อาชญากรรม

เสี่ยร้านรถมือสอง โวย ถูกตร.หลอกยึดรถ 28 คัน แถมรีดเงินค่าไถ่ร่วมแสน

โดย attayuth_b

30 มิ.ย. 2566

847 views

วันนี้ (30 มิ.ย.) เมื่อเวลา 10.00 น. นายอรุณ ขุนอักษร อายุ 44 ปี ที่อยู่เลขที่ 66/1 ซอยบุญแก้วอุทิศ ต.หาดใหญ่ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา อาชีพนักธุรกิจซื้อขายรถยนต์มือสอง ได้เดินทางเข้าพบทนายความและผู้สื่อข่าวที่สำนักงานเลิศชัยทนายความ ต.คลองด่าน อ.บางบ่อ จ.สมุทรปราการ พร้อมนำคลิปวีดีโอ หลักฐานต่าง ๆ หลังถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.หาดใหญ่ จ.สงขลา เข้าตรวจค้น พร้อมยึดอายัติ รถยนต์จำนวน 28 ค้น โดยไม่เกี่ยวข้องกับข้อกล่าวหาที่แจ้งต่อผู้เสียหาย นำรถยนต์ไปจอดทิ้งตากแดด ตากลม นาน 8 เดือน สร้างความเสียหาย หญ้าขึ้นรกปกคลุม และยังใช้กลอุบายหลอกลวง รีดเงินค่าไถ่รถยนต์อีกร่วม 1 แสนบาท สุดท้ายพลิกลิ้นไม่ยอมคืน ผู้เสียหายต้องร้องเรียนไปหลายหน่วยงาน รวมถึงผู้ตรวจการแผ่นดิน กระทั่งได้รถฯคืนมา 27 คัน ยังค้างอยู่อีก 1 คัน เหตุการณ์นี้ ทำให้ได้รับความเดือดร้อนอย่างหนัก เสียชื่อเสียง หมดอาชีพ ต้องหาเงินซ่อมรถฯที่เสียหายจากการกระทำของเจ้าหน้าที่ตำรวจฯ

นายอรุณ ขุนอักษร (ผู้เสียหาย) กล่าวว่า เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเมื่อปีที่ผ่านมา ในวันที่ 9 เม.ย. 2565 มีเจ้าหน้าที่ตำรวจนอกเครื่องแบบประมาณ 30 นาย ของตำรวจภูธรภาค 9 เข้ามาที่บ้าน ซึ่งทำเป็นที่รับฝากจอดรถยนต์และโกดังเก็บรถยนต์ แสดงหมายค้นโชว์ให้น้องสาวภรรยาของตนได้ดูเพียงไม่กี่วินาทีแล้วแย่งคืนกลับ ตนทราบเรื่องจึงรีบเข้าไป ตำรวจฯแจ้งว่ามาขอตรวจค้นรถยนต์ เนื่องจากอาจมีการทำผิดกฎหมายตน ได้ยืนยันว่ารถยนต์ทั้งหมดถูกต้องตามกฎหมายทุกคันและมีเอกสารครบ ตำรวจฯจึงขอกุญแจรถทั้งหมดเพื่อตรวจสอบ แล้วบอกให้ตนพาไปดูเอกสารประกอบรถยนต์ จากนั้นได้ยึดโทรศัพท์มือถือของตนบังคับให้บอกรหัส ขณะที่พาตำรวจไปดูเอกสาร ปรากฏว่าตำรวจอีกชุด ได้รวบเอากุญแจรถทั้งหมดไปโดยไม่มีการตรวจสอบรถเลยสักคัน แล้วพากันขับรถออกไป อ้างว่าเป็นของกลางทั้ง ๆ ที่รถยนต์ทั้งหมด ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับข้อกล่าวหาที่แจ้งไว้ ส่วนเรื่องเอกสาร เมื่อตรวจสอบแล้วพบว่าถูกต้องทุกคัน จึงแจ้งข้อกล่าวหากับตน คือ ประกอบสินเชื่อส่วนบุคคลโดยไม่ได้รับอนุญาต โดยมีโทษปรับไม่เกิน 2,000 บาท

จากนั้นหลอกภรรยาของตนให้ไปรอที่ สภ.หาดใหญ่ จะพาตนออกไปก่อน เพื่อไปทำบันทึกการจับกุม หลังจากขับรถออกจากบ้านมาแล้ว สั่งให้ตนขับไปยังบ้านพ่อตาและบังคังให้ตนเข้าไปในบ้านหลังหนึ่ง อยู่เยื้องกับโกดังเก็บรถของบ้านพ่อตา ขังไว้ตั้งแต่เที่ยงวันถึงหกโมงเย็น พูดจาข่มขู่สารพัด บังคับให้เซ็นเอกสารต่าง ๆ เพื่อรับสารภาพ จะได้ปล่อยตัวกลับบ้าน ตนพยายามร้องขอความเห็นใจ บอกว่าป่วยเป็นโควิด-19 อยู่ ทำไมถึงทำกับตนอย่างนี้ แต่ตำรวจไม่สนใจ จากนั้นช่วงเย็นจึงพาตนไปที่ สภ.หาดใหญ่ ให้นั่งรออยู่ศาลาหน้าโรงพักตั้งแต่ 19.00 น.- 22.30 น. จึงพาไปส่งให้กับพนักงานสอบสวน ได้แจ้งข้อกล่าวหารวมทั้งหมด 3 ข้อ คือ 1.ให้ผู้อื่นกู้ยืมเงินเรียกรับดอกเบี้ยเกินกว่าอัตราที่กฎหมายกำหนด 2.ประกอบกิจการโรงรับจำนำโดยไม่ได้รับอนุญาต 3.ประกอบสินเชื่อส่วนบุคคลโดยไม่ได้รับอนุญาต โดยมีโทษปรับไม่เกิน 2,000 บาท แต่ไม่ได้แจ้งสิทธิตามกฎหมาย เมื่อตนขอประกันตัว ตำรวจยังหว่านล้อมให้เช่าหลักทรัพย์ประกันตัว เสียเงินฟรีไปอีก 16,000 บาท ทั้ง ๆ ที่ยึดรถไว้ 28 คัน และตนมีเงินสด แต่อ้างว่าจะทำให้เรื่องยุ่งยาก เดี๋ยวจะประกันตัวไม่ได้ ตนจึงต้องยอมจ่าย หลังทำเรื่องเสร็จ ตนพยายามขอเอกสารบันทึกการจับกุมและตรวจยึด แต่ตำรวจไม่ยอมให้คัดสำเนา เมื่อผ่านไป 2 วัน ตนได้เพียงบันทึกการจับกุมและบันทึกการตรวจยึด แต่ไม่ได้บัญชีสิ่งของที่ได้จากการตรวจค้น มารู้ทีหลังว่าที่ตำรวจไม่ยอมให้คัดสำเนาดังกล่าว

เนื่องจากจะเป็นหลักฐานยืนยันว่ารถทั้งหมดที่ตำรวจยึดไปไม่ใช่ของกลาง ตนพยายามขอรถคืนอยู่หลายครั้ง กระทั่งตำรวจยื่นเงื่อนไขให้ตนจ่ายเงิน 30,000 บาท เป็นค่าใช้จ่ายในการคืนรถยนต์เก๋งยี่ห้อโตโยต้า รุ่น คัมรี่ ออกไป ตนได้ฟังแล้วเกิดคำถามว่าทำไมต้องจ่ายเงินทั้งที่เป็นรถยนต์ของตัวเอง และใช้เงินสดซื้อมาจากงานประมูลของ ปปส.ภาค 8 ตนได้คำแนะนำจากทนายความในพื้นที่ บอกให้ยอมจ่ายเพื่อรถฯที่เหลือก็จะสามารถนำออกไปได้ เนื่องจากมีเอกสารลักษณะคล้ายกัน หลังจากจ่ายเงินไป ได้รถยนต์กลับมาคันเดียวที่เหลือตำรวจ พลิกลิ้นอ้างฝ่ายจับกุมโต้แย้งไม่ยอม แต่ พ.ต.ท.กีรติ ตรีวัย รอง ผกก.(สอบสวน) สภ.หาดใหญ่ (หัวหน้า) กับ พ.ต.ท.นิมมาน นิกูโน สารวัตร สอบสวน สภ.หาดใหญ่ ยื่นข้อเสนอใหม่ให้อีกเป็นออบเชินที่ 2 คือ จ่ายเงินเพิ่มอีก 60,000 บาท อ้าง เป็นค่าดำเนินการ ทำสำนวนส่งเรื่องให้อัยการสั่งคืนรถ คราวนี้ชุดจับกุมไม่กล้าคัดค้านแน่นอน ตนจึงยอมจ่ายให้อีก

หลังจากนั้น ผกก.สภ.หาดใหญ่ ได้เรียกตนเข้าไปพบแล้วแจ้งว่า รถทั้งหมดที่ยึดมาไม่ใช่ของกลาง ต้องการให้ตนนำกลับคืนไป เพราะจอดไว้นานทำให้เป็นภาระของโรงพัก ตน รู้ทันทีว่าถูกตำรวจ 2 คน ที่เป็นหัวหน้ากับพนักงานสอบสวน หลอกเอาเงินแล้ว จากนั้นตนจึงเดินเรื่องฟ้องร้องไปทุกหน่วยงานให้เข้าช่วยตรวจสอบ แต่ก็ไม่สามารถทำอะไรได้ ท้ายสุด ไปร้องต่อผู้ตรวจการแผ่นดิน หลังรับเรื่องตรวจสอบและประสานกับอัยการจังหวัดสงขลา จึงมีคำสั่งให้ สภ.หาดใหญ่ คืนรถยนต์ทั้งหมดให้กับผู้ร้อง โดยใช้เวลาประมาณ 1 สัปดาห์เท่านั้น

เหตุการณ์ครั้งนี้ ตน ได้รับความเสียหาย คือ

1. เสียชื่อเสียงในวงการธุรกิจรถยนต์มือสอง ต้องรอให้คดีจบก่อน ถึงจะประกอบอาชีพนี้ต่อได้

2. ต้องหาเงินซ่อมรถที่เสียหาย จากการถูกตำรวจยึด จอดไว้กล้างแจ้งนาน 8 เดือน และ เหลือรถอีก 1 คันตำรวจยังไม่คืนให้

3. ไม่กล้าอยู่บ้านตัวเอง เพราะใกล้กับโรงพัก หวาดระแวงกลัวอิทธิพล ตอนนี้แม่ป่วยต้องไป ๆ มา ๆ

4.เป็นภาระทางคดี ที่ยังยืดเยื้อมาถึงปัจจุบันรวมเป็นเวลานานถึง 1ปี 2 เดือน และยังไม่สิ้นสุด

จึงอยากร้องผ่านสื่อฯไปถึงตำรวจชั้นผู้ใหญ่หรือ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. ช่วยตรวจสอบข้อเท็จจริง ตามผลพิจารณาของคณะกรรมการ ป.ป.ช พร้อมแนบคำถาม คือ

1.การยึดรถที่ไม่ใช่ของกลางนำไปตรวจและใช้เวลานานถึง 8 เดือน ทำถูกต้องแล้วหรือ

2.หลังเกิดเรื่อง ตนได้ร้องเรียนการทำหน้าที่ของตำรวจ 3 นาย ต่อจเรและสำนักงานตำรวจแห่งชาติ คือ คนที่หนึ่ง พ.ต.ท.วันกิตติ ทินนิมิตร รองผู้กำกับสืบสวนภาค 9 คนที่สอง พ.ต.ท.กีรติ ตรีวัย รองผู้กำกับหัวหน้าพนักงานสอบสวน คนที่สาม พ.ต.ท.นิมมาน นิกูโน พนักงานสอบสวน กลับแต่งตั้งให้ตำรวจฯที่ถูกตนร้องเรียนมาเป็นคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงเรื่องนี้ ทำให้ตนไม่ได้รับความเป็นธรรม ในเรื่องของคดี และการฟ้องร้องในชั้นศาล

ด้าน ทนายอรอุมา สามัญทอง หลังรับเรื่องจากนายอรุณแล้ว ได้กล่าวว่า ขอฝากข้อกฎหมายให้กับประชาชนเป็นความรู้ หากเกิดกรณีเช่นนายอรุณ ดังนี้

1.เมื่อมีเจ้าหน้าที่ตำรวจ ขอตรวจค้นทรัพย์สินในบ้านของเรา ให้แจ้งทันทีว่าทรัพย์สินของเราไม่มีการกระทำความผิด และเราต้องการให้มีทนายความอยู่ด้วยในขณะตำรวจฯ ตรวจสอบ เพราะหากเกิดความเสียหาย จะต้องมีการฟ้องร้องเรื่องการชดใช้ต่อไป

2.เรื่องตำรวจ นำตัวผู้เสียหายไปกักขังในสถานที่อื่น ซึ่งไม่ใช่สถานีตำรวจ แล้วทำการข่มขู่บังคับให้เซ็นเอกสารยอมรับผิด ตามหลักกฎหมายแล้วไม่สามารถทำได้ เนื่องจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ เมื่อจับกุมตัวผู้กระทำความผิดหรือผู้ต้องสงสัย มีหน้าที่ต้องรีบนำส่งไปยังสถานีตำรวจ โดยพลัน หากนำไปที่อื่น กักขัง บังคับข่มขู่ ทำให้กลัว แล้วได้มาซึ่งเอกสารต่าง ๆ เมื่อส่งไปในชั้นศาล ศาลท่านอาจจะวินิจฉัยให้เอกสารเหล่านั้น เป็นสิ่งที่ได้มาโดยมิชอบด้วยกฎหมาย ดังนั้น ทีมทนายความจะขอรวบรวมพยานหลักฐานต่าง ๆ จากคุณอรุณ เพื่อนำมาตรวจสอบ สำหรับใช้ในการดำเนินการด้านกฎหมาย ต่อไป

แท็กที่เกี่ยวข้อง  รถมือสอง ,หลอกยึดรถ ,ค่าไถ่

คุณอาจสนใจ

Related News