข ม.112 ไว้พร้อมแล้วหรือไม่ นายพิธา ตอบว่า แน่นอน เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ต้องให้เวลาในการทำงาน ซึ่งตนได้แบ่งเวลาทั้งการลงพื้นที่ดูแลประชาชน และช่วงเวลาหนึ่งผมจะไปใช้ในเรื่องนี้ด้วย เพื่อเป็นการรุกและรับ ซึ่งตนยืนยันในความบริสุทธิ์ ทั้ง2คดีไม่น่ามีปัญหาอะไร


เมื่อถามอีกว่า จนถึงวันนี้ยอมรับหรือไม่ว่าเป็นการเดินเกมผิดทำให้เสียทั้งเก้าอี้ประธานสภา และเก้าอี้นายกรัฐมนตรี และกำลังถูกผลักไปเป็นฝ่ายค้าน นายพิธา ยืนยันว่า ไม่ผิด เพราะตั้งใจที่จะทำงาน เพื่อที่จะให้รุกถอยเป็น เพื่อให้สามารถจัดตั้งรัฐบาลให้ได้ แน่นอนว่าอาจจะมีบางอย่างที่เปลี่ยนแปลงไปแต่ก็ไม่ได้เกินคาดที่เราได้คาดคิดไว้ และจะขอเดินหน้าทำงานต่อ

คุณอาจสนใจ

Related News