เลือกตั้งและการเมือง

กลุ่มปกป้องสถาบัน ยื่น ส.ว. ขอไม่โหวตนายกฯ ล้มล้างสถาบันหลักของชาติ - ส.ว.ขอก้าวไกล ลดเพดานแก้ ม.112

โดย passamon_a

5 ก.ค. 2566

222 views

เมื่อวันที่ 4 ก.ค.66 ที่อาคารรัฐสภา ตัวแทนกลุ่มศูนย์รวมประชาชนปกป้องสถาบัน (ศปปส.) เดินทางเข้ายื่นหนังสือถึง นายเสรี สุวรรณภานนท์ ประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) การพัฒนาการเมือง และการมีส่วนร่วมของประชาชน วุฒิสภา (ส.ว.) และนายสมชาย แสวงการ ประธานกมธ. สิทธิมนุษยชน สิทธิเสรีภาพ และการคุ้มครองผู้บริโภค


กรณีเรียกร้องสมาชิกวุฒิสภาไม่ให้ความเห็นชอบบุคคลที่มีพฤติกรรมล้มล้างสถาบันหลักของชาติ เข้ามาดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี สืบเนื่องจากกรณีการอภิปรายของ นายรังสิมันต์ โรม ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ในเวทีเสวนาหัวข้อ "ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ และรัฐธรรมนูญ" ณ หอประชุมศรีบูรพา มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ วันที่ 24 มิ.ย.ที่ผ่านมา โดยเนื้อหาตอนหนึ่งระบุว่า


"รอบนี้ฟ้าใหม่ ไม่ว่าประธานสภาก็คงจะไม่ใช่คนเดิม รวมถึงนายกรัฐมนตรี ซึ่งผมเชื่อมั่นว่าจะชื่อ พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ เราจะได้เห็นถึงความเปลี่ยนแปลงและเราจะได้เฉลิมฉลองวันที่ 24 มิ.ย. ในฐานะวันชาติด้วยกัน"


ซึ่งได้สร้างความไม่สบายใจให้กับพี่น้องประชาชนคนไทยเป็นจำนวนมาก ว่าจะเป็นการสร้างเงื่อนไขซึ่งนำไปสู่การล้มล้าง, สร้างความแตกแยก ให้เกิดกับบ้านเมืองและคนในชาติ


โดยเมื่อวันที่ 2 ก.ค.ที่ผ่านมา ศปปส.ได้เดินทางไปยื่นหนังสือต่อ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคและแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีพรรคก้าวไกล เพื่อขอทราบจุดยืนของพรรคต่อแนวคิดดังกล่าว โดยมีผู้แทนของพรรคก้าวไกลมารับหนังสือ และชี้แจงว่า นั่นเป็นเพียงการแสดงความเห็นส่วนตัว และพรรคมีจุดยืนในระบอบประชาธิปไตยโดยมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ซึ่งคำชี้แจงดังกล่าวยังไม่มีน้ำหนักเพียงพอ เมื่อพิจารณาจากเนื้อหาการอภิปรายที่เชื่อมโยงกับพรรคก้าวไกล ประกอบกับนายรังสิมันต์เป็นสมาชิกระดับแกนนำ ที่ย่อมรู้ทิศทางยุทธศาสตร์ระดับเชิงลึก ซึ่งรวมถึงพฤติกรรมที่ผ่านมาของแกนนำพรรคคนอื่น ๆ ที่อ้างวาทกรรมปฏิรูปสถาบัน และสนับสนุนการแก้ไขมาตรา 112


ดังนั้น ศปปส.จึงขอเรียกร้องไปยังสมาชิกวุฒิสภาทั้ง 250 ท่าน ที่จะมีส่วนร่วมในการออกเสียงให้ความเห็นชอบบุคคลที่จะเข้ามาดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี โปรดพิจารณาข้อเท็จจริงข้างต้น ตลอดถึงเหตุผลอื่น ๆ ที่สมาชิกวุฒิสภาย่อมสามารถเข้าถึงได้อย่างลึกซึ้งกว่าประชาชนทั่วไป และหวังเป็นอย่างยิ่งว่า สมาชิกวุฒิสภาจะเป็นกลไกอันเป็นที่พึ่งของประชาชน เพื่อสกัดกั้นความพยายามที่จะบ่อนทำลายสถาบันหลักของชาติ เพื่อหยุดวิกฤตความขัดแย้งของคนในชาติโดยอาศัยกระบวนการรัฐสภา โปรดพิจารณาไม่ให้ความเห็นชอบต่อบุคคลมีมีพฤติกรรมล้มล้างสถาบันหลักของชาติ เข้ามาดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี


ตัวแทน ศปปส. กล่าวทิ้งท้ายว่า ถ้าพรรคก้าวไกลได้เป็นรัฐบาลแล้วยังยืนยันจะยกเลิก แก้ไข หรือแตะต้อง ม.112 อุปสรรคของพรรคก้าวไกล ก็คือ ศปปส.


ต่อมาในเวลา 11.15 น. กลุ่มรามคำแหงรักสถาบัน ได้ยื่นหนังสือต่อ สืบเนื่องจากกรณีของนายรังสิมันต์เดียวกันข้างต้น เพื่อขอให้สมาชิกวุฒิสภายึดหลักปกป้องสถาบันในการออกเสียงให้ความเห็นชอบบุคคลที่จะเข้ามาดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี จากสถานการณ์ที่ประเทศกำลังเข้าสู่ขั้นตอนของการจัดตั้งรัฐบาลชุดใหม่ หลังการเลือกตั้งวันที่ 14 พ.ค.66


ประชาชนคาดหวังว่า การเปลี่ยนผ่านอำนาจการบริหารประเทศจะเป็นไปอย่างราบรื่น และสามารถบริหารประเทศเพื่อสร้างการพัฒนาให้เกิดประโยชน์ต่อคนในชาติ ยืนอยู่บนเวทีโลกได้อย่างเต็มภาคภูมิ แต่การณ์กลับปรากฏว่า นักการเมือง พรรคการเมืองบางพรรคที่มีโอกาสจัดตั้งรัฐบาลกลับยังคงสร้างประเด็นที่ส่อไปในทางสร้างความแตกแยกของคนในชาติ ด้อยค่าสถาบันหลักจากนโยบายแก้ไขมาตรา 112


โดยกลุ่มรามคำแหงรักสถาบัน เห็นว่าพรรคก้าวไกล ซึ่งอยู่ระหว่างการจัดตั้งรัฐบาล ยังไม่ได้แสดงท่าทีจุดยืนที่ชัดเจนต่อเรื่องดังกล่าว อ้างแต่เพียงจุดขึ้นในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นมุข และยังมีพฤติกรรมปกป้องสมาชิกพรรครายดังกล่าว พวกเราจึงขอเรียกร้องวุฒิสภา ซึ่งจะมีส่วนสำคัญในการออกเสียงให้ความเห็นชอบบุคคลที่จะเข้ามาดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ได้โปรดนำพฤติกรรมของสมาชิก และแกนนำพรรคก้าวไกล มาประกอบการตัดสินใจออกเสียงบนพื้นฐานของการยุติความขัดแย้ง สร้างความรู้รักสามัคคีของคนในชาติ


ในเวลาต่อมา นายสมชาย แสวงการ ส.ว. กล่าวว่า ตนไม่เชื่อว่า 14 ล้านเสียง จะต้องการให้มีการแก้ไขหรือยกเลิก ม.112 และสิ่งที่กระทบต่อการล้มล้างรัฐธรรมนูญและร่างใหม่ ในหมวด 1 และหมวด 2 ซึ่งเป็นความมั่นคงของชาติ เราพยายามสื่อสารกับพรรคก้าวไกลอยู่แล้วว่าให้ลดเพดานเรื่องนี้ลง เพราะเป็นผลกระทบต่อความสงบสุขของประเทศ ทาง ส.ว.ได้แสดงเจตนารมณ์หลายครั้งว่าเรื่องเหล่านี้นำไปสู่ความขัดแย้ง เพราะฉะนั้นฝ่ายการเมืองควรแก้ปัญหาในสภา ง่ายที่สุด คือการอย่าไปละเมิด เอานโยบายมาหาเสียง และไปกระทบกับพี่น้องปนะชาชนกลุ่มที่ไม่ได้เลือก แม้กระทั่งกลุ่มที่เลือกเองก็ไม่ได้เห็นด้วย


"เรียนไปยังพรรคก้าวไกลว่าเรื่องนี้ เลิกไปเถอะครับ แล้วไปทำงานให้กับพี่น้องประชาชนในเรื่องที่เขาฝากความหวังมา ไม่ว่าจะเป็นเรื่องปากท้อง เศรษฐกิจ ที่เขาอยากได้ ใน 300 นโยบาย มีตั้ง 290 กว่านโยบายที่เขาอยากได้ที่ไปหาเสียงไว้" นายสมชาย กล่าว


นายสมชาย กล่าวด้วยว่า ยิ่งเมื่อวันที่ 3 ก.ค.ที่ผ่านมา ตนได้ฟังการแถลงร่วมตนยิ่งหนักใจ เพราะยกระดับในเรื่องวันชาติ การสนับสนุนเรื่องการทำประชามติ รวมถึงการนิรโทษกรรมคดีการเมือง โดยเฉพาะ ม.112 ที่เราเห็นว่าเป็นปัญหาอยู่ ทำไมไม่ปล่อยให้กระบวนการยุติธรรมว่าไป หรือการแก้ไขกฎหมายบางประการที่เกี่ยวกับความมั่นคง ตั้งแต่เลือกตั้งมาจนถึงวันนี้ ยังไม่เห็นการแก้ไขนโยบายที่เกี่ยวกับเศรษฐกิจปากท้องให้พี่น้องประชาชนได้อย่างไร ส.ว.ก็รอฟังอยู่


"เรื่องนี้เราขอให้ลดเพดานลง ถ้าลดได้ เราก็เดินหน้าประเทศได้ แต่ถ้าเราเดินต่อ ยิ่งเพิ่มเงื่อนไขเข้าไปเรื่อย ๆ มันก็นำไปสู่ความขัดแย้ง แล้วก็ทำให้ ส.ว.ไม่สบายใจมากขึ้นในการโหวต" นายสมชาย กล่าว


รับชมทางยูทูบที่ : https://youtu.be/p2tmnFHtMFM

คุณอาจสนใจ

Related News