สังคม

หนุ่มลาวนั่งก๊งเหล้าจนหลอน คิดว่ามีคนมาทำร้าย ใช้มีดปอกผลไม้ทำร้ายตัวเอง เจ็บสาหัส

โดย parichat_p

11 พ.ค. 2566

26 views

หนุ่มชาวลาวนั่งดื่มสุรากับเพื่อนหลานจนได้ที่ เกิดอาการหลอนคิดว่ามีคนมาทำร้าย จึงใช้มีดปอกผลไม้ปาดคอตัวเองจนหายใจรวยริน ได้รับบาดเจ็บสาหัส



วันนี้ (11 พ.ค.2566) เมื่อเวลา 00.30 น. ร.ต.ท.หญิง ขนิษฐ สัตตบุษ รองสารวัตรเวรสอบสวน สภ.หนองขาม อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี ได้รับแจ้งมีคนทำร้ายตัวเองโดยการใช้มีดปาดคอได้รับบาดเจ็บสาหัส ที่เกิดเหตุห้องเช่าใน อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี หลังรับแจ้งจึงเดินทางไปตรวจสอบพร้อมกับหน่วยกู้ภัยเพียวเยี้ยงไท้ศรีราชา และกู้ชีพลั่นทมของโรงพยาบาลสมเด็จพระบรมราชเทวี ณ ศรีราชา เพื่อตรวจสอบพร้อมกับเข้าช่วยเหลือผู้บาดเจ็บ



ในที่เกิดเหตุเป็นห้องแถวเช่าพบนายพูมี อายุ 37 ปี ชาวลาว นอนได้รับบาดเจ็บที่คอ ซึ่งมีบาดแผลฉกรรจ์ยาวประมาณ 10 ซม.เลือดไหลเต็มพื้น โดยมีบรรดาเพื่อนๆช่วยเหลืออยู่ และพบมีดปลอกผลไม้ตกอยู่ในที่เกิดเหตุ ซึ่งเจ้าหน้าที่หน่วยกู้ภัยเพียวเยี้ยงไท้ศรีราชา และกู้ชีพลั่นทมของโรงพยาบาลสมเด็จพระบรมราชเทวี ณ ศรีราชาได้เข้าทำการช่วยเหลือปฐมพยาบาลเบื้องต้นให้กับผู้บาดเจ็บ และได้นำตัวส่งโรงพยาบาลสมเด็จพระบรมราชเทวี ณ ศรีราชาเพื่อให้แพทย์ทำการรักษาอีกครั้ง จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจสอบที่เกิดเหตุ ไม่พบริองรอยของการต่อสู้แต่อย่างใด จึงบันทึกภาพที่เกิดเหตุไว้เป็นหลักฐาน



จากการสอบถามของเจ้าหน้าที่ตำรวจ นายคำมาราวงค์ ซึ่งเป็นหลาน ได้ให้การว่า ได้นั่งดื่มสุรากันบริเวณหน้าห้องของคนเจ็บจนได้ที่ จากนั้นคนเจ็บได้มีอาการหลอนทางประสาทคิดว่าจะมีคนมาทำร้าย และได้เดินไปเดินมา จนพวกตนแยกย้ายขอกลับเข้าไปนอน แต่มีเพียงคนเจ็บเท่านั้นที่นั่งอยู่เพียงลำพัง และจากนั้นได้มีคนออกมาเห็นว่าคนเจ็บทำร้ายตัวเองโดยใช้มีดปาดคอตัวเอง จนได้รับบาดเจ็บ พวกตนจึงออกมาช่วยเหลือ



และจากการสอบถามนายยอดรัก อายุ 27 ปี ก็ได้ให้การกับเจ้าหน้าที่ตำรวจอีกว่า ตนนั้นได้ยินเสียงร้องได้ออกมาจากห้อง และได้มาพบนายพูมี ผู้บาดเจ็บนอนหายใจรวยริน อยู่บนกองเลือด จึงเรียกเพื่อนๆและหลานของนายพูมีออกมาช่วยเหลือพร้อมกับแจ้งเจ้าหน้าที่มาตรวจสอบพร้อมกับช่วยเหลือตามที่กล่าวมา



ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจได้สอบถามข้อมูลพบว่านายพูมี ผู้บาดเจ็บนั้น ได้ป่วยมีอาการทางประสาท คิดว่าคนจ่องจะทำร้าย จึงใช้มีดปลอกผลไม้พยายามจะทำร้ายตัวเองเพื่อหนีปัญหา แต่อย่างไรก็ตามเจ้าหน้าที่ตำรวจจะทำการหาสาเหตุที่แท้จริงอีกครั้ง

คุณอาจสนใจ

Related News