ข่าวโซเชียล
สุดเดือด !! ผู้ว่าฯ ปะทะ สส.ก้าวไกล ปมช่วยชาวบ้าน น้ำเค็มทะลักเจือปนน้ำจืด
โดย attayuth_b
17 เม.ย. 2567
383 views
ผู้ว่าฯสมุทรปราการ ปะทะคารม สส.ก้าวไกล หลังอยากช่วยชาวบ้านเหมือนกัน ประเด็นน้ำเค็มทะลักเจือปนน้ำจืด
เมื่อเวลา 10.30 น. ที่ศาลาวัดบ้านระกาศ ต.บางบ่อ อ.บางบ่อ จ.สมุทรปราการ นายศุภมิตร ชิณศรี ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรปราการ พร้อมด้วยหัวหน้าส่วนราชาการที่เกี่ยวข้อง กลุ่มเกษตรกรผู้เลี้ยงบ่อปลา นาข้าว อ.บางบ่อ ร่วมถึงนายตรัยวรรธน์ อิ่มใจ สส.สมุทรปราการ เขต 8 พรรคก้าวไกล และทีมงานผู้ช่วย ได้เข้าร่วมประชุมเพื่อหาแนวทางในการแก้ไขปัญหาเรื่องน้ำทะเลไหลทะลักเข้าเจือปนกับน้ำจืดในคลองต่าง ๆ
โดยปัญหานี้สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 9 เม.ย.ที่ผ่านมา เกิดเหตุทำนบดินงานก่อสร้างสถานีสูบน้ำท่าถั่ว ต.บางกรูด อ.บ้านโพธิ์ จ.ฉะเชิงเทรา เกิดทรุดตัวพังลง เป็นเหตุให้น้ำทะเลจากแม่น้ำบางปะกง ทะลักเข้ามาในคลองประเวศน์บุรีรมย์ไหลเจือปนกับน้ำจืดตามคลองสาขาต่างๆ ยาวเลยเข้ามาถึงในพื้นที่ อ.บางบ่อ จ.สมุทรปราการ เป็นเหตุให้ปลาที่อยู่ในคลองธรรมชาติตายลอยเกลื่อน เกษตรกร และประชาชนผู้ใช้น้ำจากคลองสูบมาทำประปาหมู่บ้าน ได้รับผลกระทบกว่าหมื่นคน
หลังจากที่กรมชลประทานนำโดย นายชูชาติ รักจิตร อธิบดีกรมชลประทาน ลงพื้นที่เข้าตรวจสอบจุดเกิดเหตุ สั่งการเร่งแก้ไขและสามารถปิดกั้นน้ำทะเลได้แล้ว โดยใช้เวลาประมาณ 5 วัน ขณะนี้อยู่ในช่วงผลักดันน้ำเค็มที่ไหลเข้าเจือปนกับน้ำจืดในคลองต่างๆ นำออกคืนสู่ทะเล สรุปจะใช้วิธีนำเครื่องผลักดันน้ำ เครื่องสูบน้ำ ระดมเข้ามาช่วยกันเร่งระบายน้ำเค็มออกไปให้เร็วที่สุด เพื่อลดปัญหาความเสียหายที่จะเกิดขึ้นกับเกษตรกรให้เหลือน้อยที่สุด หลังจากที่การประชุมดำเนินไป หน่วยงานที่รับผิดชอบชี้แจงแนวทางแก้ไข
จากนั้นผู้ว่าฯ เปิดโอกาสให้ชาวบ้าน ผู้ร่วมประชุมซักถาม หรือแสดงความคิดเห็น นายตรัยวรรธน์ และทีมงานผู้ช่วย ได้ยืนขึ้นแสดงความคิดเห็น ตั้งข้อสังเกต โดยอิงการช่วยเหลือชาวบ้านอย่างเร่งด่วนเป็นหลัก แต่ผู้ว่าฯ ได้ตอบกลับชี้แจงว่า การที่หน่วยงานราชการจะช่วยชาวบ้านได้นั้น ต้องตรวจสอบความเสียหายที่เกิดขึ้น และต้องเดือดร้อนจริง มีพยานหลักฐานอ้างอิง และต้องดูระเบียบข้อกฎหมายเป็นหลัก มิฉะนั้นอาจทำให้ข้าราชการผู้ปฏิบัติ ต้องรับโทษทางคดีอาญา ถึงขั้นติดคุกได้ ซึ่งบรรยากาศช่วงดังกล่าว เป็นไปอย่างดุเดือด
หลังจากที่ได้ข้อสรุป นายศุภมิตร ผู้ว่าฯ เปิดเผยว่า สำหรับการประชุมวันนี้แบ่งออกเป็น 2 ส่วน ส่วนแรกคือ เรื่องของการตรวจสอบความเสียหายเบื้องต้น ส่วนใหญ่เป็นกลุ่มเกษตรกรประมง และมีกลุ่มเกษตรกรพืชสวนบางส่วน ซึ่งจะต้องใช้เวลาตรวจสอบประมาณ 1-2 วัน หลังจากทราบข้อมูลชัดเจน ก็จะสามารถประกาศตามระเบียบราชการได้ ส่วนเรื่องที่ 2 คือ การเร่งระบายน้ำเค็มออกไปให้เร็วที่สุด ซึ่งได้ประสานไปที่ น.ส.นันทิดา แก้วบัวสาย นายก อบจ.สมุทรปราการ ได้ตอบรับให้การสนับสนุนเครื่องสูบน้ำ มาใช้งานร่วมกับกรมชลประทาน รวมถึงสนับสนุนเรื่องน้ำมันที่จะใช้เป็นเชื้อเพลิงด้วย โดยจะใช้ร่วมกับงบประมาณภัยพิบัติที่อาจจะเกิดขึ้นของสำนักงาน ปภ.
ส่วนเรื่องการนำน้ำจืดไปบรรเทาความเดือดร้อนให้เกษตรกรบ่อเลี้ยงปลาที่เป็นเอกชน ระเบียบราชการระบุไว้ ไม่สามารถทำได้ แต่ได้สั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องไปดูระเบียบว่าสามารถทำได้หรือไม่ หากไม่มีอาจต้องประสานไปยังภาคเอกชนให้เข้ามาช่วยกัน พร้อมยืนยัน ต้องหาวิธีการช่วยเหลือประชาชนผู้ที่ได้รับความเดือดร้อนในทุกรูปแบบ
นอกจากนี้ ผู้ว่าฯ กล่าวทิ้งท้ายสาเหตุที่ยังไม่มีการประกาศเป็นพื้นที่ภัยพิบัติ เนื่องจากต้องตรวจสอบความเสียหายที่เกิดขึ้นก่อน โดยต้องมีภาพถ่ายความเสียหาย เช่น ปลาลอยตายในบ่อปลา ที่ชาวบ้านเลี้ยงไว้และต้องเป็นเกษตรกรที่ขึ้นทะเบียนอย่างถูกต้องกับจังหวัดไว้เท่านั้น แต่ตอนนี้ยังไม่มีข้อมูลที่ชัดเจนต้องใช้เวลาในการตรวจสอบก่อน และหลังเกิดเหตุติดช่วงวันหยุดสงกรานต์ ราชการเพิ่งเปิดทำการ ชาวบ้านได้แจ้งข้อมูลเบื้องต้นกับผู้ใหญ่บ้านในพื้นที่ ส่งต่อให้ อบต.และขณะนี้อยู่ในขั้นตอนรวบรวม ตรวจสอบข้อเท็จจริง ก่อนจะนำส่งผู้ว่าฯ ซึ่งถ้าเข้าหลักเกณฑ์ ก็สามารถประกาศเป็นพื้นที่ภัยพิบัติได้