สังคม

สนั่นสี่แยก! เก๋งชนกระบะทะลุกำแพงโรงเรียน อ้างไฟเขียวทั้งคู่ จนท.เร่งตรวจกล้องวงจรปิด

โดย chiwatthanai_t

13 มี.ค. 2566

182 views

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันที่ 13 มี.ค.66 เวลาประมาณ 09.45 น. ร.ต.อ.อาทิตย์ บุตรละคร รองสารวัตรสอบสวน สภ.เมืองประจวบฯ ได้รับแจ้งเหตุจากพลเมืองดีว่า เกิดอุบัติเหตุรถยนต์กระบะชนกันกับรถเก๋ง มีผู้ได้รับบาดเจ็บ เหตุเกิดบริเวณแยกไฟแดงหน้าจวนรองผู้ว่าราชการจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ หลังได้รับแจ้งจึงพร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ตำรวจจราจร รุดตรวจสอบที่เกิดเหตุ พร้อมประสานหน่วยกู้ชีพโรงพยาบาลประจวบคีรีขันธ์ เข้าให้การช่วยเหลือผู้ได้รับบาดเจ็บนำส่งโรงพยาบาล

จากการตรวจสอบพบเป็นรถยนต์กระบะ 4 ประตู สีบรอนซ์-เงิน สภาพชนกับเสาสัญญาณไฟจราจรจนล้มได้รับความเสียหาย ตัวรถปีนอยู่ขอบฟุตบาทข้างทางชนทะลุกำแพงโรงเรียนอนุบาลเมืองประจวบฯ และถังน้ำของโรงเรียนแตกได้รับความเสียหาย ตัวรถด้านหน้าและด้านท้ายพังยับเยิน ผู้ขับขี่ได้รับบาดเจ็บบริเวณศีรษะมีเลือดไหล ถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลประจวบ ทราบชื่อนายไมตรี อายุ 67 ปี

อีกฝั่งของถนนพบเป็นรถยนต์เก๋งสีขาว ชนทะลุกำแพงของบ้านพัก ผู้อำนวยการ สพป.ประจวบคีรีขันธ์ ทำให้หน้ารถ และท้ายรถด้านขวาได้รับความเสียหายเช่นกัน โชคดีที่คนขับและผู้โดยสารที่นั่งมาในรถไม่ได้รับบาดเจ็บแต่อย่างใด ทราบชื่อผู้ขับขี่คือนางจิตติมา เจ้าหน้าที่อยู่ที่เทศบาลเมืองฯ

ด้านนางจิตติมา ผู้ขับขี่รถเก๋งให้ข้อมูลสัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าวว่า ขณะเกิดเหตุตนเองได้ขับรถกลับจากทำธุระเสร็จ แล้ววิ่งมาตามถนนด้านหลังอำเภอเพื่อมุ่งหน้ากลับไปทำงานที่เทศบาลเมืองประจวบ เมื่อถึงแยกสัญญาณไฟจราจรตรงจุดเกิดเหตุสัญญาณไฟเป็นสีเขียว ตนจึงขับรถมุ่งหน้าไปสถานที่ทำงานระหว่างนั้นได้มีรถยนต์กระบะ วิ่งมาทางตรงตามถนนสละชีพ พุ่งเข้าชนท้ายรถของตนจนเสียหลักไปชนเข้ากับกำแพงของบ้านพักข้าราชการ จนรถและกำแพงได้รับความเสียหาย ซึ่งตนเองยืนยันว่าฝั่งของตนเป็นสัญญาณไฟเขียวไม่ได้ขับผ่าไฟแดงแต่อย่างใด



ส่วนทางด้านรถยนต์กระบะ นายวรรสัญช์ อายุ 33 ปี ซึ่งเป็นลูกชายของผู้ขับขี่ได้รับบาดเจ็บบริเวณหน้าอกและข้อมือขวา ให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าวว่า ตนกับพ่อได้ขับรถมาทางตรงตามถนนสละชีพมุ่งหน้าไปทางศาลากลางจังหวัด เมื่อถึงแยกไฟแดงตรงจุดเกิดเหตุฝั่งของตนยืนยันว่าเป็นสัญญาณไฟเขียว จึงได้ขับมุ่งหน้าตรงไปจนทำให้เกิดการเฉี่ยวชนกับรถเก๋งขึ้น จนรถเสียหลักพุ่งไปชนเสาไฟจราจร และกำแพงโรงเรียนทำให้รถและกำแพงโรงเรียนได้รับความเสียหาย



อย่างไรก็ดีคู่กรณีทั้งสองฝ่ายต่างอ้างว่าฝั่งของตนเป็นสัญญาณไฟเขียวทั้งคู่ จึงได้ขับรถมุ่งหน้าตรงไปจนเป็นเหตุทำให้เกิดการเฉี่ยวชนกันขึ้น และได้รับความเสียหายทั้งสองฝ่าย เจ้าหน้าที่ตำรวจจะได้หาหลักฐานจากกล้องวงจรปิดรอบข้างและพยานแวดล้อมเพิ่มเติม เพื่อสอบสวนหาสาเหตุอย่างละเอียดว่าใครผิดใครถูก เพื่อดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไป

คุณอาจสนใจ