เลือกตั้งและการเมือง

'นิกม์' ยอมรับล็อกอินเข้าประชุมหุ้นไอทีวี ถกเดือด ‘วิโรจน์’ ยันมีจุดยืน ไม่มีใครสั่งให้ทำ

โดย nattachat_c

13 มิ.ย. 2566

454 views

เมื่อวานนี้ (12 มิ.ย. 66) รายการ 'กรรมกรข่าวคุยนอกจอ' นายสรยุทธ สุทัศนะจินดา สัมภาษณ์ นายนิกม์ แสงศิรินาวิน ผู้สมัคร ส.ส. พรรคภูมิใจไทย ยอมรับว่าใช้โทรศัพท์มือถือตัวเองล็อกอินเข้าประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2566 แทน นายภาณุวัฒน์ ขวัญยืน ผู้ถือหุ้นพร้อมนั่งฟังการประชุมด้วยกัน มีคนฟังอยู่จำนวนมาก และ บริษัทใหญ่โตขนาดนี้ต้องมีการบันทึกไว้ 100% อยู่แล้ว ไปเปิดตัวนั้นชัดเจนที่สุด เปลี่ยนแปลงอะไรไม่ได้


ยืนยันว่า พิมพ์คำถามไปตามที่ตนเองได้โพสต์ ในที่ประชุมผู้ถือหุ้นไม่มีการตอบในห้องประชุมนั้น // ย้ำว่า ไม่ได้รับคำตอบทางวาระประชุม แต่มีการโทรศัพท์ถามบริษัทเพิ่มอีก เรื่องนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี พรรคก้าวไกล


ส่วนเรื่องบันทึกการประชุม นายนิกม์ ระบุว่า คำถามที่นายภานุวัตน์ถาม ว่ามีการดำเนินการเกี่ยวกับสื่อหรือไม่ ก็ได้พิมพ์เข้าไปถามจริง ซึ่งคำตอบที่ได้มา คือ "บริษัทดำเนินการตามวัตถุประสงค์ของบริษัท ซึ่งตนยืนยันว่ามีประโยคนี้" / เชื่อว่าไอทีวีมีหลักฐานฉบับเต็ม


ขณะที่ "สรยุทธ" ถามคลิปที่สามมิติได้มาคนละแบบ


นิกม์ บอกว่า คลิปนั้นจากหน้าจอก็คนละแบบ ตนนั่งล็อกอินด้วยมือถือ / เมื่อ สรยุทธ ถามว่า ยืนยันว่าตัวบันทึกนี่ถูกต้องหรือไม่? / เจ้าตัวนิ่งไปสักพัก แล้วบอกว่า "ตัวบันทึกไม่เห็นฉบับเต็ม ยังไม่เคยเห็นฉบับจริง ก็เห็นในทีวีก็ไม่รู้มาจากที่ไหนอย่างไร ก็ควรไปคัดตัวจริงจากบริษัทมาอ่านดีกว่า น่าจะยืนยันได้ดีที่สุด"


"สรยุทธ" ถามต่อ คุณนั่งฟังอยู่ ข้อเท็จจริงคนละอย่าง "ตกลงยืนยันว่าที่ประธานตอบว่า ปัจจุบันบริษัทดำเนินการอยู่คุณได้ยิน" คุณอย่างนั้นไหม นิกม์ ตอบว่า ได้ยินครับ


เมื่อถามต่อว่า คลิปที่สามมิติออกมา "ตอนนี้บริษัทยังไม่มีการดำเนินการใดรอผลคดีความให้สิ้นสุด"


"นิกม์" ตอบว่า คลิปที่หน้าตาแบบนั้นก็คนละหน้าจอกับผมแล้วหล่ะครับ เวลาที่ผมอัดก็ชัดเจนเป็นเวลาเดียวกันที่เขาประชุม


จากนั้นเป็นช่วงเวลาที่แขกรับเชิญคือ นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร ว่าที่ ส.ส.พรรคก้าวไกล มาร่วมรายการ จึงเปิดโอกาสให้ทั้งคู่ทักทายกัน


นายนิกม์ กล่าวกับนายวิโรจน์ ตอนหนึ่งว่า "ถ้าพลาดถือต้องยืดอกรับ แต่ถ้าจงใจถือ ก็พูดไม่ออกจริงๆ"


ทำให้นายวิโรจน์ตอบกลับว่า "นิกม์ ระวังนะ เตือนแค่นี้แหล่ะนะ สิ่งที่นิกม์พูดได้บันทึกไว้หมดแล้ว เป็นห่วงนะครับ ดูแลชีวิตดีๆ เป็นห่วงจริงๆ มันจะพันลึกเข้าไปใหญ่"


นายนิกม์กล่าวต่อว่า "เหรียญมีสองด้านนะครับ"


นายวิโรจน์ถามต่อว่า "นิกม์ทำเอง หรือมีคนสั่งให้ทำ เพราะถ้ามีคนสั่งให้ทำ ตนเป็นห่วงความปลอดภัยของนิกม์จริงๆ ด้วยความห่วงใยจริงๆ เพราะว่าถึงเวลา เขาทิ้งนิกม์แน่นะ ผมบอกจริงๆ ตนเป็นห่วงเขา มันมีโทษจำคุก"


นายนิกม์ตอบว่า ไม่หรอกครับ ตนยึดหลักข้อเท็จจริง ถูกว่าตามถูก ผิดว่าตามผิด ตนมีจุดยืนของตน มีอุดมการณ์ของตน ประชาชนควรจะรู้ข้อเท็จจริง ถ้าคุณกล้าถือหุ้นสื่อแล้วมันกระทบกับไอทีวีขนาดนี้ คุณทำร้ายสื่อนะ


ส่วนมีคนบอกให้ทำหรือไม่ นายนิกม์ ย้ำว่า ไม่มีครับ ผมใส่เสื้อพรรคภูมิใจไทย ไม่ควรทำพฤติกรรมแบบนี้ด้วยซ้ำ แต่ที่ผมทำคือผมทนไม่ได้


นายสรยุทธถามว่า ที่โพสต์เฟซบุ๊ก วันที่ 24 เมษายน ระบุข้อความว่า นักการเมืองที่กำลังถือหุ้นไอทีวี เตรียมประชุมสามัญผู้ถือหุ้มประจำปี และมอบตัวกับ กกต.ด้วยนะครับ แล้วหลังจากนั้นมีกระบวนการร้องเรียนนายพิธาจริงๆ ทำไปเพื่ออะไร


นายนิกม์ บอกว่า ตนทราบข้อมูลที่นายพิธาถือหุ้น ตั้งแต่วันที่ 8 เมษายน มีการส่งไลน์เรื่องนี้เต็มไปหมด ไม่ใช่แค่ตนที่รู้เรื่องคนเดียว


ส่วนการโพสต์ข้อความนี้ต้องการจะสื่ออะไร ถ้าไม่ใช่เป็นการเล่นงานนายพิธา นายนิกม์กล่าวว่า ก็เหมือนเป็นการเตือน และไม่มีใครจ้างวาน ตนทำเอง / พร้อมรับว่ามีความคิดวางแผนจะร้องเรียนเองด้วย โดยปรึกษาทนายคนหนึ่ง ว่าถ้าว่าจ้างไปร้อง กกต. เสียเงินเท่าไหร่ แต่ไม่ไม่ได้ร้อง


นายวิโรจน์ได้บอกว่า นายนิกม์โชคดีที่ไม่ไปร้องเรียนเอง เพราะถ้าร้องโทษหนักนะ อาจจะผิดกฎหมายเลือกตั้งหลายข้อ อาทิ ม.134 พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. จะมีโทษหนักด้วย มีโทษจำคุกนะ ถ้ามีคนบงการนิกม์ และถ้านิกม์ ปากโป้ง ก็รู้อยู่แล้วว่าจะโดนอะไร รวมถึงถ้ามีพรรคการเมืองที่อยู่เบื้องหลัง ถึงขั้นบ่อนทำลายราชอาณาจักรเลย นายนิกม์บอกว่าข้อเท็จจริงที่พูดมีเท่านี้


นายวิโรจน์ ฝากบอกอีกว่า ถ้ามีคนเขาใช้นายนิกม์จริง ถึงเวลาที่นายนิกม์โดนแม้แต่เงินที่เลี้ยงโอเลี้ยง ข้าวผัด ชาเย็น ผัดไทย เขายังไม่เอาไปให้เลยนะ


นายนิกม์โต้กลับว่า "ผมเป็นคนที่มีอุดมการณ์พอ คนอย่างผมไม่มีใครใช้ได้ ถ้ากลับกัน ถ้าเกิดอะไรขึ้นกับพวกพี่ จะเรียกใช้รถพยาบาลผมไปเรือนจำเมื่อไหร่ก็ได้นะครับ ตนไปรับน้องออกมาจากคุกบ่อย"


นายวิโรจน์ บอกว่า "เก็บไว้ดูแลตัวเองเถอะ"


ส่วนคุณภาณุวัฒน์ เป็นนอมินีนายนิกม์หรือไม่ นายนิกม์ตอบว่า "ทั้งหมดคือผมครับ อย่างไปยุ่งกับเขาเลย เขาคืออดีตลูกจ้างผม / ผมโอนให้นายภาณุวัฒน์แล้ว"


นายสรยุทธถามว่า การเคลื่อนไหวที่ให้นายภาณุวัฒน์ถาม หรือวางแผนที่จะไปร้อง กกต. ทุกอย่างก็คือคุณถูกไหม นายนิกม์ตอบว่า "ก็นั่งถาม นั่งพิมพ์อยู่ด้วยกัน ไม่รู้เขาเรียกว่าอะไร เอาอย่างนี้ ตัวผมก็ได้ครับ ผมรับทุกอย่าง อย่าไปอะไรเขาเลยเค้าไม่ใช่นักการเมือง"
------------
ทีมข่าวเรื่องเล่าเช้านี้ ได้ประสาน นายภาณุวัฒน์ ขวัญยืน ซึ่งเป็นผู้ที่รับซื้อหุ้นไอทีวี ต่อจากนายนิกม์ และในการประชุมก็มีการสอบถามในที่ประชุม ถึงสถานะและรายได้


โดยนายภาณุวัฒน์ กล่าวว่า การเข้ามาซื้อหุ้นเพราะสนใจวิธีเล่นหุ้น และต้องการมีรายได้เพิ่ม และสนิทสนมกับนายนิกม์ เห็นเขาเล่นหุ้น เลยอยากลงทุนเรื่องหุ้น และรับซื้อหุ้นมา และก็แนะนำสอนการเล่นหุ้น และเสนอขายหุ้นสื่อให้ ตอนนั้นเป็นหุ้นไอทีวี และ อสมท. โดยอยู่ในพอร์ต


หลังจากเป็นเจ้าของหุ้นไอทีวีแล้ว ตนก็มีการตรวจสอบ และเกิดคำถามว่า หุ้นไอทีวียังมีมูลค่าหรือไม่ หุ้นยังดำเนินการอยู่ และมีโอกาสที่จะเกิดรายได้ หรือไม่


ส่วนการประชุมผ่านระบบออนไลน์ แล้วมีคำถามประชุมในการประชุม “ถ้าถามการเมือง จะเป็นนายนิกม์ถาม เพราะจะส่งผลต่อตัวเขาเอง เพราะเขาเป็นนักการเมือง”


ยอมรับเรานั่งประชุมอยู่ด้วยกัน และปรึกษากัน ส่วนตนถามในที่ประชุมว่าไอทีวีเป็นสื่อยังดำเนินการอยู่มั้ย “เขาตอบว่ามีการดำเนินการอยู่”


ผู้สื่อข่าวถามว่า “สังคมเกิดความสงสัย หุ้นไอทีวีไม่ใช่หุ้นที่ทำกำไรหรือมีรายได้ ทำไมถึงรับซื้อมา

นายภาณุวัฒน์ ตอบว่า “บริษัทยังดำเนินกิจการ มีการปิดงบ ยืนยันว่า ไม่ได้เป็นนอมินีให้ใคร การซื้อหุ้นนี้ แบบพี่น้องจากใจจริง ไม่ได้เตี้ยมกันแน่นอน”


ส่วนตัวตอนนี้ รู้สึกกังวลเรื่องความปลอดภัย ไม่มีเจตนาจะไปให้ร้าย หรือขัดขวางใคร อย่างเช่น กรณีเอกสารที่สื่อนำไปใช้ ก็ไม่เซ็นเซอร์ชื่อตน และขอให้สังคมอย่าเอาหลายประเด็นมารวมกัน จับแพะชนแกะ จนเกิดความเข้าใจผิด


และคนที่ร้องนายพิธา ไม่ใช่ตน ตนเป็นคนหนึ่งที่ถือหุ้นไอทีวี และมีสิทธิ์จะถามในที่ประชุม ส่วนเรื่องผิดหรือถูก กกต. และศาลจะเป็นผู้พิจารณา และจากปัญหาที่เกิดขึ้น กำลังคิดว่าอาจจะคืนหุ้นนี้ให้นายนิกม์ในอนาคต

------------

วานนี้ ทีมข่าว เปิดใจ นายนิกม์ กับปมประเด็นร้อนอีกครั้ง ซึ่งนายนิกม์ ยืนยันว่าเรื่องที่เกิดขึ้นไม่ได้มีใครอยู่เบื้องหลังและไม่ใช่คนบงการนายภาณุวัฒน์ ขวัญยืน


นายนิกม์ บอกว่าหุ้นไอทีวีที่อยู่นิ่งมา 16 ปี นายพิธาถือหุ้นมาสมัครเป็น ส.ส และทำให้เกิดเรื่อง “ไม่ใช่ตนเอง และไม่มีนายทุนหรือบุคคลสำคัญคนไหนหนุนหลัง”


แต่ยอมรับว่าที่นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร พูดแทรกในรายการระหว่างที่ตนเองให้สัมภาษณ์นายสรยุทธ รู้สึกตกใจและไม่คาดคิดว่านายวิโรจน์จะนั่งอยู่ในรายการ ส่วนที่นายวิโรจน์พูดทักท้วงมาเตือนให้ระวังถือเป็นการข่มขู่ เพราะพูดไปถึงว่าไม่มีคนข้าวผัด ส่งโอเลี้ยงให้เหมือนนายวิโรจน์จะรู้ล่วงหน้าว่าตนเองจะต้องติดคุก


“และขอยืนยันอีกครั้งไม่มีใครอยู่เบื้องหลัง เพราะวันที่ข้อมูลที่ไอทีวี ปิดสมุดทะเบียนผู้ถือหุ้นข้อมูลก็เป็นสาธารณะแล้ว จึงไม่ใช่ตนเองคนเดียวที่รู้ข้อมูลนี้ ผู้ถือหุ้นอีก 10,000 คนก็ ว่าใครสามารถเข้าประชุมได้ ด้วยระบบของบริษัทอินทัช”

------------

คุณอาจสนใจ

Related News