ของขึ้น! เจ้าของโต๊ะสนุ๊กถึงกับหัวร้อน ถูกโจรขโมยตู้เย็น เอาไปขายร้านมือสอง

วานนี้ (26 เม.ย.67) ผู้สื่อข่าวได้รับข้อมูลจากนายธีรธัชช์ เคนอรัญ อายุ 44 ปีว่าตนสามารถคุมผู้ต้องสงสัยทราบชื่อคือน.ส.ศิริลักษณ์ จักรกฤษณ์ อายุ 42 ปี ไว้ได้หลังตรวจสอบพบว่าแอบมาขโมยตู้เย็นไปขายร้านรับชื้อของมือสองภายในซอยก่อไผ่ พัทยาใต้ ต.หนองปรือ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี ก่อนจะให้ผู้สงสัยพาไปชี้จุดที่พากันไปขาย


ต่อมาได้ไปตรวจสอบที่ร้านของเก่าชื่อวีรญา ชื้อขายสินค้ามือสองตั้งกลางซอยก่อไผ่โดยพบว่าทางร้านได้รับชื้อตู้เย็นจากผู้ต้องสงสัยไปจริงในราคา 1,300 บาททำให้เจ้าของตู้เย็นถึงกับลมออกหูหลังเจอของตัวเองถูกนำมาขายก่อนโทรแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจให้มาจรวจสอบยังที่เกิดเหตุพร้อมพาตัวผู้สงสัยไปส่งพนักงานสอบเพื่อสอบถามสาเหตุในครั้งนี้


ด้านนายธีรธัชช์ เคนอรัญ อายุ 44 ปีเล่าด้วยว่าตู้เย็นของตนนั้นได้ตั้งอยู่ที่โต๊ะสนุ๊กที่ตนเป็นเจ้าของในบงกชแต่ตอนหลังได้ปิดกิจการไปแล้ววันนี้ตนจึงเข้าไปที่โต๊ะสนุ๊กเพื่อตรวจสอบทรัพย์สินของตนเองเมื่อไปถึงพบว่าตู้เย็นนั้นหายไปก่อนสอบถามเพื่อนบ้านใกล้เคียงพร้อมหากล้องวงจรเมื่อดูกล้องพบว่าเห็นตัวผู้สงสัยที่สามารถคุมตัวไว้ได้ก่อนหน้านี้แล้วนั้นทราบว่าได้เข้ามาที่โต๊ะสนุ๊กของตนจริงก่อนจะขยับตู้เย็นของตนออกจากตำแหน่งที่ติดตั้งไว้ตั้งแต่แรกโดยให้เพื่อนของผู้ต้องสงสัยมาขนไปขายที่ร้านมือสองดังกล่าว


ซึ่งตนพบว่าถูกขโมยตู้เย็นไปตั้งแต่วันที่ 23 เมษายนที่ผ่านจนวันนี้ตนตามหาทรัพย์สินของตนได้จนเจอจึงได้เข้าแจ้งความที่สภ.เมืองพัทยาเพื่อหวังให้เจ้าหน้าที่ตำรวจช่วยเหลือนอกจากนี้ตนได้พูดคุยกับทางร้านมือสองแล้วทางร้านยินดีคืนทรัพย์สินให้โดยไม่คิดถึงเงินที่รับจำนำมาแต่ทางผู้เสียหายนั้นไม่ยินยอมเพราะแค่ต้องให้คนที่ทำผิดมารับบทลงโทษตามกฎหมายและยืนยันด้วยว่าหลังจากนี้ดำเนินการผู้ที่มีรู้เห็นกับเหตุการณ์ในครั้งนี้ทั้งหมดอย่างจริงจัง


เบื้องต้นทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้คุมตัวผู้ต้องสงสัยมาสอบสวนเพิ่มที่ สภ.เมืองพัทยา เพื่อบันทึกสอบปากคำไว้ก่อนปล่อยตัวไปอย่างไรก็จะคุมตัวมาสอบสวนเพิ่มเพราะทางผู้ต้องสงสัยให้ การปฏิเสธว่าตนไม่ได้เป็นคนขโมยแต่ยอมรับว่าเข้าไปขยับตู้เย็นดังกล่าวที่โต๊ะสนุ๊กจริงอย่างไรก็ทางด้านเจ้าหน้าที่จะเร่งดำเนินการเพื่อเร่งคลายความข้องใจให้กับผู้เสียหายด้วยพร้อมทั้งจะสอบสวนให้อย่างระเอียดเพื่อดำเนินคดีผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องทั้งหมดมารับโทษตามกฎหมายต่อไป