พรุ่งนี้ DSI เตรียมเปิดคอนเทนเนอร์เนื้อสุกรเถื่อน 161 ตู้ เพื่อดำเนินคดีกับผู้เกี่ยวข้องการนำเข้าสินค้าล็อตนี้

ความคืบหน้ากรณีพบซากสัตว์และเนื้อสุกร ลักลอบนำเข้าจากต่างประเทศโดยผิดกฎหมาย และถูกยึดไว้ที่ท่าเรือแหลมฉบับ จังหวัดชลบุรี มากถึง 161 ตู้คอนเทนเนอร์ คดีนี้ กรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือดีเอสไอ รับคดีเป็นคดีพิเศษแล้ว เพื่อดำเนินคดีกับผู้เกี่ยวข้องทั้งการนำเข้าผิดกฎหมาย และผลกระทบที่ต่อเนื่องมาถึงอุตสาหกรรมสุกรในประเทศ


ล่าสุด วันพรุ่งนี้ดีเอสไอ กรมศุลกากร และกรมปศุสัตว์ จะเปิดตู้คอนเทนเนอร์เพื่อตรวจสอบของกลางที่ยึดไว้ และเป็นต้นทางการขยายผลหาว่าใครที่เกี่ยวข้องกับการนำเข้า สินค้าเถื่อนล็อตใหญ่นี้บ้าง


เจ้าหน้าที่อย่างน้อย 3 หน่วยงานคือกรมสอบสวนคดีพิเศษ กรมศุลกากร และกรมปศุสัตว์ นัดหมายจะเปิดตู้คอนเทนเนอร์ ที่เป็นของกลางคดีพิเศษ กรณีการลักลอบนำเข้าเนื้อ สุกรผิดกฎหมาย ซึ่งกรมศุลากรกรอายัดไว้ที่ท่าเรือแหลมฉบับ ทั้งหมด 161 ตู้ ซึ่งจะเปิดตู้ในวันพรุ่งนี้ และถือเป็นครั้งแรกที่จะเปิดตู้คอนเทนเนอร์ เพื่อพิสูจน์สิ่งของที่อยู่ด้านใน ต่อหน้าพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ และต่อสื่อมวลชน รวมถึงสมาคมผู้เลี้ยงสุกรแห่งชาติ


ข้อมูลจากเจ้าหน้าที่ผู้รับผิดชอบระบุว่าคอนเทนเนอร์ ทั้ง 161 ตู้ เป็นของกลางคดีพิเศษ ที่ 59/2566 ซึ่งเดิมคดีนี้มีความผิดทั้ง พรบ.ศุลกากร และผิด พรบ.ปศุสัตว์ การจะเปิดพรุ่งนี้ก็เพื่อตรวจสอบว่าภายในเป็นของต้องห้าม ต้องกำกับ ใช่หรือไม่ เพราะก่อนหน้านี้ที่กรมศุลการ พบพิรุธหลายอย่างจึงสุ่มตรวจสอบแล้วพบว่าเป็นเนื้อสุกร แช่แข็ง แต่สำแดงเป็นสินค้าอย่างอื่นบ้าง และเมื่อพ้นกำหนดแล้วก็ยังไม่มีผู้มาแสดงตัวเป็นเจ้าของ ถือว่าเป็นสินค้าค้างท่า ทำให้ต้องยึดอายัดและตรวจสอบดังกล่าว


นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่อีกชุดที่จะนำอากาศยานไร้คนขับ ชนิดกล้องตรวจความร้อน และถ่ายทอดพิกัดที่ตู้กระจายกันอยู่ ได้ประชุมเตรียมความพร้อม เพื่อสำรวจเช่นกัน เนื่องจากลานเก็บของกลางเป็นพื้นที่บริเวณกว้าง และเจ้าหน้าที่คาดว่าจะใช้เวลาอย่างน้อย 2 สัปดาห์เพื่อตรวจให้ครบทั้ง 161 ตู้


ปัญหาเนื้อสุกรแช่แข็ง ลักลอบนำเข้าจากต่างประเทศ โดยเฉพาะบราซิล มีขึ้นอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปลายปี 2564 ซึ่งเจ้าหน้าที่ตรวจยึดได้และนำไปทำลายหลายครั้ง กระทั่งต้นปี 2566 นี้ มีโครงการท่าเรือสีขาว ที่ต้องการจัดระเบียบตู้สินค้าคงค้างแล้วก่อให้เกิดภาระค่าไฟฟ้าแพงจากสินค้าที่ไม่มีผู้มาแสดงตัวเป็นเจ้าของ โดยสำนักงานศุลกากรท่าเรือแหลมฉบัง สำรวจพบของค้างบัญชีเรืออยู่ในการอารักขาของศุลกากรเกินกำหนด 30 วัน


จึงออกเอกสารบัญชีของค้างบัญชีเรือ หรือ List A โดยไม่มีใบขนสินค้าอันได้รับรอง และไม่ได้เสียอากรหรือวางเงินประกันค่าอากรที่พึงเรียกเก็บแก่ของนั้น และแจ้งไปยังตัวแทนเรือและผู้รับตราส่ง ตามที่ระบุไว้ในบัญชีเรือ เพื่อให้ชำระอากรหรือวางประกันค่าอากร ภายในเวลาที่กฎหมายกำหนด แต่เมื่อครบกำหนดระยะเวลา กลับไม่มีผู้ใดแสดงความเป็นเจ้าของ เจ้าหน้าที่จึงเปิดสำรวจ และพบสินค้าประเภทสุกรแช่แข็ง จำนวน 161 ตู้ดังกล่าว ซึ่งถือว่าเป็นของควบคุมการนำเข้า ตามพรบ.โรคระบาดสัตว์ พ.ศ.2558 และสินค้าไม่ได้รับอนุญาจากกรมปศุสัตว์ จึงถือว่านำเข้าโดยฝ่าฝืน พรบ.โรคระบาด ซึ่งของกลางดังกล่าว ต้องริบตามกฎหมายศุลกากร


ก่อนหน้านี้นายสัตวแพทย์วิวัฒน์ พงษ์วิวัฒนชัย ตัวแทนเกษตรกรรายย่อย ได้ยื่นหนังสือถึงพรรคก้าวไกล และเปิดเผยกับข่าว 3 มิติว่าต้องการเรียกร้อง ให้เปิดตู้คอนเทน เนอร์ทั้งหมดเพื่อพิสูจน์โดยเร็วว่ามีเนื้อสุกรแช่แข็งเหลืออยู่หรือไม่ มากน้อยเพียงใด เพื่อป้องกันการลักลอบนำไปเวียนขายในตลาด จนทำให้ราคาเนื้อสุกล จากฟาร์มในประเทศ ตกต่ำกว่าความเป็นจริง นอกจากนี้ยังขอให้ นำเนื้อสุกรเหล่านั้นไปทำลาย พร้อมกับสอบสวนว่าใครอยู่เบื้องหลังนำเข้าเนื้อสุกรเถื่อนเหล่านี้บ้าง