อาชญากรรม

ครอบครัวเด็ก 14 ปี ร้องตร.ปปป. เอาผิดตำรวจยิงหัวเด็ก

โดย kanyapak_w

13 ก.ค. 2566

677 views

(13 ก.ค.) ช่วงเช้าที่ผ่านมานายรณณรงค์ แก้วเพ็ชร์ ประธานเครือข่ายรณรงค์ทวงคืนความยุติธรรมในสังคมพร้อมด้วยญาติของผู้เสียหายจากกรณีเด็กชายอายุ 14 ปี ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจใช้อาวุธปืนยิงเข้าที่ศีรษะ จนขณะนี้ได้รับบาดเจ็บสาหัสยังอยู่ในอาการโคมา






โดยในเวลาต่อมามีการอ้างว่าเป็นอุบัติเหตุอาวุธปืนลั่น ซึ่งทางญาติพบความผิดปกติหลายอย่างจึงทำหนังสือร้องขอความเป็นธรรมต่อ พลตำรวจตรีจรูญเกียรติ ปานแก้ว ผบก.ปปป. เพื่อขอให้ตรวจสอบและดำเนินคดีกับผู้ที่ทำความผิดในเหตุการณ์นี้ โดย นายรณรงค์ ระบุว่าเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นในจังหวัดเพชรบูรณ์ เมื่อวันที่ 6 กรกฎาคมที่ผ่านมา ขณะที่มีเยาวชนไปร่วมงานบวชภายในวัดแห่งหนึ่งในพื้นที่อำเภอหล่มสัก ก่อนที่หลานชายของครอบครัวนี้จะถูกอาวุธปืนยิงเข้าที่ศีรษะโดยเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ทำหน้าที่ดูแลความปลอดภัยภายในงาน






ซึ่งหลังเกิดเรื่องในตอนแรกทางตำรวจมีการแจ้งขอความช่วยเหลือไปยังรถฉุกเฉินโดยให้เหตุผลว่าผู้บาดเจ็บประสบอุบัติเหตุขณะทำการติดตามของทางตำรวจ ทั้งๆที่มีพยานเป็นเด็กอายุ 16 ปี เห็นเหตุการณ์ทั้งหมด ตั้งแต่ต้น ยืนยันว่าเป็นการตั้งใจยิงของตำรวจ ก่อนที่ต่อมาตำรวจจะมีการเดินทางไปลงบันทึกประจำวันในเวลา 4 ทุ่ม 22 นาทีว่า เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้น สาเหตุมาจากอุบัติเหตุปืนลั่นขณะใช้ อาวุธปืนขู่ให้เด็กหยุดหลังมีการไล่เด็กออกมาจาก เหตุทะเลาะวิวาทภายในงานบวช ซึ่งตนเองมองว่าเรื่องนี้มีความผิดปกติเพราะเรื่องเกิดตั้งแต่ช่วงเวลา 16:30 น. โดยประมาณ แต่กลับนำเด็กไปส่งโรงพยาบาลในช่วงเวลา 6 โมงกว่าทั้งๆ ที่โรงพยาบาลอยู่ห่างจากจุดเกิดเหตุไปไม่เกิน 10 นาที อีกทั้งในตอนแรกที่มีการขอรถฉุกเฉินกลับในการขอรถฉุกเฉินโดยให้เหตุผลว่ามีคนเจ็บจากเหตุอุบัติเหตุรถชน และยังมีการแจ้งลงบันทึกประจำวันว่าเป็นอุบัติเหตุปืนลั่นซึ่งตนเองมองว่าระยะเวลาที่ห่างกันขนาดนี้ มาจากการที่อยู่ระหว่างการ หาเหตุผลแก้ตัวหรือไม่ อีกครั้งการใช้อาวุธปืนข่มขู่ตามคำกล่าวอ้างในบันทึกประจำวัน





ตนเองมองว่าเป็นการกระทำเกินกว่าเหตุเพราะตำรวจสามารถใช้วิธีการขับขี่รถประกบใช้มือถือถ่ายบันทึกคลิปเอาไว้แล้วนำมาให้ร้อยเวรออกหมายเรียกในภายหลังก็สามารถทำได้และไม่เกิดความสูญเสียหรืออุบัติเหตุ แต่ตำรวจนายนี้กลับใช้อาวุธปืนขึ้นมา ข่มขู่จนเป็นเหตุให้ปืนลั่นตามคำกล่าวอ้าง




ขณะที่ นางมนัด 56 ปี คุณยาย ของเยาวชนอายุ 14 ปี ที่เป็นผู้บาดเจ็บถูกยิงจากเหตุการณ์นี้ ระบุว่า ตนเองทราบเรื่องหลังจากที่ไปร่วมงานบวชที่วัดโนนสมบูรณ์ เมื่อเสร็จพิธีตนเองก็สังเกตเห็นว่าตำรวจมีการจับกุมตัวเด็กไปคนหนึ่งแต่ก็ไม่ได้คิดอะไรตนเองจึงกลับบ้านไปพักผ่อนก่อนที่จะมีคนมาตามที่บ้านบอกว่าหลานชายที่ไปร่วมงานบวชด้วยถูกรถตำรวจชนได้รับบาดเจ็บ ซึ่งตอนแรกก็คิดว่าเป็นแค่อุบัติเหตุปกติยังบอกกับพ่อของ หลานชายว่าให้ไปดูลูกซึ่งพ่อของหลานก็ให้พี่สาวซึ่งเป็นป้าของเด็กไปดูแทนเนื่องจากติดธุระ ก่อนที่ตัวเองจะเดินทางตามไปที่โรงพยาบาล จนพบความจริงว่าหลานชายไปได้ประสบอุบัติเหตุได้รับบาดเจ็บแต่กลับถูกตำรวจใช้อาวุธปืนยิง เมื่อตนเองทราบเรื่องจึงได้พยายามเดินทางมาแจ้งความกับทางตำรวจเจ้าของพื้นที่ แต่ตำรวจเจ้าของพื้นที่กลับไปรับแจ้งความโดยให้เหตุผลว่าตำรวจมีการลงบันทึกประจำวันไว้เป็นที่เรียบร้อยว่าเป็นอุบัติเหตุอาวุธปืนลั่น ซึ่งคนแจ้งก็คือคนที่เป็นผู้ก่อเหตุเอง ตนเองยังมีการสอบถามกับทางร้อยเวรว่าตนเองในฐานะผู้เสียหายไม่ต้องแจ้งความอย่างนั้นหรือ





ตำรวจกลับตอบว่ามันจำเป็นต้องแจ้งความเพราะเหตุการณ์นี้ตำรวจที่เป็นคนก่อเหตุได้มีการลงบันทึกประจำวันไว้เป็นที่เรียบร้อย ตนเองไม่รู้จริงๆ ว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นภายในวัดกับหลานชายและทางตำรวจเกิดอะไรขึ้น เพราะตนเองก็ร่วมงานบวชตามปกติก็ไม่ได้มีเหตุการณ์อะไร แต่เมื่อตนเองได้มีการสอบถามเด็กคนหนึ่งที่ถูกตำรวจจับกุมตัวไปที่หน้าวัดตามที่ตนเองเห็นก็ได้รับการบอกเล่าว่าหลังจากที่มีการจับตัวเด็กคนดังกล่าวไปตำรวจด้วยขับรถติดตามเด็กไปจนพบกับ รถจักรยานยนต์ที่หลานชายตัวเองนั่งซ้อนสามไปด้วย เมื่อถึงจุดเกิดเหตุก็ได้เปิดประตูและใช้อาวุธปืนยิงทันที ส่วนสาเหตุที่จับตัวเด็กคนนี้ไปตัวเด็กเองก็ไม่ทราบว่าทำไมถึงถูกจับกุม หลังเกิดเรื่องทางครอบครัวยังเคยได้รับการติดต่อมาจากครอบครัวของผู้ก่อเหตุและมีการพูดทำนองว่าจะมีการไกล่เกลี่ยจ่ายเงินซึ่งตนเองยืนยันว่าเหตุการณ์นี้ตนเองจะดำเนินการทางคดีเอาผิดกับทางตำรวจคนนี้ให้ถึงที่สุด





ส่วนตัวเคยเห็นตำรวจคนนี้ปฏิบัติหน้าที่อยู่ใน พื้นที่แต่ก็ไม่สนิทกัน เพียงแต่เท่าที่เห็นก็เห็นว่าเป็นคนที่กร่างชอบใช้อำนาจ แต่ไม่คิดว่าจะมาก่อเหตุรุนแรงกับหลานชายตนเองแบบนี้ ส่วนสาเหตุ ที่ก่อเหตุตนเองมองว่าน่าจะมาจากการมึนเมา เพราะในงานมีคนเห็นว่าตำรวจนายนี้ มีการดื่มสุรา และตำรวจคนนี้ก็ชอบดื่มกินประจำ ขณะที่ในส่วนของอาการของหลานชายยังอยู่ในอาการโคมาแพทย์บอกให้ทางครอบครัวต้องทำใจ เพราะขนาดนี้ยังคงไม่รู้สึกตัวเพราะบาดแผลถูกยิงเข้าที่กะโหลกด้านขวาทะลุด้านซ้าย ในวันนี้จึงเดินทางมาขอความช่วยเหลือต่อพลตำรวจตรีจรูญเกียรติ เพราะตำรวจในพื้นที่ไม่ยอมทำงานและไม่ยอมรับคดีของตนเอง




ด้านนาย เขียว ( นามสมมุติ ) เยาวชนอายุ 16 ปี ที่เป็นพยานที่อยู่ในเหตุการณ์ ตั้งแต่ต้นเพราะถูกตำรวจคุมตัวไปที่หน้าวัด เล่าให้ทีมข่าวฟังว่า วันดังกล่าวขณะที่ตนเองไปร่วม งานบวชที่วัดก็ได้มีปากเสียงกับกลุ่มคนที่มาร่วมงานซึ่งการมีปากเสียงนั้นเป็นเพียงการพูดคุยกันแต่มีการใช้เสียงดังยังไม่ถึงขั้นลงไม้ลงมือและการ พูดคุยนั้นก็จบลงโดยที่ไม่ได้มีการทำร้ายร่างกายกันแต่อย่างใด ต่างคนต่างแยกย้ายกันไปร่วมงานตามปกติ ซึ่งเมื่อเสร็จพิธีการแห่นาคก็ได้มีการแยกย้ายกันกลับบ้านตนเองก็เดินกลับบ้านพอมาถึงหน้าวัด ตำรวจคนนี้ก็ขับรถมาปาดหน้าแล้วก็จับตนเองกดลงพื้นใส่กุญแจมือไพ่หลังโดยทันที



โดยขณะจับกุมไม่ได้มีการแจ้งว่าตนเองทำผิดอะไร และมีการพาตนเองขึ้นไปยัง ประตูหลังก่อนที่จะมีการเดินไปพูดคุยกับชาวบ้าน และมีการขับรถติดตามซึ่งตนเองมาทราบภายหลังว่าตำรวจไปถามชาวบ้านว่ากลุ่มเพื่อนของตนเองที่มีน้องอายุ 14 ร่วมอยู่ด้วยขับขี่ไปในทิศทางไหน ขอทราบตำแหน่งตำรวจก็ขับขี่ติดตามไปโดยผู้ก่อเหตุเป็นคนที่นั่งอยู่บริเวณด้านหน้าฝั่งซ้ายและมีคนขับอีกคนหนึ่งทันทีที่เห็นกลุ่มเพื่อนของตนเองที่เป็นรถจักรยานยนต์เพียงหนึ่งคันขับขี่ซ้อนสาม โดยมีน้องผู้รับบาดเจ็บนั่งเป็นคนซ้อนคนสุดท้าย ตำรวจผู้ก่อเหตุได้มีการชักเอาปืนออกมาและขึ้นลำสไลด์ก็จะมีการพูดว่า เดี๋ยวยิงทิ้งเลยไอ้เด็กพวกนี้ ซึ่งน่าจะเป็นการพูดขึ้นมาลอยๆ เพราะคนขับก็ไม่ได้มีการตอบอะไร ก่อนที่เมื่อรถมาถึงประกบข้างรถจักรยานยนต์เพื่อนตนเองก็สังเกตเห็นว่ารถจักรยานยนต์มีการชะลอเหมือนเตรียมจะจอดลงข้างทางตำรวจได้เปิดประตูและใช้อาวุธปืนชี้ไปที่รถจักรยานยนต์และลั่นไกในทันที เมื่อยิงแล้วยังมีการขับเบียดรถจักรยานยนต์ให้ตกลงข้างทางอีกด้วย




ก่อนที่ตำรวจคนที่เป็นคนยิงจะลงไปดูที่เกิดเหตุและมีการพาตัวเพื่อนของตนเองที่เป็นคนขับขี่รถจักรยานยนต์และคนซ้อนคนกลางมาขึ้นรถทันทีที่ทั้งสองขึ้นรถคนขับรถตำรวจก็ได้มีการพาพวกตนไปที่เขียงนาห่างจากจุดเกิดเหตุไปประมาณสามกิโล โดยทิ้งตำรวจคนที่เป็นคนยิงไว้กับน้องคนที่รับบัตรเจ็บเปิดตนเองไม่ทราบว่าตำรวจมีการพาตนเองไปทำไม ก่อนที่จะมีการพาตนเองไป ตรวจปัสสาวะและก็ปล่อยตัวตามปกติ ตนเองยืนยันว่าขณะที่อยู่ภายในวัดก็เห็นตำรวจคนนี้ดื่มกินสุราและภายในรถยังพบกระป๋องเบียร์อยู่ภายในรถอีกหลายกระป๋อง และคาดว่าเป็น กระป๋องเบียร์ที่มาจากงานภายในวัด รวมถึงตนเองยังได้กลิ่นแอลกอฮอล์ ขณะที่ตำรวจมีการจับตนเองกดตรงพื้นและใส่กุญแจมือ




คุณอาจสนใจ

Related News