'พิธา' ไม่ให้ราคา 'บิ๊กตู่' เปิดตัวแคนดิเดตนายกฯ - 'เศรษฐา' ยัน 'อุ๊งอิ๊ง' อันดับร่วงไม่เกี่ยวเปิดตัวช้า

26 มี.ค.2566 นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล กล่าวถึงกรณีที่พรรครวมไทยสร้างชาติเปิดตัวพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชาและนายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค เป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี ว่า ไม่ได้ให้ความสนใจ เพราะการเมืองของประเทศไทยไม่ได้ขึ้นอยู่กับการเปลี่ยนตัวนายกรัฐมนตรี หรือเรื่องบุคคล แต่เป็นเรื่องโครงสร้างต้นตอปัญหาและระบบ เพราะฉะนั้น ตนไม่ได้ให้ราคา

เมื่อถามว่ามีการชูเรื่องก้าวข้ามความขัดแย้งด้วย นายพิธา มองอย่างไร นายพิธา กล่าวว่า เรื่องนี้เป็นความขัดแย้งที่เกิดขึ้นจากลุง 2 ลุง เพราะฉะนั้นการที่ทำตัวว่าเป็นโซ่ข้อกลางหรือพยายามฟอกขาวยุติธรรม ต้องเข้าสู่กระบวนการรับผิดรับชอบก่อน รัฐธรรมนูญฉบับปี 2560 มีการนิรโทษกรรมให้คนที่ทำรัฐประหาร ซึ่งไม่มีความชอบธรรม ย้ำว่าหากต้องการให้เกิดความปรองดองขึ้นจริงต้องเอาทหารออกจากการเมือง ปิดสวิตซ์ 3 ป. และนำทั้ง 2 คนมาเข้าสู่กระบวนการรับโทษ

นายพิธา กล่าวด้วยว่า วิธีก้าวข้ามความขัดแย้งไม่ได้อยู่ที่พรรคการเมือง แต่อยู่ที่พี่น้องประชาชนที่ได้ถูกกระทำมาโดยตลอด 8 ปี หากมีกระบวนการในการสอหาข้อเท็จจริง มีความยุติธรรมเกิดขึ้น และไม่มีวัฒนธรรมลอยนวล ความปรองดองถึงจะเกิดขึ้นจริง คนที่จะตอบได้ว่าปรองดองได้คือคนที่เขาได้รับความยุติธรรมจากความรุนแรงที่เกิดขึ้นทางการเมืองตลอด 20 ปีที่ผ่านมา

ขณะที่ทางด้านนายเศรษฐา ทวีสิน ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย ให้สัมภาษณ์ระหว่างลงพื้นที่ช่วยผู้สมัครส.ส.พรรคเพื่อไทยหาเสียงในพื้นที่กรุงเทพมหานคร ถึงผลสำรวจคะแนนความนิยมที่ล่าสุดมีชื่อติดหนึ่งใน 10 ที่คนกรุงเทพเชียร์ให้เป็นนายกรัฐมนตรี ว่า ตอนยังไม่ได้ดูผลสำรวจ และยังคงเดินหน้าหาเสียง แต่อย่างไรก็ตามต้องขอบคุณประชาชนที่สนับสนุน อยากให้มีส่วนร่วมในการทำเพื่อบ้านเมือง ยืนยันจะทำอย่างเต็มที่

ส่วนความนิยมของพรรคที่ขึ้นมาเป็นอันดับหนึ่ง ทั้งบัญชีรายชื่อและส.ส.เขต นายเศรษฐากล่าวว่าพรรคเพื่อไทยใช้นโยบายนำมาตั้งแต่อดีต และในพรรคก็มีแต่บุคลากรที่มีคุณภาพ เป็นพรรคที่มีความสามารถ และยังคงเดินหน้าจัดทำนโยบายที่ดีต่อไป และเร่งทำความเข้าใจกับประชาชนในส่วนที่ยังมีข้อกังขา

ขณะที่คะแนนนิยมของนางสาวแพทองธารชินวัตร หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทยที่ตกลงมาเป็นอันดับสอง นายเศรษฐายืนยันว่าไม่เกี่ยวกับที่พรรคเพื่อไทยเปิดตัวแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีช้า มองว่าโพลก็คือโพล เราก็เดินหน้าต่อทำหน้าที่อย่างเต็มที่ จะมาพะวงกับผลโพลไม่ได้ และการเปิดตัวแคนดิเดตนายกฯรัฐมนตรีของพรรคยังคงเป็นวันที่ 5 เมษายน ตามเดิม

ส่วนกรณีมีการเปิดบัญชี ส.ส. 100 คน ไม่มีชื่อของนายเศรษฐาและนางสาวแพทองธารนั้น นายเศรษฐาย้ำว่า ฝ่ายบริหารกับฝ่ายนิติบัญญัติควรแยกกัน การที่ชื่อของตนไม่อยู่ในบัญชีก็ไม่เกินความคาดหมาย เพราะตนพูดมาตลอดว่าต้องแยกกัน แม้หลายคนจะอยากให้แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีมาอยู่ในบัญชีรายชื่อแต่รัฐธรรมนูญไม่ได้กำหนดไว้ แต่สิ่งสำคัญคือการบริหารราชการแผ่นดินส่วนฝ่ายนิติบัญญัติให้เป็นหน้าที่ของส.ส. และฝ่ายบริหารเมื่อทำหน้าที่แล้วก็ควรที่จะไปตอบกระทู้ในสภา เพราะเป็นคำถามที่มาจากประชาชน นายเศรษฐยอมรับว่าในพรรคมีคนเสนอตัวลงบัญชีรายชื่อเยอะ จึง ต้องแบ่งพื้นที่ให้ และถือเป็นหน้าที่ของกรรมการบริหารพรรคในการจัดสรรคน

ส่วนกรณีที่พลเอกประยุทธ์จันทร์โอชานายกรัฐมนตรีระบุว่า การเเลนส์สไลด์หากลงไม่ดีจะออกนอกเลน และเจ็บตัวอีกนั้น นายเศรษฐา ไม่ขอแสดงความเห็น เพราะไม่เข้าใจว่าสไลด์ออกนอกเลนคืออะไร และไม่อยากถูกลากเข้าไปในเรื่องของการตอบโต้ “ท่าน เป็นนายกท่านเป็นผู้ใหญ่ท่านอยากพูดอะไรก็เรื่องของท่าน เราก็รับฟัง” เหนือสิ่งอื่นใดคือการเดินหน้าปราศรัยและพบปะประชาชนเพื่อตอบข้อซักถาม

รับชมผ่านยูทูบ : https://youtu.be/ydcqwIi-v9k