ผู้ต้องหานำเข้าหมูเถื่อนทยอยเข้ามอบตัว ดีเอสไอขยายผลพบมีการจ่ายสินบนให้จนท.รัฐ

นางสาวชนิสรา อดีตกรรมการผู้จัดการ บริษัท PC Food center จำกัด และภรรยาของนายประกร ผู้ต้องหาอีกคน ในคดีนำเข้าเนื้อสัตว์เถื่อน จากกรณีที่มีความเกี่ยวข้องกับตู้คอนเทเนอร์ จำนวน 90 ตู้ ที่ตกค้างอยู่ท่าเรือแหลมฉบัง จ.ชลบุรี โดย ผู้ต้องหาเกี่ยวข้องกับตู้ในจำนวน 25 ตู้ ซึ่งภายในบรรจุสินค้าแช่แข็งประเภทหมูและไก่ โดยสินค้าไม่ได้มีการเปิดตู้ออกของที่ท่าเรือฯ แต่นำเข้ามาในเขตปลอดอากร จากนั้นมีการอำพรางขายกระจายทั่วประเทศไทย


โดยนางสาวชนิสรา ได้ประสานขอเข้ามอบตัวเช้าวันนี้ ขณะที่ผู้สื่อข่าวพยายามสอบถามถึงข้อเท็จจริงรวมถึงต้องการชี้แจงอะไรหรือไม่ แต่ นางสาวชนิสรา ไม่ตอบคำถามสื่อมวลชนและถูกนำตัวไปลงบันทึกการจับกุม


ด้านพันตำรวจตรี ณฐพล ดิษยธรรม ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะคดีคุ้มครองผู้บริโภคและสิ่งแวดล้อม ในฐานะหัวหน้าชุดพนักงานทำคดีหมูเถื่อน เปิดเผยว่า นางสาวชนิสรา เป็นผู้ต้องหาอยู่ลำดับที่ 3 ของคดีหมูเถื่อน ที่ดีเอสไอออกหมายจับทั้งหมด 5 คน ซึ่งดีเอสไอได้จับกุมไปแล้วเมื่อวานนี้ 1 คนและมามอบตัว 1 คน เมื่อวานนี้


ส่วนในวันนี้มีขอเข้ามอบตัวช่วงเช้า 1 คนและจะมาช่วงบ่ายอีก 2 คน ซึ่งจะถือว่าครบทั้ง 5 หมายจับแล้ว โดยการสอบปากคำผู้ต้องหาทั้งหมดจะต้องชี้แจงข้อเท็จจริงถึงที่มาของตู้คอนเทนเนอร์และเนื้อสัตว์ที่อยู่ในตู้ห้องแช่แข็งให้ได้


โดยผลการสอบปากคำนายประกรและนายพลภัทร ที่จับกุมและมอบตัวเมื่อวานนี้ ผู้ต้องหาทั้ง 2 คน ให้การปฏิเสธ แต่มีการให้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์แก่เจ้าหน้าที่ ทั้งเรื่องการประกอบธุรกิจกลุ่มฟรีโซน รวมถึงขั้นตอนการนำเข้าเนื้อสัตว์


ขณะที่หลังจากสอบปากคำ ดีเอสไอได้ปล่อยตัวชั่วคราว นายประกรและนายนายพลภัทร วงเงินคนละ 200,000 บาท อีกทั้งพนักงานสอบสวนยังให้ผู้ต้องหาชี้แจงข้อสงสัยจำนวน 20 คำถามถึงการดำเนินธุรกิจที่พบว่ามีการกระทำความผิด


พันตำรวจตรี ณฐพล ได้ขยายผลถึงพฤติการณ์ของนายประกร ทำธุรกิจเกี่ยวกับกับในพื้นที่ฟรีโซนอยู่แล้วและนายพลภัทร ได้ขอเข้าร่วมธุรกิจด้วยโดยนำเนื้อสัตว์ในกลุ่มบริษัทของนายพลภัทร มาไว้ที่ฟรีโซนของนายประกร จากนั้นก็มีการขออนุมัติจากกรมศุลกากรเพื่อประกอบธุรกิจ


นอกจากนี้พนักงานสอบสวนยังพบเอกสารการจ่ายส่วยแบบรายเดือนและรายครั้ง กับเจ้าหน้าที่รัฐหลายหน่วยงาน ทั้ง กรมศุลกากร กรมปศุสัตว์ ตามแนวชายแดน ทหาร ตำรวจ ผู้สื่อข่าว และ หน่วยงานอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องจากหลักฐานที่พบ ซึ่งเป็นเส้นเงินจำนวน 2-5 หมื่นบาท จ่ายให้เจ้าหน้าที่เป็นรายเดือนและรายตู้ โดยผู้ต้องหาไม่ได้ชี้แจงว่ามีการจ่ายส่วยต่อครั้งละเท่าไหร่ โดยในสัปดาห์หน้าจะเชิญบุคคลที่มีรายชื่อที่พบในส่วนมาสอบปากคำและชี้แจงไม่ต่ำกว่า 20 คน


ขณะที่ ภายในสัปดาห์นี้จะมีการเชิญเจ้าหน้าที่กรมศุลกากร มาประชุมเพื่อหาข้อมูลการดำเนินธุรกิจในกลุ่มฟรีโซนว่ามีขั้นตอนอย่างไร เพื่อนำไปประกอบสำนวนคดี ส่วนผู้ต้องหาสองคนที่ปล่อยตัวชั่วคราวนั้นจะมีการเรียกเข้ามาให้ปากคำอีกครั้งวันที่ 28 มีนาคม แต่ทุกปัญหาจะต้องส่งเอกสารชี้แจงก่อนวันสอบปากคำ


สำหรับ ผู้ต้องหาทั้ง 5 และนิติบุคคลอีก 4 บริษัทที่ถูกออกหมายจับในครั้งนี้ ถือเป็นกลุ่ม 2 ของการกวาดล้างคดีหมูเถื่อน ซึ่งยังมีข้อมูลขยายผลไปถึงกลุ่มที่สามที่ยังไม่เคยถูกดำเนินคดีมาก่อน โดยตอนนี้อยู่ระหว่างรวบรวมข้อมูลและพยานหลักฐาน