สุดเหิม! จับแก๊งลอบตัดไม้ยางนา-ประดู่ อายุนับร้อยปี อ้างเป็นแค่ลูกจ้างขับรถ ไม่รู้จักนายทุน

สุดเหิม! จับแก๊งลอบตัดไม้ยางนา - ประดู่ 20 ต้น อายุกว่าร้อยปี ริมแม่น้ำมูลครบุรี อ้างเป็นแค่ลูกจ้างขับรถ ไม่รู้จักนายทุนเจ้าของไม้

วันที่ 25 มิถุนายน 2566 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายพัฒนพงศ์ โพธิ์ภักดี หัวหน้าหน่วยป้องกันรักษาป่าที่ นม.6 (ครบุรี) พร้อมด้วยนายสิทธากร หาญลคร ปลัดอำเภอครบุรี ร.ต.อ.ปรเมศร์ ศรเพ็ชร รองสารวัตรสอบสวน สภ.ดอนแสนสุข ประสานกำลังเจ้าหน้าที่หน่วยป้องกันรักษาป่าที่นม.6 ฝ่ายปกครองอำเภอ กำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจและผู้นำชุมชนกว่า 20 นาย เข้าทำการตรวจสอบบริเวณลำน้ำมูลช่วงรอยต่อระหว่างตำบลอรพิมพ์ และตำบลครบุรีใต้ อ.ครบุรี จ.นครราชสีมา ภายหลังรับแจ้งมีกลุ่มบุคคลเข้าไปตัดต้นยางนาขนาดใหญ่อายุนับร้อยปี จำนวนกว่า 10 ต้น


ที่เกิดเหตุเป็นลำน้ำมูล ซึ่งเป็นลำน้ำที่รองรับน้ำจากเขื่อนมูลบน และไหลต่อไปยังพื้นที่ด้านล่าง ซึ่งจะไปบรรจบกับลำน้ำมูลสายใหญ่ พื้นที่ อ.ครบุรี จ.นครราชสีมา พบว่า บริเวณริมลำน้ำ มีต้นยางนาและต้นประดู่ขนาดใหญ่ ถูกตัดโค่นไปประมาณ 20 ต้น

นอกจากนี้ยังพบไม้ที่ถูกตัดทอนเป็นท่อนขนาดใหญ่ เส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 60 - 80 ซ.ม. ยาวประมาณ 2 เมตร ถูกลำเลียงขึ้นรถบรรทุก 10 ล้อ และรถบรรทุก 18 ล้อ จำนวนรวม 18 ท่อน และยังมีไม้ท่อนที่ถูกตัดทอนกำลังถูกลำเลียงเตรียมขึ้นรถอีกกว่า 10 ท่อน ขณะเดียวกันยังพบรถยนต์กระบะอีก 3 คัน และ รถเก๋งอีก 1 คัน จอดอยู่ในบริเวณที่เกิดเหตุ พร้อมชายฉกรรจ์อีก 4 คน เจ้าหน้าที่จึงควบคุมตัวทั้งหมดมาทำการสอบถามและอายัดไม้และรถยนต์ทั้งหมดไว้ทำการตรวจสอบว่าได้ทำการตัดลำเลียงไม้ทั้งหมดอย่างถูกต้องหรือไม่ และไม้ที่ตัดอยู่ในที่ดินที่มีกรรมสิทธิ์ตามชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ อีกทั้งยังจะได้สืบหาผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งหมด ทั้งกลุ่มผู้ตัด นายทุน นายหน้า และเจ้าของที่ใกล้เคียงมาให้ปากคำ พร้อมนำเอกสารต่างๆ มาแสดงให้ทางเจ้าหน้าที่ตรวจสอบตามสิทธิต่อไปด้วย


นายพัฒนพงศ์ โพธิ์ภักดี หัวหน้าหน่วยป้องกันรักษาป่าที่ นม.6 ( ครบุรี ) เปิดเผยว่า จากการตรวจสอบในเบื้องต้นพบว่า ต้นยางนา ซึ่งอยู่ริมลำน้ำลักษณะน่าจะอยู่นอกเขตกรรมสิทธิ์ถูกตัดออกไปเป็นจำนวนมาก จึงจำเป็นต้องอายัดไม้ทั้งหมดเอาไว้ตรวจสอบว่า เป็นไม้ที่อยู่ในที่ดินที่มีเอกสารสิทธิ์จริงหรือไม่ ซึ่งหากตรวจสอบแล้วพบว่า ไม้อยู่ในที่กรรมสิทธิ์ ก็จะต้องดำเนินคดีตามกฎหมาย โดยไม้ที่ถูกตัดไปนั้นเป็นไม้ยางนาจำนวน 18 ต้น และไม้ประดู่อีก 2 ต้น รวมเป็น 20 ต้น แต่ละต้นมีอายุนับร้อยปี ซึ่งทั้งหมดที่ตรวจพบในวันนี้จะต้องอายัดไปเป็นรักษาไว้ก่อนจนกว่าจะมีการพิสูจน์ได้ว่าอยู่ในเขตที่ดินหรรมสิทธิ์หรือนอกเขต


จากการสอบถามหนึ่งในชายฉกรรจ์ที่อยู่ในที่เกิดเหตุชาวจังหวัดนครราชสีมา รับว่า ตนเองเป็นเพียงลูกจ้างขับรถให้กับนายจ้างคนหนึ่ง ซึ่งรับงานมาจากเจ้าของไม้อีกทอด เพื่อจะนำไม้ไปส่งที่จังหวัดกาฬสินธุ์ โดยจะได้รับค่าจ้างเที่ยวละ 13,000 บาท ซึ่งนายจ้างก็บอกว่าไม้ทั้งหมดเป็นไม้ที่ถูกต้องตามกฎหมาย โดยตัวเองติดต่อผ่านทางนายจ้างอย่างเดียว ไม่รู้จักเจ้าของไม้ ส่วนนายจ้างก็รับงานผ่านทางไลน์มาอีกทอด และตอนนี้ยังไม่สามารถติดต่อกับเจ้าของไม้ได้