สรุปข่าว

เรื่องเล่าหน้าหนึ่ง 19 พ.ค.66 พิธานำแถลงตั้งรัฐบาล-ศาลปล่อยตัวน้องหยก-มือตบศรีสุวรรณรํ่าไห้

โดย thichaphat_d

19 พ.ค. 2566

127 views

-ทศพล มือตบศรีสุวรรณ เข้ารับทราบ 2 ข้อหา สน.ทุ่งสองห้อง ระบุ เป็นการตบเพื่อชาติและหมั่นไส้ ก่อนร่ำไห้ยอมติดคุก โชว์บัญชีเงินฝากชี้ไม่มีเงินจ่าย หลังโดนเรียกค่าเสียหาย 1 ล้าน ก่อนระบุไม่รู้จะโดนฟ้องกี่คดี หวังประชาชนโอนเงินช่วย ด้านศรีสุวรรณ ซัดกลับอย่าตีหน้าเศร้า ชี้ตอนทำไม่คิด มั่วอ้างประชาธิปไตยแต่ทำร้ายผู้อื่น ยืนยันดำเนินการถึงที่สุดให้เป็นแบบอย่างสังคม จ่อยื่นสอบปมรับบริจาคเพิ่ม

-ศาลเยาวชนฯ มีคำสั่งปล่อยตัว น้องหยก เยาวชน ผู้ต้องหาคดี 112 หลังตำรวจสำราญราษฎรขอคุมตัวเพิ่ม ชี้การสอบสวนเสร็จสิ้นเเล้วไม่มีเหตุคุมตัวต่อหลังถูกคุมขัง 51 วันแล้ว ด้านแบม-ตะวัน พร้อมเพื่อนต่างแห่รับตัวหน้าบ้านปราณี ก่อนเปิดภาพ หยกมีผดที่ขึ้นบนหลัง ชี้ติดเชื้อจากน้ำในที่คุมขัง เร่งพาตัวไปรักษา ก่อนจี้มาตรฐานความสะอาดอยู่ที่ไหน

-โกศลวัฒน์ รองโฆษก อสส. เผยอัยการรับสำนวนคดี ส.ว.อุปกิต เเล้ว ชี้วัชรินทร์เป็นหัวหน้าชุดสอบสวน นำตัวพร้อมความเห็นสมควรฟ้อง ระบุ ส.ว.อุปกิต สมคบฟอกเงินยาเสพติดเอี่ยวอาชญากรรมข้ามชาติ ให้อัยการสูงสุดพิจารณานัดฟังคำสั่งฟ้องหรือไม่ 26 ก.ค

-จับแล้วมือปืนวัย 50 ใช้ปืนจ่อรัวยิงไม่ยั้ง 8 นัด สุดอุกอาจกลาง วังสะพุง ฆ่าลูกเพื่อนดับคารถจักรยายนต์ หลังแค้นสะสม วงจรปิดจับชัดนั่งดักรอหน้าร้านนานนับชั่วโมงก่อนลงมือ หลังเกิดเหตุขับรถจักรยายนต์เข้าป่าหวังหนีความผิด ขณะที่เจ้าตัวมีอาการโวยวายพูดไม่รู้เรื่อง แต่สารภาพแบบอารมณ์ฉุนเฉียว ชี้ยิงนัดเดียวกลัวไม่อิ่มต้องให้ทั้ง 8 นัด ขณะที่เมียมือยิง เผยทั้งคู่ไม่เคยทะเลาะกัน ก่อนรับว่าสามีป่วยจิตเวช ตอนเกิดเหตุคาดไม่กินยาจนเกิดอาการคลุ้มคลั่ง โมโหร้าย และเคยทำร้ายตนเอง

-แม่ร้องปวีณา ลูกสาว 3 ขวบหายปริศนาก่อนพบเป็นศพลอยน้ำท่อนล่างเปลือย ห่างจากบ้านไม่ถึงกิโลเมตร ขอช่วยให้ความเป็นธรรม ส่วนพ่อเชื่อลูกถูกอุ้มหลังพบพิรุธเก๋งบรอนซ์วนหน้าบ้าน ล่าสุดปวีณาบินด่วน พาพ่อแม่ไปพบ ผกก.สภ.ตันหยง ช่วยติดตามคดี ด้านตำรวจรวบ 5 ผู้ต้องสงสัย สอบเครียด คาด1ใน 5 ฆ่าโหดเด็ก 3 ขวบ เบื้องต้นพบสารเสพติดส่งดำเนินคดีระหว่างรอผลตรวจ ดี.เอ็น.เอ.ถ้าตรงจะเพิ่มข้อหาฆ่าเด็ก



เรื่องเล่าการเมือง

-การจัดตั้งรัฐบาลหลังการเลือกตั้งชัดเจนขึ้นอีกระดับ หลังจากเมื่อวาน นายพิธา พร้อมแกนนำพรรคที่จะร่วมจัดตั้งรัฐบาลอีก 7 พรรค มาร่วมแถลงข่าวประกาศความร่วมมือ

การแถลงข่าวจัดขึ้นที่โรงแรมโอกุระ เพรสทีจ โดยเวลา 10.20 น. นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล แคนดิเดตนายกฯคนที่ 30 พร้อมแกนนำอีก 7 พรรคการเมืองที่ร่วมจัดตั้งรัฐบาลทยอยเดินเข้าสู่ห้องแถลงข่าว และเริ่มด้วยการจับมือกันเพื่อให้สื่อมวลชนถ่ายภาพ

นายพิธา เริ่มแถลงด้วยการระบุว่า เป็นการแถลงเพื่อจัดตั้งรัฐบาลประชาธิปไตยของประชาชน ของ 8 พรรคการเมือง ประกอบด้วย พรรคก้าวไกล / พรรคเพื่อไทย / พรรคประชาชาติ / พรรคไทยสร้างไทย / พรรคเสรีรวมไทย / พรรคเป็นธรรม /พรรคเพื่อไทรวมพลัง / และพรรคพลังสังคมใหม่ ซึ่งผลการเลือกตั้งอย่างไม่เป็นทางการ มี ส.ส.รวมกัน 313 คน และกล่าวขอบคุณทุกเสียงของประชาชนที่เลือก ซึ่งเป็นเสียงแห่งความหวัง ความเปลี่ยนแปลง และจะทำหน้าที่ด้วยความซื่อสัตย์ต่อประชาชน และจะเป็นรัฐบาลของทุกคน ก่อนประกาศข้อตกลงร่วมกัน 3 ข้อ ในการตั้งรัฐบาล

จากนั้นได้เปิดให้สื่อมวลชนซักถาม ซึ่งคำถามแรกผู้สื่อข่าวได้ถามถึงเรื่องมาตรา 112 ซึ่งนายพิธา ระบุว่าที่ผ่านมาเคยพูดเรื่องนี้ไว้ชัดเจนแล้ว

ส่วนเรื่องเสียงในการจัดตั้งรัฐบาล นายพิธา ยืนยันว่าไม่มีความกังวล มั่นใจว่าสามารถรวบรวมเสียงได้เพียงพอ โดยจะมีคณะทำงาน 2 ชุด คือ คณะเจรจาเข้าร่วมรัฐบาลเพื่อ เพื่อเจรจาหาเสียงโหวตในตัวเลขที่เหมาะสมไว้ และคณะทำงานที่จะเปลี่ยนผ่านรัฐบาลชุดเดิม ซึ่งจะร่วมกันทำงานเรื่อง MOU ทั้งนี้ได้มีการวางแผนไว้หลายรูปแบบ มีหลายฉากทัศน์ เพื่อลดความไม่แน่นอนในการจัดตั้งรัฐบาล จึงไม่กังวลอะไร มั่นใจว่าจะจัดตั้งรัฐบาลได้ เพราะมีโรดแม็ปและฉากทัศน์ที่ชัดเจน

เมื่อถามถึงกระแสข่าวเรื่องการต่อรองตำแหน่งรัฐมนตรีกับพรรคเพื่อไทย นายพิธา ยอมรับว่ามีการพูดคุยกัน แต่ไม่ได้เน้นกระทรวง แต่เน้นวาระที่เราหาเสียงไว้ ไม่ได้เอาเรื่องเก้าอี้รัฐมนตรีเป็นตัวตั้ง แต่เอาเรื่องปัญหาประชาชนเป็นตัวตั้ง ถ้าเอาตัวกระทรวงมาตั้ง ประชาชนไม่ได้ประโยชน์อะไร เมื่อถามถึงกรณีที่มีการร้องให้ตรวจสอบนายพิธา ในประเด็นต่าง ๆ นายพิธา กล่าวว่า ไม่กังวลแต่ก็ไม่ประมาท การเป็นบุคคลสาธารณะต้องพร้อมรับการตรวจสอบ และผลกระทบที่อาจเกิดขึ้น



-นพ.ชลน่าน ได้ยืนยันจุดยืนของพรรคเพื่อไทยอีกครั้งในการสนับสนุนนายพิธา เป็นนายกฯ แต่ก็ยอมรับยังมีหลายประเด็นในเอ็มโอยูที่เห็นต่างกัน ส่วนเรื่อง ม.112 ไม่ได้อยู่ในเอ็มโอยู

ระหว่างการแถลงข่าวจับมือจัดตั้งรัฐบาล นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ยืนยัน พรรคเพื่อไทยสนับสนุนพิธาเป็นนายกฯคนที่ 30 เป็นรัฐบาลที่เป็นความหวัง ความฝันของประชาชน ส่วนเงื่อนไขในการร่วมรัฐบาล จะให้จบที่ MOU ถ้าไม่จบ ก็ต้องมีทางออก เช่น มาตรา 112 ที่มีความเห็นต่างกันมาก คือ เรื่องไหนที่ตกลงกันได้ ก็จบ ถ้าประเด็นไหนตกลงไม่ได้ ก็จะหาทางออกร่วมกัน ยืนยันจะร่วมกันผลักดันให้มีคะแนนในที่ประชุมรัฐสภาให้ถึง 376 คน ซึ่งทุกฝ่ายมีหน้าที่ร่วมกัน ไม่ใช่เฉพาะพรรคแกนนำ

จากนั้น นพ.ชลน่าน ให้สัมภาษณ์เพิ่มเติมเกี่ยวกับเรื่องเอ็มโอยูในการจัดตั้งรัฐบาลว่า เอ็มโอยูที่มีอยู่ตอนนี้เป็นร่างที่พรรคก้าวไกลยกร่างมา และเปิดโอกาสพรรคเสนอความเห็นและแก้ไข ซึ่งมีบางข้อที่พรรคเพื่อไทยเห็นแย้งเยอะพอสมควร ส่วนเรื่องการแก้ไข ม.112 ยังไม่มีการเขียนอยู่ใน MOU



-ขณะที่ ท่าทีของ ส.ว. ต่อการจัดตั้งรัฐบาล ของนายพิธา ตอนนี้ มีเสียง ส.ว. ออกมาประกาศตัวพร้อมที่จะโหวตให้คุณพิธา เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง



โดย ส.ว. ที่ประกาศตัวผ่านสื่อ และบอกว่าจะโหวต นายกฯตามเสียง ข้างมากของสภาผู้แทนราษฎร อยู่ที่ 15 คน เพิ่มเข้ามาใหม่ เมื่อวานนี้ คือ คุณมณเฑียร บุญตัน / คุณประภาศรี สุฉันทบุตร และคุณสถิตย์ ลิ่มพงษพันธุ์

ซึ่ง ส.ว.ประภาศรี ท่านนี้ประกาศตัวในเฟซบุ๊ก เมื่อวาน ระบุข้อความ พร้อมภาพตัวเองอย่างชัดเจนว่า ประภาศรี สุฉันทบุตร สมาชิกวุฒิสภา ประกาศจุดยืนเคารพมติของประชาชน เห็นชอบ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ เป็นนายกรัฐมนตรี

มาดูเสียง ในรัฐสภาเวลานี้ สมมุติ ถ้าประชุมรัฐบาลโหวตเลือกนายกฯ วันนี้นายพิธา รวมเสียง จาก ส.ส. ได้ 313 เสียง จาก 8 พรรคร่วม แต่เสียงโหวตนายกฯต้อง ใช้ถึง 376 เสียง ขึ้นไป ถือว่า ยังไม่พอ ถ้ากับ ส.ว.ที่ประกาศตัว แล้ว 15 คน เท่ากับเสียง ในที่ประชุมตอนนี้ มี 328 เสียง ก็ยัง ขาดอีก 48 เสียง ความหวังของพรรคก้าวไกล ตอนนี้ นอกจากจะต้องพึ่งเสียง ของ ส.ว. เพิ่มแล้ว เสียงของพรรคประชาธิปัตย์ / พรรคพลังประชารัฐ และพรรคชาติไทยพัฒนา ที่ยังไม่ตัดสินใจ ก็เป็นเป้าหมาย

ซึ่งถ้าดูเสียงสภาผู้แทนราษฎร 500 คน ตอนนี้ โหวตให้นายพิธา ชัวร์ๆ มี 313 คน แต่มีเสียงของพรรคการเมืองที่ยังไม่ชัดเจน มากถึง 81 เสียง แม้จะมีนโยบายชัดเจนไม่เห็นด้วยกับการแก้ไข มาตรา 112



-การจับมือตั้งรัฐบาลของพรรคก้าวไกล 313 เสียง ในมุมของ อ.วิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายกฎหมาย มองว่า ได้เสียงขนาดนี้ มั่นคงถาวรแล้ว ยิ่งกว่าเรือเหล็กของรัฐบาลปัจจุบัน.

ส่วนประเด็น การเสนอชื่อนายพิธา ในการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรี หากเสนอชื่อรอบแรกแล้วไม่ผ่าน อ.วิษณุ ยืนยันว่า สามารถเสนอชื่อเดิมก็ได้ ต่อเนื่อง เพราะไม่มีกรอบระยะเวลากำกับไว้ และหากเสนอชื่อจากพรรคอันดับหนึ่งแล้วยังไม่ผ่าน ก็เสนอชื่อแคนดิเดตจากพรรคอันดับ 2 ก็ได้ เพราะเงื่อนไข ในการโหวต มีเพียงเงื่อนไขเดียว คือก็ต้องได้เสียงข้างมาก 376 เสียงขึ้นไป

เช่นเดียวกับการนายกฯคนนอก แต่จะทำได้ยาก เพราะต้องใช้เสียงถึง 2 ใน 3 ของรัฐสภา คือ 500 เสียง เห็นชอบ เปิดทางให้สามารถเสนอชื่อนายกฯคนนอกก่อน จึงจะสามารถเสนอได้ ผู้สื่อข่าวถามย้ำว่า แสดงว่ามั่นใจว่าจะตั้งรัฐบาลก้าวไกลได้ใช่หรือไม่ อ.วิษณุ กล่าวว่า "ผมไม่มั่นใจ แต่ผมเชื่อ"



รับชมผ่านยูทูปได้ที่ : https://youtu.be/yvLqmeK1MWY

คุณอาจสนใจ

Related News