อาชญากรรม

สุดยื้อ 'สารวัตรกานต์' เสียชีวิตแล้ว - เปิดปฏิบัติการกว่า 28 ชม.สยบความคลั่ง ก่อนถูก 'อรินทราช' บุกชาร์จ

โดย weerawit_c

16 มี.ค. 2566

815 views

เปิดนาทีปะทะเดือด "สารวัตรคลั่ง" ถือปืน-มีด โดดหน้าต่างหนีห่ากระสุนปืน จุกลุกไม่ไหว "อรินทราช" เข้าชาร์จจับตัวในสภาพทุลักทุเลอาการสาหัส พบกระสุนเจาะหน้าอกซ้าย ต้นขาบนซ้าย ข้อพับแขนซ้าย 6 นัด ทีมแพทย์ปั๊มหัวใจยื้อชีวิตจนมีสัญญาณชีพ ล่าสุดทนพิษบาดแผลไม่ไหว เสียชีวิตแล้วในห้องไอซียู

ด้าน ผบ.ตร.ขอโทษประชาชนได้รับผลกระทบ เตรียมชดใช้ ชี้สารวัตรกานต์ มีความชำนาญหลายด้าน ก่อนย้ายเข้าสันติบาล ก่อนเผยสาเหตุคลั่ง ตรวจสุขภาพจิตไม่ผ่าน จึงประสานเข้ารักษา ทำให้ไม่พอใจ และเกิดความเครียด ขณะที่ตำรวจเตรียมประชุมทีมสรุปสำนวนต่อวันนี้


จากกรณีเกิดเหตุชายคลุ้มคลั่งก่อเหตุยิงปืนขึ้นฟ้าหลายนัด บริเวณบ้านหลังหนึ่ง ภายในหมู่บ้านมั่นคง ซอยจีระมะกร แขวงออเงิน เขตสายไหม กทม. โดยทราบต่อมาว่าผู้ก่อเหตุรายดังกล่าวคือตำรวจยศ พ.ต.ท.  คือ พ.ต.ท.กิตติกานต์ แสงบุญ อายุ 51 ปี สังกัดศูนย์พัฒนาด้านการข่าวของกองบัญชาการตำรวจสันติบาล ซึ่งเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นตั้งแต่เวลาประมาณ 09.00 น. ของวันที่ 14 มี.ค.66 ที่ผ่านมา


โดยวานนี้ (15 มี.ค.66) ผ่านไปเกิน 24 ชม. การเจรจาไม่เป็นผล จนท้ายที่สุดเวลาประมาณ 12.13 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจใช้ยุทธวิธีจนสาสามารถควบคุมตัวสารวัตรกานต์ได้ในที่สุด โดยใช้เวลาทั้งสิ้นกว่า 28 ชม.

เวลา 07.00 น. ผู้ก่อเหตุพยามยิง และทุบกระจกบ้านตัวเอง

เวลา 08.30 น. จนท.พยามเจรจา เพื่อนตำรวจร้องเพลงพบรักที่ปากน้ำโพ

เวลา 09.10 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจ ใช้โดรนบินเข้าไปสำรวจในบ้าน พบสารวัตร พกอาวุธติดตัวอยู่ตลอด หน่วยอรินทราช ปฏิบัติการปิดล้อมและเกลี้ยกล่อม

จากกรณีที่มีการเปิดเผยภาพ ซึ่งเป็นภาพที่ตำรวจใช้โดรนในการบินเข้าไปดูพฤติการณ์ของสารวัตรกานต์ ซึ่งพบว่าสารวัตรกานต์ ยังคงอยู่ภายในห้องนอนบริเวณชั้น 2 ของบ้าน จากภาพจะเห็นได้ว่าตัวของสารวัตรกานต์ สวมเสื้อยืด กางเกงขายาว นั่งเอาหลังพิงกำแพงอยู่ข้างราวบันได ด้านบนศีรษะ คือ หน้าต่าง มีราวเสื้อผ้าแขวนอยู่  

ขณะเดียวกันมีการจากภาพจะเห็นได้ว่ามีลักษณะคล้ายกับบุหรี่พันลำเกลื่อนเต็มพื้นห้อง ทั้งนี้ จากภาพยังมีการตั้งข้อสังเกตุถึงภาพกระติกน้ำและลักษณะคล้ายท่อหรือบ้องด้วยว่าเป็นกระติกน้ำอะไรใช่น้ำกระท่อม หรือบ้องกัญชาหรือไม่ รวมทั้งปรากฏภาพต้นกัญชาริมรั้วหลังบ้านของสารวัตรกานต์อีกด้วย

ขณะที่ช่วงเวลาหนึ่งมีการยิงสวนออกมา ปรากฏว่า เจ้าหน้าที่หน่วยอรินทราช 26 นายหนึ่งถูกกระสุนของผู้ก่อเหตุยิงเข้าที่ศีรษะ แต่โชคดีที่ไม่ได้รับบาดเจ็บเนื่องจากกระสุนไม่ทะลุหมวก แต่ก็ต้องนำตัวไปรักษาที่ รพ.ตำรวจ

ภาพจากโดรนที่บินเข้าไปด้านใน ว่า จะเห็นว่าผู้ก่อเหตุใช้ผ้าต่างๆ มาอำพรางตัว ห่อหุ้มตัวเองไว้เพื่อปกป้องการจู่โจมของเจ้าหน้าที่ ตามภาพที่ปรากฏ

เวลาประมาณ 08.00 น. พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น. เข้าเจรจา ยืนยันว่าจะให้ พ.ต.ท.กิตติกานต์ กลับไปทำงานปราบยาเสพติดแต่ไม่สำเร็จ ระหว่างนั้นหน่วยอรินทราช ได้ระดมยิงแก๊สน้ำตาเพื่อกดดันให้มอบตัว แต่ก็ไม่สำเร็จเช่นเดียวกัน เนื่องจาก พ.ต.ท.กิตติกานต์ ได้ยิงสวนออกมา

เวลา 09.00 น. พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น. ลงพื้นที่จุดเกิดเหตุ ก่อนจะออกมาให้สัมภาษณ์ ระบุว่า ปฏิการตลอด 24 ชั่วโมงแรกนั้น เจ้าหน้าที่ประเมินแล้วพบว่า ตัวผู้ก่อเหตุยังอยู่ในจุดที่มีความสุ่มเสี่ยงจะก่อให้เกิดอันตราย โดยยังมีอาวุธและเครื่องกระสุนอยู่ ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อประชาชนโดยรอบ

จึงไม่จำเป็นต้องเร่งรีบในการใช้ยุทธวิธีจู่โจม ซึ่งต้องประเมินว่า อาการป่วยของผู้ก่อเหตุ จะต้องใช้วิธีใด หากประเมินแล้ว จำเป็นต้องใช้กระสุนจริง เจ้าหน้าที่ก็พร้อมที่จะปฏิบัติงานทันที ส่วนการเจรจาสื่อสารนั้นไม่สามารถจะสื่อสารแบบคนปกติทั่วไปได้

หลายคนอาจเกิดคำถามว่า ผู้ก่อเหตุอยู่ส่วนไหนของบ้าน ทำไมยิงแก๊สน้ำตาแล้วไม่เป็นอะไร และทำไมตำรวจบุกเข้าไปที่ชั้น 2 ไม่ได้ โดยทีมข่าวจะพาไปดูแปลนบ้านแบบเดียวกับหลังที่เกิดเหตุ

โดยบ้านมั่นคง จะมีแบบแปลนบ้านเหมือนกัน คือ เมื่อเปิดประตูเข้าไปจะเจอห้องโถง ห้องขวามือ คือ ห้องน้ำ เนื่องจาก หลังบ้านไม่มีระเบียงทางเดิน ทำให้ตำรวจปีนขึ้นมาไม่ได้ นี่จึงเป็นคำตอบว่า ทำไมเขาถึงรอดจากแก๊สน้ำตามาได้ทุกครั้งที่ตำรวจเปิดปฏิบัติการ แถมยังสอดส่องตำรวจที่อาจจะบุกเข้ามาในบ้านได้ด้วย

เวลา 10.30 น. พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. เดินทางลงพื้นที่ ติดตามสถานการณ์ เมื่อมาถึง ผบ.ตร.โทรศัพท์กล่อมสารวัตรกานต์ด้วยตัวเองเป็นภาษาเหนืออีกด้วย โดยพบว่าระยะเวลาที่ ผบ.ตร.พูดคุยและเจรจานั้นใช้เวลาประมาณ 15 นาที

จากนั้น ผบ.ตร. ออกมาให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชน ระบุว่า จากการพูดคุยกับสารวัตรกานต์ ณ ขณะนั้น เป็นไปได้ด้วยดี มีบางช่วงบางตอนที่ผู้ก่อเหตุสามารถพูดคุยได้เหมือนจะรู้เรือง แต่สุดท้ายก็ไม่รู้เรื่อง เหมือนจะยอมแต่สุดท้ายก็ไม่ยอม

พร้อมกันนีั ยังมีการพูดถึงเรื่องพระเจ้า พูดเรื่องความเชื่อของตัวเอง โดยระหว่างการพูดคุยผู้ก่อเหตุยังคงถือปืนเอาไว้ตลอดเวลาและระบุเพียงว่า “กลัว”

โดยตัวผู้ก่อเหตุมีการพูดถึงความเชื่อเรื่องพระเจ้าและซาตาน ซึ่งการเจรจาด้วยนักจิตวิทยา ที่เข้าไปพูดคุยก็ยังไม่เป็นผล ทำให้เจ้าหน้าที่ต้องกลับออกมาประเมินสถานการณ์อย่างรอบคอย ก่อนจะใช้ยุทธวิธีในลำดับต่อไป ซึ่งผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติย้ำว่าตัวผู้ก่อเหตุยังไม่ใช่ผู้ต้องหา เพราะยังไม่มีการจับใครเป็นตัวประกัน หรือ ทำร้ายใคร แต่เป็นผู้ป่วยจิตเวช

ต้องขอโทษชาวบ้านที่ได้รับผลกระทบซึ่งปฏิบัติการดังกล่าว หากพบว่าบ้านเรือนของพี่น้องประชาชนส่วนไหนได้รับความเสียหายทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติพร้อมชดใช้เยียวยาให้ ส่วนกรอบเวลานั้นยืนยันว่าจะเยียวยาชดใช้ให้เร็วที่สุด

เวลา 10.50 น. สารวัตรยิ้ม เพื่อนของสารวัตรกานต์ เดินทางมายังที่เกิดเหตุ พร้อมกับหิ้วถุงกับข้าวเพื่อนำมาให้สารวัตรกานต์ และหวังจะมาช่วยเจรจา ซึ่งเจ้าตัวได้ส่งข้อความไปหาสารวัตรกานต์ บอกว่าพี่ยิ้มเอาข้าวมาส่ง / พร้อมถามว่าเครียดอะไรไหม? / มีอะไรให้พี่ช่วยหรือไม่ / รวมทั้งถามว่าเอาบุหรี่หรือกัญชาคลายเครียดหรือไม่  ขณะเดียวกันยังส่งข้อความเสียงหาสารวัตรกานต์ด้วยว่า “พี่โดนพระเจ้าลงโทษแล้ว จะเอาข้าวมาให้”

ซึ่งข้อความต่างๆดังกล่าว สารวัตรยิ้ม ได้ส่งข้อความไปหาสารวัตรกานต์เมื่อช่วงเวลา 10.47 น. ซึ่งครั้งนี้สารวัตรกานต์เปิดอ่านข้อความ จากปกติหลายวันที่ผ่านมาไม่ได้เปิดอ่านข้อความ แต่ว่าสารวัตรกานต์ยังไม่ได้มีการตอบกลับข้อความดังกล่าวแต่อย่างใด หลังจากนั้นสารวัตรยิ้ม เดินเข้าไปบ้านหลังเกิดเหตุ แต่ว่าเจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างปฏิบัติหน้าที่ ตนจึงไม่ได้มีโอกาสเข้าไปเจรจา

ขณะเดียวกันผู้สื่อข่าวสอบถามสารวัตรยิ้ม ว่าช่วงที่ผ่านมา สารวัตรกานต์ เคยมาปรึกษาปัญหาชีวิตด้วยหรือไม่ สารวัตรยิ้ม กล่าวว่า สารวัตรกานต์ ไม่ได้เป็นพิษเป็นภัยอะไร เพียงแต่มีความเชื่อเรื่องซาตาน และจะพูดเรื่องนี้แค่กับคนสนิทเท่านั้น จึงอาจมีความเครียด หรือเป็นปัญหาเรื่องความรักหรือครอบครัวก็ได้

“เขาเป็นมานานแล้ว นานมากแล้ว ก่อนที่จะรู้จักกันด้วย เขาฟังเกี่ยวกับกลุ่มซาตานทุกวัน ทำให้มันฝังลงไปด้วย คนที่ไม่รู้จักเขาจะไม่คุยเรื่องพวกนี้ แต่ว่าคนสนิท เขาจะเล่าให้ฟังว่า เดี๋ยวเขาจะล้างโลกแล้ว”

คลิปเหตุการณ์นาทีหน่วยอรินทราช จู่โจมเข้าควบคุมตัวสารวัตรกานต์ สำหรับช่วงเวลาในการปฎิบัติภารกิจ เริ่มต้นขึ้น ในเวลา 11.52 น. มีการเริ่มเปิดปฏิบัติการ โดยชุดจู่โจมและอรินทราช ผสมกำลังกัน เอาบันไดกับถังน้ำไปลองทำเป็นบันได และต่อมาเวลา 11.59 น. เจ้าหน้าที่ได้กันสื่อให้ออกจากพื้นที่แล้วขอความร่วมมือให้ยุติการไลฟ์สด

จากนั้นเวลา 12.12 น. ตำรวจเริ่มขยับกระชับพื้นที่เข้าไปบ้านผู้ก่อเหตุ ต่อมาเวลา 12.13 น. เจ้าหน้าที่ชุดจู่โจมได้เปิดฉากยิงเข้าไปในบ้าน 5 นัดแรก จากนั้นสาดกระสุนกันไปมาทั้ง 2 ฝ่ายต่อเนื่อง โดยคาดว่าน่าจะมีการยิงต่อสู้กัน

ก่อนที่ในเวลา 12.25 น. หลังจากมีเสียงคล้ายกับปืนดังต่อเนื่องจากบ้านของผู้ก่อเหตุกว่า 30 นัด

ขณะที่ภาพจากกล้องโดรนของตำรวจ บินบันทึกเหตุการณ์ด้านหลังบ้านของสารวัตรผู้ก่อเหตุ จะจับภาพจุดที่ก่อนหน้านี้ "ผู้ก่อเหตุ" ได้นั่งหลบอยู่ คือ บริเวณข้างบันไดของบ้าน หลังพิงกำแพง ด้านบนศีรษะคือหน้าต่าง จะเห็นว่ามีรอยกระสุนถูกยิงทะลุตัวบ้าน 1 นัด คาดว่าเป็นกระสุนจากตำรวจอรินทราช 26 ที่ใช้บันไดปีนขึ้นมาทางหน้าต่างชั้น 2 ของบ้าน แล้วยิงปะทะกับผู้ก่อเหตุ จากนั้นยิงต่อสู้กันราว 2 นาที เพราะทีมข่าวที่สังเกตการณ์หน้าบ้านได้ยืนเสียงปืนเป็นระยะตอบโต้กันไปมา

แล้วภาพจากโดรนก็เห็นกระสุนอีก 1 นัด ทะลุตัวบ้านมาอีก ซึ่งกระสุนปืนนัดนี้ ส่งผลให้สารวัตรกานต์ ได้กระออกมาจากบานเกล็ดโดยใช้มือซ้ายที่ถือมีดยาวประมาณ 1 ฟุต ทุบบานเกล็ด แล้วทิ้งตัวลงมาด้านล่าง พร้อมกับมือขวายังคงถือปืนอยู่ด้วย ก่อนที่หน่วยอรินทราช จะเข้าควบคุมตัวเอาไว้ได้ทันที เนื่องจากว่าสารวัตนกานต์เมื่อตกลงบาดเจ็บนอนแน่นิ่งมาไม่สามารถหลบหนีไปได้

จากนั้นเจ้าหน้าที่วิทยุเรียกรถพยาบาลเข้ามารับสารวัตรกานต์ ที่ได้รับบาดเจ็บจากการปะทะครั้งนี้ไปส่งที่โรงพยาบาลภูมิพล ถือว่าจบปฏิบัติการ สยบสารวัตรคลั่ง ได้ในเวลา 28 ชั่วโมง

สำหรับเหตุผลที่ตัดสินใจเข้าจู่โจมควบคุมตัวเนื่องจาก ตำรวจร่วมกับทีมแพทย์ประเมินแล้วว่าสารวัตรกานต์ มีท่าทีใจเย็นลง หลังจากได้พูดคุยโทรศัพท์กับผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ซึ่งถือเป็นช่วงเวลาที่เจ้าหน้าที่ตำรวจได้เปรียบมากที่สุด จึงเข้าปฎิบัติการดังกล่าว

ทั้งนี้ รายงานข่าวแจ้งว่าได้นำตัวสารวัตรกานต์ ส่งโรงพยาบาลภูมิพล ขณะนี้รักษาตัวอยู่ในห้องไอซียู เนื่องจาก ถูกยิง 6 จุด ซึ่งถูกยิงเข้าที่ ข้อพับซ้าย /หน้าอกทั้งข้างขวาและซ้าย / ต้นขาท่อนบนซ้าย /ขาขวา และบริเวณหลัง ซึ่งระหว่างนั้นกู้ภัยได้ CPR จนสามารถกู้ชีพจรกลับมาได้

กระทั่งเวลาประมาณ 20.50 น. มีกระแสข่าวว่าสารวัตรกานต์เสียชีวิตแล้ว แต่ในเวลาต่อมา 21.04 น. ได้รับการยืนยันจากทาง พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล รอง ผบ.ตร. ว่าสารวัตรกานต์ ยังไม่เสียชีวิต แต่อาการยังคงสาหัสจากการเสียเลือดมาก

จากนั้นไม่นาน พ.ต.อ.รังสรรค์ สอนสิงห์ ผกก.สน.สายไหม ที่ลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดที่ รพ.ภูมิพล ได้ออกมายืนยันว่าสารวัตรกานต์เสียชีวิตแล้ว โดยถอดเครื่องช่วยหายใจเวลา 21.47 น. ณ รพ.ภูมิพล

ภายหลังเสร็จสิ้นภารกิจสยบสารวัตรคลั่ง พล.ต.ต.อรรถพล อนุสิทธิ์ ผู้บังคับการตำรวจนครบาล 2 เดินทางมาตรวจสอบจุดเกิดเหตุร่วมกับตำรวจพิสูจน์หลักฐานและพนักงานสอบสวน สน.สายไหม พร้อมเปิดเผยว่า ตนได้เดินทางมาที่จุดเกิดเหตุเพื่อกำชับการตรวจที่เกิดเหตุของตำรวจพิสูจน์หลักฐานและพนักงานสอบสวนเพื่อรวบรวมหลักฐานแจ้งข้อกล่าวหากับผู้ก่อเหตุ

โดยจะให้ตรวจดูให้ละเอียดด้วยว่านอกจากบ้านของผู้ก่อเหตุแล้วมีความเสียหายเกิดขึ้นกับบ้านของประชาชนหลังอื่นอย่างไรบ้าง ซึ่งอาจจะต้องเรียกชาวบ้านที่ได้รับความเสียหายเข้ามาให้การเป็นพยานด้วย ส่วนแนวทางในการช่วยเหลือเยียวยา จะต้องขอดูภาพรวมของความเสียหายที่เกิดขึ้นก่อน

นอกจากนี้ จะต้องพิสูจน์ทราบปลอกกระสุนที่ตกอยู่ในละแวกที่เกิดเหตุให้ได้ว่าปลอกกระสุนใดเป็นกระสุนจากฝั่งผู้ก่อเหตุ และปลอกกระสุนใดเป็นกระสุนจากฝั่งของเจ้าหน้าที่ได้เข้าปฎิบัติการ ซึ่งจะต้องนำไปตรวจสอบเปรียบเทียบกับข้อมูลว่าชุดปฏิบัติการชุดไหนใช้อาวุธชนิดใดบ้าง

ทั้งนี้ จากการตรวจสอบที่เกิดเหตุของตำรวจพิสูจน์หลักฐาน

เบื้องต้นพบอาวุธปืนลูกโม่ 1 กระบอกของผู้ก่อเหตุตกอยู่บริเวณหลังบ้าน ส่วนเครื่องกระสุนยังอยู่ระหว่างการตรวจสอบว่ามีอยู่ในบ้านจำนวนเท่าไหร่ รวมถึงอาวุธชนิดอื่นๆ ด้วย แต่จากข้อมูลพบว่าตั้งแต่เกิดเหตุจนถึงวินาทีสยบสารวัตรคลั่ง ผู้ก่อเหตุได้มีการยิงปืนออกมาประมาณ 60 นัด

ส่วนเหตุผลที่เจ้าหน้าที่ตัดสินใจเข้าจู่โจมเพื่อควบคุมตัวผู้ก่อเหตุนั้น เป็นการประเมินของผู้บัญชาการจากหลายส่วน ประกอบกับเมื่อคืนวันที่ 14 มี.ค.66 ที่ผ่านมา กรมสุขภาพจิตได้ส่งแพทย์มาร่วมประเมินสภาวะจิตใจของผู้ก่อเหตุ ซึ่งแพทย์มีความเห็นว่าผู้ก่อเหตุมีสภาพจิตเบี่ยงเบน การตอบสนองไม่ตรง ถามอย่างตอบอย่าง สมควรได้รับการรักษาโดยเร็ว

ซึ่งแพทย์เห็นว่าการที่จะใช้การพูดคุยเพื่อให้ยอมมอบตัวนั้นไม่น่าจะทำได้ในระยะเวลาอันสั้น ส่วนเวลาที่เลือกใช้เข้าจู่โจมนั้น ก็เป็นเวลาที่เห็นว่าเหมาะสมเพราะผู้ก่อเหตุมีอาการผ่อนคลายลง หลังได้พูดคุยกับผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ

พ.ต.ท.กิตติกานต์ หรือ สารวัตรกานต์เป็นคน อ.ป่าซาง จังหวัดลำพูน เมื่อปี 2541 เข้ารับราชการตำรวจในตำแหน่ง ผบ.หมู่ สังกัดฝ่ายอำนวยการกองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด ทำหน้าที่พลขับและขนส่ง แต่ด้วยความมุมานะก็ได้ศึกษาต่อระดับปริญญาตรีคณะนิติศาสตร์บัณฑิตจากมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งควบคู่ไประหว่างทำงาน

กระทั่งจบการศึกษาได้สอบเป็นนายตำรวจระดับรองสารวัตร จนได้รับการบรรจุที่กองบังคับการปราบปรามยาเสพติด 2 ในพื้นที่จังหวัดขอนแก่น และเจริญเติบโตในหน้าที่การงานเรื่อยมาจนได้รับการแต่งตั้งเป็น พ.ต.ต.ระดับสารวัตร ในกองบังคับการปราบปรามยาเสพติด 2 ผ่านการฝึกอบรมหลักสูตรสยบไพรี

จากนั้นเมื่อปี 2562 ถูกโยกย้ายไปกองบัญชาการศึกษาในตำแหน่งสารวัตรอำนวยการสองปี

ต่อมาปี 2565 ถูกย้ายไปสังกัดสันติบาลจนถึงปัจจุบัน โดยช่วงที่อบรมนักเรียนนายร้อย แม้จะเข้ากับเพื่อนนักเรียนได้ แต่ก็เป็นคนที่มีโลกส่วนตัวสูง เงียบๆ นิ่งๆ

ซึ่งเป็นการโยกย้ายออกนอกหน่วย โดยตำรวจยืนยันว่า ไม่มีความเครียดเรื่องโยกย้าย แต่เพื่อนสนิท ให้ข้อมูลทีมข่าวเรื่องเล่าเช้านี้ ว่า สารวัตกานต์ เครียดเรื่องการย้ายงาน ก่อนก่อเหตุปิดตัวเงียบและซื้อแอลกฮอล์ดื่มทุกเย็น ก่อนเกิดเหตุเพื่อนสนิทเห็นใส่เครื่องแบบตำรวจไปทำงาน จึงถามสารวัตรกานต์ว่าทำไมได้ใส่เครื่องแบบ เพราะทุกครั้งไม่เคยใส่ สารวัตรกานต์ตอบว่า ต้องใส่เครื่องแบบ เพราะไปทำงานที่ใหม่แล้ว แต่เพื่อนสังเกตว่า สีหน้าและท่าทางของคนที่ได้เปลี่ยนที่ทำงาน ไม่สดใส ไม่มีความสุขเหมือนปกติ แต่กลับหน้าเศร้าและมีความเครียด

ทั้งนี้ พ.ต.ท.กิตติกานต์ ที่ผ่านมาถือว่าเป็นนายตำรวจที่มีความรู้ความสามารถ ทำให้เจริญเติบโตในหน้าที่การงานจากตำแหน่งพลขับเป็นสารวัตร โดยใช้เวลาเพียง 20 ปี และยังเป็นตำรวจที่มีสมาธิสูง มีความสามารถด้านการยิงปืน ผ่านการทดสอบได้รับใบประกาศหลายหลักสูตร

เวลาประมาณ 15.00 น. ภายหลังเสร็จสิ้นภารกิจสยบสารวัตรคลั่ง พบว่าประชาชนในพื้นที่ ต่างพากันกลับเข้ามาบ้านพักของตัวเอง เพื่อนกลับเข้ามาพักอาศัย รวมทั้งสำรวจความเสียหาย

ทีมข่าวได้คุยกับเพื่อนบ้านที่เป็นเจ้าของบ้านหลังที่อยู่ติดกับสารวัตรคลั่ง เปิดภาพความเสียหายที่เกิดขึ้น ภายหลังเข้าสำรวจบ้านและให้ข้อมูลกับทีมข่าวว่า บ้านได้รับความเสียหายเล็กน้อย จากกระสุนปืน แต่ว่าอาจจะหลายจุด เช่น ผนังบ้านเป็นรูจากกระสุน ขนาดใหญ่เกือบเท่าฝ่ามือ / หลังคา 2 รู / มุ้งลวดรอยเล็กรอยใหญ่ประมาณ 3 รู และกระจกบาดเกล็ดแตก ฯลฯ ขณะเดียวกันในบ้านยังคงมีแก๊สน้ำตาหลงเหลือบางส่วน ทำให้ยังไม่สามารถกลับเข้ามานอนในบ้านได้ ต้องไปนอนที่อื่น ซึ่งเพื่อนบ้านรายนี้ยังบอกด้วยว่า ปกติเวลาเจอกับสารวัตรกานต์ก็ทักทายกันปกติ ซึ่งสารวัตรกานต์จะเป็นคนทักก่อนเสมอ

เพื่อนบ้านรายนี้ ยังบอกอีกว่า จริงๆแล้วสารวัตรกานต์ไม่ใช่คนบ้า เพียงแต่อาจจะคุยไม่รู้เรื่อง และเคยเป็นคนดี และหากในอนาคตสารวัตรกานต์มีโอกาสกลับมาอยู่ที่บ้านหลังเดิม ก็ไม่รู้สึกกลัวอะไร ต่างฝ่ายต่างอยู่

เช่นเดียวกันกับคุณป้าท่านหนึ่งอายุ 77 ปี  ซึ่งอาศัยอยู่กับสามี อายุ 74 ปี โดยบ้านของคุณป้าอยู่ห่างจากบ้านสารวัตรกานต์ไม่ถึง 100 เมตร เล่าว่า อย่างตัวคุณป้าเอง สายตาไม่ค่อยดี  ส่วนตัวคุณลุงกล้ามเนื้ออ่อนแรง ไม่สามารถเดินไปไหนมาไหนได้ประมาณ 3 เดือนแล้ว

โดยเจ้าหน้าที่มาช่วยพาออกจากบ้าน เช้ามืดวานนี้ (15 มี.ค.66)และได้กลับเข้ามาบ้าน เวลา 09.00 น. ซึ่งเป็นเวลาที่ภารกิจยังไม่จบ แต่กลับเข้ามาเพราะเป็นห่วงบ้าน ซึ่งทั้งตัวคุณป้าสามีเองก็รู้สึกกลัวมาก กลัวจนไม่รู้จะพูดยังไง เพราะบ้านมันใกล้กันมาก แต่ตอนนี้หลังจากที่จับได้แล้วรู้สึกสบายใจขึ้นมาก

คุณป้ายังเล่าต่อว่า คืนที่เกิดเหตุตนและสามี นอนไม่ได้เลย เพราะแสบตา แสบปากไปหมด เพราะจนท.ยิงแก๊สน้ำตา แล้วได้รับผลกระทบ ในอนาคตหากสารวัตรกานต์ มีโอกาสได้กลับเข้ามาอยู่บ้านหลังเดิม ตนก็เป็นกังวลและรู้สึกกลัว ส่วนความเสียหายบ้านของตนนั้นไม่มี มีแค่สภาพจิตใจที่รู้สึกกลัว

ขณะที่คุณพิพัฒน์ โพธิ์คุ้ม อายุ 25 ปี ได้กลับเข้ามาสำรวจความเสียหายที่บ้านพัก ซึ่งอยู่ห่างจากบ้านผู้ก่อเหตุประมาณ 4-5 หลัง หลังจากเหตุการณ์สงบ โดยคุณพิพัฒน์ พาทีมข่าวไปดูรถโตโยต้า โซลูน่า สีบรอนซ์เงิน ของตนเองที่จอดอยู่ท้ายหมู่บ้าน ถูกกระสุนลูกหลงเข้าที่กระจกหูช้างทางฝั่งขวาของตัวรถ ซึ่งคาดว่า น่าจะเป็นวิถีกระสุนของสารวัตรที่ก่อเหตุ

ส่วนตัวตอนแรกที่เกิดเหตุรู้สึกเป็นห่วงรถมาก เพราะรถตนไม่มีประกัน พอเหตุการณ์สงบจึงรีบกลับเข้ามาดู และปรากฏว่าก็ไม่รอด ตอนแรกตนได้แต่ภาวนาขอให้ไม่โดนรถตัวเอง เพราะมีรถอีกคันจอดขวางไว้

ทั้งนี้ได้รับการยืนยันจาก พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล รองผบ.ตร. ว่า กระติกดังกล่าวคือกระติกน้ำทั่วไป ส่วนสิ่งของที่อยู่ในกระติกน้ำคือโรบอท หุ่นยนต์ที่โยนเข้าไปในห้องเพื่อดูพฤติการณ์ของสารวัตรกานต์ แต่ว่าเจ้าตัวรู้ว่าอุปกรณ์ดังกล่าวเป็นอุปกรณ์อะไรจึงนำมาทิ้งใส่กระติกน้ำเพื่อมาไม่ให้สามารถใช้งานได้

ส่วนปรากฏภาพบุหรี่พันลำเป็นบุหรี่ที่สารวัตรกานต์ร้องขอมายังตำรวจ แล้วมีการโยนกลับเข้าไปให้ ส่วนลักษณะที่เป็นท่อหรือบ้องนั้น ยังไม่สามารถระบุได้ว่าเป็นอะไร รอการพิสูจน์ทราบต่อไป


รับชมผ่านยูทูปได้ที่ : https://youtu.be/8corCgWnH9M

คุณอาจสนใจ

Related News