สังคม

รวบสาวแก๊งบัญชีม้า-ซิมม้า ที่ขอนแก่น - หลอกชาวบ้านเปิดบัญชีม้า อ้างคนละครึ่ง รบ.ชุดใหม่

โดย passamon_a

6 ก.ค. 2566

165 views

ตำรวจไซเบอร์ เผยกลโกงขบวนการซื้อขายบัญชีม้า-ซิมม้า ในพื้นที่ จ.ขอนแก่น เร่งตามจับกุมทั้งขบวนการ ล่าสุดจับกุมบัญชีม้าตัดวงจรหลอกลวงออนไลน์ - ที่ จ.บุรีรัมย์ หลอกชาวบ้านเปิดบัญชีม้า อ้างโครงการคนละครึ่ง ของรัฐบาลชุดใหม่ แถมได้เงินค่าเปิด 3,500 บาท


พล.ต.ท.วรวัฒน์ วัฒน์นครบัญชา ผู้บัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี หรือ ตำรวจไซเบอร์ สั่งการให้ตำรวจไซเบอร์ทุกกองบังคับการ เร่งติดตามจับกุมคนร้ายคดีอาชญากรรมออนไลน์ทุกประเภท ซึ่งจากการสืบสวนพบว่าคดีออนไลน์ต่าง ๆ มักมีการใช้บัญชีม้า ซิมม้า ในการหลอกลวงพี่น้องประชาชน ดังนั้นจึงได้สั่งการให้ตำรวจไซเบอร์เร่งกวาดล้างจับกุมบัญชีม้า ซิมม้า เพื่อตัดวงจรการหลอกลวงออนไลน์ ซึ่งสร้างความเสียหายให้กับประชาชนเป็นจำนวนมาก


ล่าสุด พล.ต.ต.สถิตย์ พรมอุทัย ผบก.สอท.3 และ พ.ต.อ.อภิรักษ์ จำปาศรี ผกก.1 บก.สอท.3 สั่งการจับกุมผู้ต้องหาบัญชีม้าในพื้นที่ จ.ขอนแก่น หลังสืบทราบว่ามีขบวนการซื้อขายบัญชีธนาคารผ่านสื่อออนไลน์ต่าง ๆ โดยพบว่าขบวนการดังกล่าวจะมีมิจฉาชีพใช้บัญชีทวิตเตอร์ ชื่อ 'ขายบัญชี' จำหน่ายบัญชีธนาคาร พร้อมซิมโทรศัพท์มือถือแบบลงทะเบียนแล้ว หากมีผู้สนใจมิจฉาชีพก็จะให้แอดไลน์ ชื่อ 'timeout' เพื่อแชทพูดคุยขายบัญชีธนาคาร พร้อมบัตรกดเงินสด (ATM) และซิมโทรศัพท์มือถือพร้อมใช้งาน ในราคา 5,000 บาท จากนั้นหากผู้สนใจตกลงซื้อ มิจฉาชีพกลุ่มนี้ก็จะให้โทรศัพท์ติดต่อกับผู้ร่วมขบวนการอีกคนใช้ชื่อว่า 'นัท' ซึ่งเป็นคนประสานหาคนเปิดบัญชีม้า และซิมม้าพร้อมใช้ เพื่อนำมาจำหน่ายต่ออีกทอด


เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.1 บก.สอท.3 นำโดย พ.ต.ท.ประภาส ถ้ำเหม รอง ผกก.1 บก.สอท.3 และ ร.ต.อ.วิชัย จำปา รอง สว.กก.1 บก.สอท.3 สืบสวนและวางแผนจับกุม โดยติดต่อซื้อบัญชีธนาคาร บัตรกดเงินสด และซิมโทรศัพท์มือถือพร้อมใช้งาน จากแก๊งดังกล่าว และมีการนัดหมายส่งมอบที่หน้าบ้านหลังหนึ่ง พื้นที่หมู่ 2 ต.ท่ากระเสริม อ.น้ำพอง จ.ขอนแก่น พบ น.ส.ศิริรัตน์ นำสินค้ามาให้ เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงแสดงตัวและจับกุม


จากการสอบสวนเบื้องต้น น.ส.ศิริรัตน์ ให้การว่า ได้รับค่าจ้างเปิดบัญชีครั้งละ 700 บาท ส่วนซิมโทรศัพท์มือถือได้ไปซื้อจากร้านสะดวกซื้อและลงทะเบียนเป็นชื่อตนพร้อมใช้งาน ซึ่งทำมาแล้ว 5 ครั้ง เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงแจ้งข้อหา เปิดหรือยินยอมให้บุคคลอื่นใช้บัญชีเงินฝาก บัตรอิเล็กทรอนิกส์ หรือบัญชีเงินอิเล็กทรอนิกส์ของตน โดยมิได้มีเจตนาใช้เพื่อตนหรือเพื่อกิจการที่ตนเกี่ยวข้อง หรือยินยอมให้บุคคลอื่นใช้หรือยืมใช้เลขหมายโทรศัพท์สำหรับบริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ของตน ทั้งนี้โดยประการที่รู้หรือควรรู้ว่าจะนำไปใช้ในการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรทางเทคโนโลยี หรือความผิดทางอาญาอื่นใด ตาม พ.ร.ก.มาตรการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี พ.ศ.2566 มาตรา 9 มีโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 300,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ


พ.ต.อ.อภิรักษ์ เปิดเผยว่า การจับกุมกวาดล้างซิมม้า บัญชีม้า ถือเป็นการตัดวงจรการหลอกลวงออนไลน์ เพราะเป็นฐานรากต้นตอของอาชญากรรมทางเทคโนโลยี อย่างไรก็ตาม ตำรวจไซเบอร์จะติดตามจับกุมทั้งขบวนการมาดำเนินคดีอย่างแน่นอน ทั้งนี้ เตือนพี่น้องประชาชนหากบัญชีธนาคาร หรือซิมโทรศัพท์มือถือที่ท่านให้หรือขายให้บุคคลอื่น ถูกนำไปใช้ในการกระทำความผิด ท่านอาจจะถูกดำเนินคดีในฐานะเป็นตัวการร่วม หรือผู้สนับสนุนในการกระทำความผิด และหากรับจ้างเปิดบัญชีม้า หรือซิมม้าจำนวนมาก จะต้องรับโทษเพิ่มขึ้นตามจำนวนบัญชีธนาคารและซิมโทรศัพท์มือถือที่ได้ให้บุคคลอื่นนำไปใช้ในการกระทำความผิด


ทั้งนี้ หากประชาชนเคยหลงเชื่อขายซิมโทรศัพท์มือถือ หรือบัญชีธนาคาร ให้กับบุคคลอื่น ขอให้รีบไปติดต่อกับค่ายโทรศัพท์มือถือหรือธนาคารของตน เพื่อขอยกเลิกหมายเลขโทรศัพท์หรือปิดบัญชีธนาคารดังกล่าวโดยเร็ว และหากพบเห็นการประกาศรับซื้อซิมโทรศัพท์มือถือหรือบัญชีธนาคาร แจ้งได้ที่สายด่วนตำรวจไซเบอร์ 1144 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง


ส่วนที่ จ.บุรีรัมย์ มีเหตุหลอกชาวบ้านให้เปิดบัญชี โครงการคนละครึ่ง ของรัฐบาลชุดใหม่ แถมได้เงินค่าเปิด 3,500 บาท ชาวบ้านแห่เปิด สุดท้ายโดนจับ 10 คนรวด ฐานเป็นบัญชีม้า หลังหัวหน้าสำนักงานปลัดเทศบาล ถูกแก๊งคอลเซ็นเตอร์หลอกสูญเงิน 3.5 ล้านบาท ผู้การฯแจ้งเตือนระวังห้ามเปิดบัญชีให้คนอื่น เพราะมีความผิด


วันที่ 4 ก.ค.66 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กรณีหัวหน้าสำนักงานปลัดเทศบาลแห่งหนึ่ง ที่ อ.บ้านใหม่ไชยพจน์ จ.บุรีรัมย์ เข้าแจ้งความต่อตำรวจ สภ.บ้านใหม่ไชยพจน์ เมื่อวันที่ 20 มิ.ย.ที่ผ่านมา ว่าถูกแก๊งคอลเซ็นเตอร์ หลอกให้โอนเงิน สูญเงินไปกว่า 3.5 ล้านบาท ในห้วงวันที่ 17-19 มิ.ย.


ซึ่งพฤติการณ์ของแก๊งดังกล่าวยังใช้รูปแบบเดิม ครั้งนี้แก๊งคอลเซ็นเตอร์อ้างว่า เป็นตำรวจ สภ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ โทรมาหาผู้เสียหาย ว่าได้มีการจับกุมผู้ต้องหาค้าเสพติดได้ จากการตรวจสอบพบบัญชีผู้เสียหายเชื่อมโยงการโอนเงินกับผู้ต้องหาด้วย


มีการโอนเงินจากบัญชีผู้ต้องหามายังผู้เสียหายเป็นจำนวนถึง 8 ล้านบาท และมีการถอน เหลืออยู่ในบัญชี 1% คือ 8 แสนบาท อีกทั้งเพื่อให้ผู้เสียหายหลงเชื่อ จึงใช้อุบายให้ผู้เสียหายแอดไลน์ คุยทางไลน์กับคนร้าย เป็นวิดีโอ พบเป็นตำรวจจริง ๆ มีหลายคน จากนั้นก็ให้ดูหมายอายัดบัญชีผู้เสียหาย เพื่อให้เหยื่อตายใจ


แต่ให้ดูแปบเดียวอ้างว่าเป็นความลับทางราชการ ทั้งหลอกผู้เสียหายว่าถ้าต้องการยืนยันความบริสุทธิ์ ก็ให้โอนเงินกลับไปตามบัญชีที่เขาระบุ 4 บัญชี อ้างว่าเพื่อให้ ปปง.ตรวจสอบ จากนั้นจะโอนเงินคืนให้


ด้วยความกลัวผู้เสียหายจึงหลงเชื่อ โอนเงินไปตามที่คนร้ายบอก โดยโอนวันที่ 16, 17 และ 19 มิ.ย. ปลายทาง 4 บัญชี รวมเป็นเงินกว่า 3,500,000 บาท


ตำรวจชุดสืบสวนภูธรจังหวัด ร่วมกับตำรวจอีกหลายชุด พบว่าเป็นบัญชีม้าที่เพิ่งเปิดบัญชีเมื่อช่วงต้นเดือน มิ.ย.66 ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่จึงได้ตรวจสอบบัญชีม้าดังกล่าว พบเป็นชาวบ้านในพื้นที่ ต.ยายแย้มวัฒนา อ.เฉลิมพระเกียรติ จ.บุรีรัมย์ ทั้งหมด


จนทราบว่ามีผู้หญิงชื่อ ดาว ยายแย้ม (นามสมมติ) เป็นนายหน้า มาหลอกให้ชาวบ้านเปิดบัญชี อ้างว่าจะไปลงทะเบียนโครงการคนละครึ่งของรัฐบาลชุดใหม่ และจะได้เงินขวัญถุงอีกคนละ 3,500 บาท มีชาวบ้านหลงเชื่อเปิดบัญชีม้ากว่า 10 คน จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้จับกุม น.ส.ดาว นายหน้า และชาวบ้านที่ถูกจ้างวานเปิดบัญชีม้าอีกกว่า 10 คน


นอกจากนี้ยังพบว่ามี น.ส.แอน (นามสมมติ) เคยทำงานเป็นแอดมินเครือข่ายคอลเซ็นเตอร์ชาวจีน ที่ฝั่งประเทศเพื่อนบ้าน ที่เป็นผู้จ้างวาน น.ส.ดาว ให้มาจ้างชาวบ้านเปิดบัญชีม้า ยังหลบหนีอยู่ระหว่างขยายผลติดตามจับกุม


ด้าน พล.ต.ต.รุทธพล เนาวรัตน์ ผบก.ภ.จว.บุรีรัมย์ ได้แจ้งเตือนประชาชนอย่าหลงเชื่อแก๊งคอลเซ็นเตอร์ที่แอบอ้างเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ หรือหน่วยงานรัฐต่าง ๆ บ้าง แล้วหลอกในรูปแบบต่าง ๆ เพื่อให้เหยื่อโอนเงินให้ ถ้าไม่มีทำอะไรผิดจริงก็อย่าไปหลงเชื่อ รวมถึงฝากเตือนชาวบ้านอย่ารับจ้างเปิดบัญชีม้าเด็ดขาด หวังได้เงินแค่ 3,500 บาท แลกกับถูกจับ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 300,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ


รับชมทางยูทูบที่ : https://youtu.be/7wmaRhf0ADQ

คุณอาจสนใจ

Related News