ร่างทรงยอมรับตีเด็ก อ้างเด็กดื้อพูดไม่ฟัง โวยแม่เอาแต่เล่นมือถือ ไม่สนใจลูก

เปิดใจร่างทรงยอมรับตีเด็กจริง เพราะเด็กดื้อเตือนไม่ฟัง ส่วนเงินเดือนแม่เด็กที่ยึดเพราะหักหนี้ที่จ่ายและค่ากินค่าอยู่ ด้านนายอำเภอพานทอง ลงพื้นที่เตรียมช่วยเหลือแม่และเด็กเพื่อให้ได้เข้ารับการศึกษาต่อไป

นายปรัตรวีร์ วิจบ นายอำเภอพานทอง พร้อวด้วยปลัดอำเภอพานทอง จังหวัดชลบุรี และผู้ใหญ่บ้านลงพื้นที่ช่วยเหลือเด็กและแม่เด็ก ที่่ถูกร่างทรงทำร้ายจนได้รับบาดเจ็บ

โดยนายปรัตรวีร์ นายอำเภอพานทอง ได้เปิดเผยว่า ให้ความสำคัญกับตัวเด็กก่อน เพราะเด็กถูกทำร้าย อีกทั้งเด็กยังไม่ได้รับการศึกษา และขณะนี้เด็กยังอยู่ในอาการหวาดกลัว ต้องเยียวยาทางด้านจิตใจ ส่วนเรื่องการศึกษา ทางอำเภอจะประสานโรงเรียนในพื้นที่ ให้เด็กได้เรียนหนังสือ แม่และน้องมาจากต่างถิ่น โดยทางอำเภอพานทอง ได้จัดหาสิ่งของอุปโภคบริโภคมาให้ก่อน จะประสานทาง พม. และติดตามคดีไปยังพื้นที่เกิดเหตุหลังจากนั้นจะรายงานไปยังผู้ว่าราชการจังหวัดให้ได้รับทราบเรื่องราว

ต่อมาผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปยัง บ้านที่เกิดเหตุพบเป็นบ้านเอื้ออาทร ต.บ้านบึง อ.บ้านบึง จ.ชลบุรี ได้พบกับนางสาวศศิวิมล อุ่นใจ เจ้าของบ้านได้เล่าว่า ตนยอมรับว่าตีเด็กจริง เพราะเด็กดื้อบอกอะไรก็ไม่ฟัง ใช้ให้ไปเก็บรองเท้าตั้งแต่ 5 โมงเย็นจนถึง 3 ทุ่มก็ไม่ยอมไปเก็บ ตนจึงโมโหให้เด็กนอนกับพื้นแล้วเตะ จากนั้นเด็กได้ค่อยๆ คลานไปจนหัวไปกระแทกกับบันไดจนหัวแตก

ส่วนเรื่องเงินที่แม่เด็กว่าตนหักจนหมดนั้นก็คือเรื่องจริง เพราะที่ตนหักเป็นเงินที่ตนใช้หนี้ให้ก่อน แล้วตนมาหักเอาทีหลัง ทั้งค่าอยู่และค่ากินตนก็เป็นคนออกทั้งหมด ก่อนหน้านี้ก็ขังลูกไว้ในบ้านแล้วล็อกประตู ส่วนตัวเองออกไปหาของกินจนไฟไหม้บ้านมาแล้ว แต่โชคดีที่เพื่อนบ้านเห็นแล้วแจ้งดับเพลิงมาดับทัน แต่ไฟก็ไหม้ของเสียหายหมด รวมทั้งรถยนต์1คัน ตนก็ไม่ได้เอาความอะไร

ส่วนที่เด็กไม่ไปโรงเรียนนั้น ตนก็ไม่ได้ห้าม มีแต่แม่เด็กที่ไม่ยอมกระตือรือร้นหาทางให้ลูกได้เรียน ตนก็บอกแค่ว่าถ้าจะให้ลูกเรียนต้องหารถไว้รับส่ง เพราะรถตนก็เอาไว้ใช้งานเหมือนกัน ส่วนตัวเด็กตนก็ตีเพราะอยากสั่งสอนให้จำ ตนก็สอนหนังสือให้ที่บ้าน จนรักและหวังดี ตอนมาอยู่แรกๆ ตนซื้อบ้าน 2 หลัง แล้วทำเป็นแฝดเพื่อให้อยู่ด้วยกันคนละหลัง แต่แม่เด็กไม่เอาอะไรเลย ไม่สนใจลูก มีแต่เล่นโทรศัพท์และก็ออกไปข้างนอกมีแต่ตนที่อยู่กับเด็กตลอด 24 ชม.

ส่วนการเข้าทรงนั้นตนยอมรับเมื่อก่อนตนเคยทรงจริง แต่มาระยะหลังไม่ได้ทรงแล้ว แต่มีบางครั้งที่ปู่มาประทับร่างแค่นั้น ตนก็ขอให้การเพื่อเป็นประโยชน์กับทางตำรวจ เรื่องทำร้ายร่างกายนั้นตนก็ยอมรับว่าทำจริง เพราะความโมโหและความเครียดสะสมมานานหลังจากที่เกิดไฟไหม้บ้านและรถ