สังคม

"ประเสริฐ" ชี้ไม่ง่าย แก้ ม. 272 ปิดสวิตช์ ส.ว. รับไม่ประมาทกระแส "บิ๊กป้อม" ชิงนายกฯ

โดย nutda_t

14 ก.ค. 2566

581 views

นายประเสริฐ จันทรรวงทอง เลขาธิการพรรคเพื่อไทย ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่พรรคก้าวไกล จะยื่นแก้ไขรัฐธรรมนูญมาตรา 272 เพื่อปิดสวิตช์ ส.ว.อีกครั้ง ว่าการแก้ไขรัฐธรรมนูญมาตราดังกล่าว การประชุมที่ผ่านมาเพื่อไทยได้ยื่นการแก้ไขในมาตรานี้มา 2 ครั้งแล้ว และไม่ผ่านการพิจารณาของสภา เพราะฉะนั้นการที่พรรคก้าวไกลได้เปิดประเด็นนี้ขึ้นมา ต้องเข้าใจว่าเป็นการทลายกำแพง โดยเฉพาะอย่างยิ่งประเด็นที่มีการโหวตนายกรัฐมนตรีเมื่อวานนี้ เพราะ ส.ว. ได้ตั้งกำแพงเริ่มมาตรา 112 เอาไว้ เพราะฉะนั้นทางก้าวไกลอยากจะหยิบยกประเด็นนี้ เพื่อที่จะให้การโหวตเลือกนายกฯ เป็นเรื่องเฉพาะของสภาผู้แทนราษฎรเท่านั้น


เมื่อถามถึงการหารือกับพรรคก้าวไกลวันนี้ นายประเสริฐ เปิดเผยว่า การหารือร่วมก้าวไกล-เพื่อไทย ซึ่งมีการนัดหมายในเวลา 17:00 น. จะมีการพูดคุยในแนวทางเกี่ยวกับการเลือกนายกรัฐมนตรีในสัปดาห์หน้า ซึ่งได้สอบถามไปยังประธานสภา ว่าจะเป็นวันที่ 19 กรกฎาคมนี้ ซึ่งพรรคเพื่อไทยจะมีการพูดคุยกันภายในก่อน เพื่อนำข้อเสนอของเพื่อไทยไปหารือกับก้าวไกลอีกครั้ง


เมื่อถามว่าจะสามารถแก้ไขรัฐธรรมนูญมาตรา 272 ในสมัยนี้ได้เลยหรือไม่ นายประเสริฐ กล่าวว่า ถ้าทำได้เป็นเรื่องดี แต่ข้อเท็จจริงการแก้ไขมาตรา 272 ต้องใช้เสียงของรัฐสภาเกินกว่าครึ่งหนึ่ง และในกลุ่มหนึ่งนั้นต้องมีเสียงสมาชิกวุฒิสภา 84 เสียงด้วย เพราะฉะนั้นที่ผ่านมา เพื่อไทยดำเนินการมาแล้วและไม่ง่าย ไม่เคยได้เสียงของสมาชิกวุฒิสภา ครั้งนี้ก็ยังเชื่อว่าส.ว. จะตั้งกำแพงสูงในเรื่องนี้ เพราะการแก้ไขจะไม่ง่ายนักตามที่คิดเอาไว้


ส่วน 13 เสียง ที่ส.ว. โหวตให้นายพิธา เมื่อมีการโหวตครั้งที่ 2 เชื่อหรือไม่ว่าจะยังคงโหวตให้นายพิธา อีกครั้ง นายประเสริฐ เชื่อว่า ส.ว. ทั้ง 13 คน น่าจะยังอยู่ และจะโหวตให้ในรอบ 2 คงมีเจตนาและมีความตั้งใจ เจตนาที่มองการเมืองอีกมุมนึง


เมื่อถามว่าเพื่อไทยต้องออกแรงเพิ่มเพื่อให้ได้เสียง ส.ว.เพิ่มเติมหรือไม่ นายประเสริฐ กล่าวว่า ส่วนตัวคิดว่าก้าวไกล พยายามทำเต็มที่แล้ว เพราะฉะนั้นขอคุยกับทางก้าวไกลก่อนว่าวันนี้จะแนวทางจะเป็นอย่างไร


เมื่อถามต่อว่ามีอะไรจะไปแนะนำให้ได้เสียงเพิ่มหรือไม่ นายประเสริฐ มองว่า จริงๆ แล้ว ถ้าการโหวตเป็นไปอย่างวันที่ 13 ก.ค. หากไม่มีข้อมูลใหม่ หรือไม่มีอะไรเพิ่มเติม การโหวตในวันที่ 19 นี้ คงจะใกล้เคียงกับการโหวตวันที่ 13


เมื่อถามว่าการอภิปรายของสมาชิกรัฐสภาเมื่อวานนี้ พุ่งเป้าไปที่ประเด็นการแก้ไขมาตรา 112 จะมีการปรับภาพลักษณ์ให้การโหวตมากขึ้นหรือไม่ นายประเสริฐ กล่าวว่า ไม่ขอแสดงความเห็นเรื่องนี้ เพราะพูดแทนก้าวไกลไม่ได้ และทางพรรคก้าวไกลก็ยังไม่ได้มีการแสดงความคิดเห็นเรื่องนี้ ดังนั้นเป็นเรื่องที่ก้าวไกลต้องคิดเอง ตอบแทนไม่ได้ ซึ่งวันนี้การพูดคุยกับพรรคก้าวไกล จะมีการคุยในหลายประเด็น และคิดว่าพรรคก้าวไกลรู้โจทก์แล้ว โดยเฉพาะเรื่องมาตรา 112


เมื่อถามว่ากังวลหรือไม่ อาจจะมีการเสนอชื่อพลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ จากพรรคพลังประชารัฐ เข้ามาแข่ง นายประเสริฐ ระบุว่า เป็นเรื่องที่ 8 พรรคร่วมจัดตั้งรัฐบาล จะต้องนำมาประเมินร่วมกัน ซึ่งขณะนี้ทราบว่ามีความเคลื่อนไหวในการรวบรวมเสียงอยู่ จึงประมาทไม่ได้ เพราะเกิดขึ้นได้ เป็นเรื่องที่ต้องพูดคุยกันหลังจากที่ 2 พรรค ได้คุยกัน ก็จะต้องหารือใน 8 พรรคอีกครั้ง


เมื่อถามว่าการเสนอรอบสองยังคงเป็นชื่อของนายพิธา คนเดียวหรือไม่ หรือมีการเตรียมมุมอื่นไว้อีก นายประเสริฐกล่าวว่าขอให้ได้ข้อสรุปในเร็ววันนี้ก่อน


เมื่อถามต่อว่าจำเป็นจะต้องเสนอชื่อแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีคนอื่นหรือไม่เพื่อเป็นทางรอดให้กับแปดพรรคร่วม นายประเสริฐระบุว่าขอให้พูดคุยกับพรรคก้าวไกลก่อนยังเร็วเกินไปที่จะแสดงความเห็น


เมื่อถามว่ากังวลหรือไม่ว่าการเสนอชื่อนายพิธา ซ้ำอีกครั้ง จะไปขัดกับข้อบังคับการประชุม นายประเสริฐ กล่าวว่า หากดูข้อบังคับดีๆ จะมีข้อที่ระบุว่าเป็นอำนาจของประธานรัฐสภาในการวินิจฉัย หากการเสนอญัตตินั้นมีเหตุการณ์ที่เปลี่ยนไป ตนเชื่อว่าอำนาจประธานสภาชี้ได้ ไม่น่าเป็นอุปสรรค การเสนอชื่อนายพิธา ซ้ำได้หรือไม่นั้น ถือเป็นดุลยพินิจของประธานรัฐสภา


เมื่อถามถึงกรณีที่ถามว่า นายปิยบุตร แสงกนกกุล โพสต์ในลักษณะที่ว่า พรรคก้าวไกล ควรไปเป็นฝ่ายค้าน มีนัยยะอะไรหรือไม่ นายประเสริฐ กล่าวว่า ในฐานะที่เป็นคนหนึ่งที่แสดงความคิดเห็นและส่งผลต่อพรรคก้าวไกล ดังนั้นคำพูดของนายปิยบุตร ก็ควรที่จะรับฟัง แต่เขาก็ไม่ได้อยู่ในพรรคก้าวไกล ถ้าจะให้แน่นอนต้องฟังความคิดเห็นของหัวหน้า เลขาฯ และกรรมการบริหารพรรคก้าวไกล


เมื่อถามว่าจะทำอย่างไร หากพรรคก้าวไกลยอมถอยไปเป็นฝ่ายค้าน นายประเสริฐ กล่าวว่า จริงแล้วไม่มีแผน 2 แต่ทุกความเห็นที่เกิดขึ้นตอนนี้ ต้องนำไปหารือกับพรรคก้าวไกล และต้องแจ้งกับ 8 พรรคร่วมจัดตั้งรัฐบาลด้วย


เมื่อถามว่า ส.ว.ติดใจเรื่องมาตรา 112 ซึ่งไม่มีใน MOU พรรคก้าวไกลจะไปดำเนินการของเขาเอง เรื่องนี้กังวลหรือไม่ นายประเสริฐ กล่าวว่า MOU มี 2 ฉบับ แบบ 2 พรรค กับ 8 พรรค แบบ 8 พรรค เท่าที่จำได้คือหากเป็นเรื่องที่นอกเหนือจาก MOU ให้ถือว่าเป็นเรื่องของพรรคก้าวไกลที่จะไปเสนอเอง ไม่เกี่ยวกับ 8 พรรค เป็นเรื่องเฉพาะที่พรรคก้าวไกลจะไปดำเนินการ ไม่เกี่ยวกับพรรคอื่น ซึ่งพรรคอื่นจะขอสงวนสิทธิ์ไม่ร่วมด้วย ก่อนจะย้ำว่ากำแพงที่พรรคก้าวไกลต้องข้ามให้ได้คือมาตรา 112 เพราะ ส.ว.และพรรคเสียงข้างน้อย ก็พูดเป็นเสียงเดียวกัน พรรคก้าวไกลต้องกลับไปทำการบ้าน

คุณอาจสนใจ

Related News