เลือกตั้งและการเมือง

“เศรษฐา” ลั่น ถ้าเพื่อไทยเป็นแกนนำรัฐบาล ต้องไม่มีแก้ ม.112 ยัน 8 พรรคร่วมยังเหนียวแน่น

โดย paranee_s

20 ก.ค. 2566

398 views

นายเศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีพรรคเพื่อไทย ให้สัมภาษณ์ก่อนเข้าร่วมประชุมกับแกนนำและกรรมการบริหารพรรค เพื่อกำหนดท่าทีของพรรคหลังเมื่อวานนี้รัฐสภามีมติไม่สามารถเสนอชื่อนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าและแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีจากพรรคก้าวไกลซ้ำได้ ทำให้ทิศทางตอนนี้ตกมาที่พรรคเพื่อไทย ว่า วันนี้จะมีการพูดคุยกันในเรื่องนี้


ส่วนเมื่อถามต่อว่าหลังประชุมแล้วจะมีความชัดเจนเลยหรือไม่ว่า จะเป็นชื่อเศรษฐา นายเศรษฐา กล่าวว่า ยังไม่ทราบเพราะต้องรอข้อสรุปจากการประชุมก่อน


เมื่อถามว่า เสียง ส.ว. ในการโหวตนายพิธาชัดเจน ว่าส.ว. ไม่เอาพรรคก้าวไกล การตั้งรัฐบาลพรรคเพื่อไทยจะยังมีพรรคก้าวไกลอยู่หรือไม่ นายเศรษฐากล่าวว่า ต้องขึ้นอยู่กับการพูดคุยของคณะเจรจา แต่ขณะนี้เรายังอยู่ภายใต้ MOU ของ8 พรรคร่วมจัดตั้งรัฐบาล ต้องพูดคุยและให้เกียรติกัน


เมื่อถามว่าพร้อมถูกเสนอชื่อเป็นนายกรัฐมนตรีในการโหวตทั้งต่อไปได้หรือไม่ นายเศรษฐากล่าวว่า สำหรับแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคมีอยู่3 คน ต้องให้เป็นมติกรรมการบริหารพรรคก่อนว่าจะเป็นใคร แต่ทั้งสามคนมีความพร้อม


เมื่อถามว่าเมื่อเปลี่ยนเป็นพรรคเพื่อไทยเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลทั้งแปดพักยังมีความเหนียวแน่นอยู่หรือไม่ นายเศรษฐา กล่าวว่า วันนี้ก็ยังเป็นแบบนั้นอยู่ โดยวันเย็นวันนี้หรือวันพรุ่งนี้คณะเจรจาอาจจะมีการนัดหารือกัน เชื่อว่าจะมีแนวทางออกมาว่าจะดำเนินการอย่างไรต่อ รวมถึงอาจมีการเปลี่ยนแปลงในแง่ของแกนนำจัดตั้งรัฐบาล


เมื่อถามว่าตอนนี้การดันนายพิธาเป็นนายกของพรรคร่วมจัดตั้งรัฐบาลถือว่าสิ้นสุดแล้วหรือไม่ นายเศรษฐา กล่าวว่า ตามที่ฟังดูในทางกฎหมายน่าจะเป็นเช่นนั้น


เมื่อถามย้ำว่า การโหวตชื่อนายกตอนนี้เป็นบรรทัดฐานว่าสามารถ เสนอชื่อหนึ่งคนได้เพียงครั้งเดียว ดังนั้นการมีพรรคก้าวไกลอยู่จะส่งผลให้การโหวตนายกไปในทิศทางใด นายเศรษฐากล่าวว่า เรื่องนี้ถือเป็นบรรทัดฐาน การเสนอชื่อครั้งต่อไปต้องคิดให้ดีและต้องมีการเจรจาให้เหมาะสม


เมื่อถามต่อว่าส่วนตัวมองอย่างไรควรที่จะแพ็คกับก้าวไกลไปต่อหรือไม่ นายเศรษฐากล่าวว่า ต้องให้เกียรติคณะเจรจา เพราะตนไม่ได้อยู่ในคณะเจรจา


เมื่อถามว่าหากครั้งนี้พรรคเพื่อไทยเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล จะทำอย่างไรเพื่อไม่ให้มาตรา 112 เป็นปัญหา นายเศรษฐา มองว่า พรรคที่จะเสนอชื่อนายกฯครั้งต่อไปต้องไม่มีเรื่องของการแก้ไขหรือยกเลิกมาตรา 112 ไม่เช่นนั้นจะไม่ได้รับการสนับสนุนจาก สว. รวมถึงพรรคการเมืองอื่นๆ ตัวเลขทางคณิตศาสตร์ค่อนข้างพื้นฐานมากๆ นับดูก็รู้ว่าเรื่องอะไรเป็นอะไร


เมื่อถามว่าจะมีวิธีใดที่มาตรา 112 จะไม่อยู่ในเงื่อนไข ที่จะทำให้คนเข้าใจเพื่อไทยมากที่สุดว่าไม่ได้หักก้าวไกล นายเศรษฐา กล่าวว่า ตนพูดแทนพรรคก้าวไกลไม่ได้ แต่ในพรรคเพื่อไทยต้องมีการพูดคุยกัน ถ้าเราจะเป็นแกนนำ เรื่องนี้ต้องหยุด


เมื่อถามว่า หากพรรคเพื่อไทยไม่แตกประเด็นการแก้ไขมาตรา 112 แล้วความสัมพันธ์กับพรรคก้าวไกลจะยังต่อ นายเศรษฐากล่าวว่า “ไม่แน่ใจเพราะตนไม่เกี่ยวข้องกับคณะเจรจา แต่ความคิดเห็นส่วนตัวหากมีม. 112 อยู่ คงไม่ได้รับการสนับสนุนจากหลายพรรค”


เมื่อถามว่าหากพรรคเพื่อไทยเป็นแกนนำจัดตั้ง รัฐบาลจะมีพรรคร่วมรัฐบาลเพิ่มขึ้นหรือไม่เพื่อ เติมเสียงให้พอสำหรับการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรี นายเศรษฐากล่าวว่า เรื่องนี้ตนคิดว่าอาจจะล้ำหน้าไปเล็กน้อย ต้องให้เกียรติ 8 พรรคร่วมจัดตั้งรัฐบาลก่อน เพราะขณะนี้ 8 พรรคก็มีเสียงเยอะอยู่แล้ว แต่ก็ต้องมาพูดคุยกันว่าจะตกลงกันอย่างไร


เมื่อถามว่ายังยืนยันคำเดิมอยู่หรือไม่ว่าจะทำตามกรรมการบริหารพรรคไม่ว่าจะมีมติออกมาอย่างไร นายเศรษฐากล่าวว่า “ครับ”


เมื่อถามถึงตัวเลขคณิตศาสตร์ ทางที่ง่ายที่สุดคือการหาเสียงสนับสนุนจากสว.หรือ หาพรรคการเมืองเข้ามาเติม นายเศรษฐากล่าวว่า เสียงสว. 250 เสียงก็ถือว่าเป็นส่วนที่สำคัญสำหรับการสนับสนุนให้เป็นนายก


เมื่อถามว่าส่วนตัวจะสามารถพูดคุยกับสว.ได้หรือไม่นายเศรษฐากล่าวว่าส่วนตัว รู้จักส.ว.แค่คนสองคน คงไม่ใช่เรื่องส่วนตัว เป็นเรื่องของหลักการมากกว่า หากหลักการตกลงกันได้และพูดคุยกันรู้เรื่องก็จะได้เสียงสนับสนุนจาก สว. ตนคิดว่าอย่าข้ามขั้นดีกว่า เพราะเรายังผูกมัดอยู่กับ เอ็มโอยู ต้องให้เกียรติคณะเจรจาว่าจะทำอย่างไรกันต่อ หากเจรจาแล้วเห็นเป็นอื่นก็ต้องกลับมาคุยในพรรค จึงจะพิจารณาขั้นตอนต่อไปว่าจะไปอย่างไร ไปกับใคร


เมื่อถามว่าคิดหรือไม่ ว่าเกมบีบให้พรรคเพื่อไทยต้องข้ามขั้ว นายเศรษฐากล่าวว่าถ้าผมต้องตอบคำถามนี้ ยังไงก็ต้องคิดอยู่แล้ว เป็นธรรมดา ไม่ได้มีโจทย์อะไรที่ซับซ้อนมาก ต่างคนก็ต่างคิดไป แต่สำคัญที่สุดคือคนที่มีอำนาจในหการตัดสินใจ คือกรรมการบริหารพรรคและคณะเจรจา ส่วนเรามีหน้าที่ก็ต้องทำตาม ซึ่งวันนี้ตนเป็นแคนดิเดตนายกพรรคเพื่อไทยก็ต้องเตรียมพร้อม เรื่องเศรษฐกิจที่พรรคมอบหมายมา ไม่ว่าจะเป็นพรรคร่วมรัฐบาลหรือเป็นแกนนำ เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ตนต้องทำ ก็เป็นเหตุผลที่ตนเข้ามาในพรรค นอกเหนือจากการพูดคุยกับผู้ใหญ่ ขอให้ใจเย็นๆ 8 พรรคยังคุยกัน การที่จะเปลี่ยนแปลงมีการข้ามขั้ว หรือมีพรรคอื่นมาเสริม ก็ต้องให้เกียรติกับคณะเจรจา ใจเย็นๆ ดีกว่ายังมีอีกหลายวันก่อนจะถึงวันที่ 27 ก.ค. ยังไงก็คอยกันมานานขนาดนี้แล้ว ทั้งนี้การจะทำอะไรก็ต้องให้เกียรติพรรคร่วมที่ทำงานกันมา ซึ่งผลการโหวตเมื่อวานนี้ (19 ก.ค.) ก็น่าผิดหวัง ต้องยอมรับและเดินต่อไป


ผู้สื่อข่าวถามย้ำว่ามีสูตรผลักก้าวไกลไปเป็นฝ่ายค้าน ยังมองว่าต้องจับมือก้าวไกลไปจนสุดทาง ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นหรือไม่ นายเศรษฐา กล่าวว่าขึ้นอยู่กับว่าสุดทางคืออะไร สุดทางคือพรรคก้าวไกลไม่สามารถเสนอนายกรัฐมนตรีได้แล้ว นี่คือสุดทางหรือยัง ต้องฝากไปที่คณะเจรจา ว่านี่คือสุดทางหรือยัง หากสุดทางแล้วให้พิจารณาว่าพรรคที่มีอันดับสอง จะรวมกันได้หรือเปล่า ก็อยากให้ผ่านไปด้วยดี อย่างไรก็ยังร่วมอุดมการณ์กันอยู่ดี ทั้งเรื่องที่อยากให้มีการร่างเอ็มโอยูใหม่ เรื่องจิตใจที่เป็นประชาธิปไตย ตรงนี้เป็นเรื่องที่สำคัญ


แต่หากโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีอย่างไรก็ไม่ได้เพราะยังมีก้าวไกลร่วมรัฐบาลจำเป็นหรือไม่ที่ต้องผลักก้าวไกลออก นายเศรษฐา กล่าวว่าคณิตศาสตร์เบื้องต้น ลองนับดูก็แล้วกัน ตนว่าทุกคนรู้อยู่


เมื่อถามย้ำว่าตามคณิตศาสตร์เบื้องต้น จะทำตามมติกรรมการบริหารพรรค ยอมเป็นนายกฯโดยไม่มีก้าวไกลใช่หรือไม่ นายเศรษฐา ร้อง “อุ๊ย ยังไม่ถึงจุดนั้น จุดแรกคือ 8 พรรคต้องพูดคุยกันได้ก่อนว่าขั้นตอนต่อไปคืออะไร หากมีมติว่าเพื่อไทยได้เป็นแกนนำก็ต้องมีการประชุม กรรมการบริหารพรรคก่อน จากนั้นก็ต้องเลือกจาก 3 แคนดิเดตนายก หากไปถึงจุดนั้นก็ต้องว่ากันอีกที ยังเหลืออีกตั้งหลายวัน เสาร์อาทิตย์ไปพักผ่อนกันให้สบาย”


เมื่อถามอีกว่าในการหากเสนอชื่อนายเศรษฐา มั่นใจหรือไม่ว่าเสียง 8 พรรคจะเหมือนเดิม นายเศรษฐา กล่าวว่า ตนคงไม่ไปก้าวล่วง เพราะหากบอกว่าเขาโหวตให้แล้วเขากลับไม่โหวตให้ ดังนั้นขอไม่ตอบดีกว่า เพราะต้องให้เกียรติพรรคร่วม

คุณอาจสนใจ

Related News