"ชูวิทย์" บุก ป.ป.ช. ยื่นสอบ 4 เรื่อง "ศักดิ์สยาม-ผู้ว่ารฟท." โชว์เผาแบงก์กงเต็กสาปแช่ง โวมีหลักฐานเด็ด “ภูมิใจพัง-ถูกยุบ”

“ชูวิทย์” ยังไล่บี้ “ภูมิใจไทย” บุกยื่น “ปปช.” สอบ “ศักดิ์สยาม” ปมซุกหุ้น เล่นแรงโชว์เผาแบงก์กงเต็กสาปแช่ง โวมีหลักฐานเด็ด “ภูมิใจพัง-ถูกยุบ” ลั่นไปแน่ “บุรีรัมย์” ไม่กลัวถิ่นเนวิน แย้มแผนทำลายเสียง เริ่มทันทีหลังยุบสภา แถมฟาดชิ่งถึง “เศรษฐา” หากบิดพลิ้วอุดมการณ์ เจอแฉ พร้อมยกมือสาบานไม่เอี่ยวฝ่ายไหน จุดยืนสู้ให้ไทย “หมดสิ้นคอร์รัปชัน”



นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ อดีตนักการเมือง เดินทางมาที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันแลปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.)

ทันที ที่มาถึง ได้กางโต๊ะแดง ติดป้านด้านหน้าคำว่า ประชาชน ขนาบหลังด้วยธงชาติไทย พร้อมไวท์บอร์ดสีขาว ติดป้ายมาแถลงข่าว โดยก่อนเริ่ม นายชูวิทย์ ได้นำแบงก์กงเต็กมาเผา พร้อมระบุว่า “ชอบไม่ใช่หรือ เงินเนี่ย จะนำไปใช้ เพื่อให้ตัวเองกลับมาเป็นรัฐบาล เดี๋ยวจะเผาไปให้ จะได้เอาไปใช้ และบอกว่านี่อาจจะมากกว่า 3 หมื่นล้านด้วย ส่วนเหตุผลที่มาเผาหน้าป.ป.ช. เพื่อเป็นสัญลักษณ์ ให้ประเทศไทยหมดสิ้นจากการทุจริตคอร์รัปชัน”



จากนั้น นายชูวิทย์ ได้ยื่นหนังสือถึง นายนิวัติไชย เกษมมงคล เลขาธิการป.ป.ช. ดำเนินการตรวจสอบจำนวน 4 เรื่อง นอกจาก ขอให้ตรวจสอบ นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม กรณีที่มีการซุกหุ้น หจก.บุรีเจริญคอนสตรัคชั่น ยังยื่นอีก 3 ประเด็น คือ ดำเนินการเอาผิด ผู้ว่าการรถไฟแห่งประเทศไทย ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่กรณีที่ดินเขากระโดง ร้องเรียนนายสุชาติ ตระกูลเกษมสุข 1 ในกรรมการป.ป.ช. ที่มีข้อครหา จากการกระทำของหน้าห้องชื่อย่อ ธ. และ เลขาธิการส.ป.ก. ปล่อยปละละเลยให้บริษัท ช การช่าง ยึดครองที่ดิน

นายชูวิทย์ ระบุว่า ตนหวังว่า เลขาธิการ ปปช จะดำเนินการอย่างสุจริต เที่ยงธรรม และหากต้องการสอบสอบเพิ่มเติม ก็ยินดีให้ข้อมูลทุกเวลา เพื่อให้องค์กร ป.ป.ช.มีความน่าเชื่อถือต่อสังคมไทย จัดการกับสิ่งที่ไม่ถูกกฎหมาย

ทั้งนี้ ชูวิทย์ พูดถึงการยื่นให้ป.ป.ช.ตรวจสอบนายศักดิ์สยาม กรณีที่มีการซุกหุ้น ซึ่งเป็นบริษัทในการดูแลของตระกูลชิดชอบ แต่กลับชนะประมูลงานของกระทรวงคมนาคม ที่นายศักดิ์สยาม เป็นเจ้ากระทรวง  โดยนำกำไรที่ได้จากการประมูล จำนวน 5 ล้านบาท ไปบริจาคให้กับพรรคการเมือง  โดยเฉพาะ 2 บริษัท คือ หจก.บุรีเจริญคอนสตรัคชั่น และ บริษัท บุรีรัมย์พนาสิทธิ์ ที่เป็นคู่เทียบเสนอโครงการในกระทรวงคมนาคม ดังนั้นจากนี้ ตนจะไปยื่นกกต.เพื่อดำเนินการสอบสวน ยุบพรรคภูมิใจไทย ส่วนจะไปเมื่อใด ระบุเพียงว่าจะไปเมื่อพร้อม ฉะนั้น “ระวังไว้เถอะครับ พรรคภูมิใจพัง จะถูกยุบ ก่อนการเลือกตั้งครั้งนี้ เพราะหากเลือกตั้งไป ได้ ส.ส.และถูกยุบ พวกนี้จะมีเอกสิทธิ์ สามารถย้ายพรรคได้ “



ส่วนเมื่อถามกรณีที่เคยประกาศจะเริ่มทำลายเสียงพรรคภูมิใจไทยเมื่อไหร่ นายชูวิทย์ กล่าวว่า จะเริ่มเมื่อมีการยุบสภา และมีพระราชกฤษฎาเลือกตั้ง เมื่อนั้นจะดำเนินการ โดยเฉพาะช่วง เม.ย.ตลอดทั้งเดือน ทุกอย่างจะทำเหมือนการหาเสียง มีโต๊ะแถลง และโปสเตอร์หาเสียง ซึ่งระบุจุดยืนชัดเจนในการต่อต้านกัญชาเสรี การทุจริตคอร์รัปชั่น “เมื่อเขาหาเสียงให้เลือกภูมิใจไทย ผมก็หาเสียง อย่าเลือกเขา และผมจะเลือกใช้พื้นที่คุณ สื่อสารกับประชาชน ผมจำเปงต้องใช้วิธีนี้ เพราะตัวคนเดียว ไม่สามารถสู้พรรการเมืองได้”



เมื่อถามว่าจะไปจังหวัดบุรีรัมย์หรือไม่ นายชูวิทย์ ย้ำว่า “ผมไปแน่” และจะไปเคาะประตูบ้านของนายเนวิน ชิดชอบ และนายศักดิ์สยาม ชิดชอบด้วย และบอกว่า “ผมจะกลัวอะไร ผมอายุป่านนี้แล้ว เพื่อบอกว่านี่เป็นที่หลวง ที่สาธารณะ”



นอกจากนี้ยังพูดถึงกรณี นางสุขสมรวย วันทนียกุล เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ที่เคยมีปะทะคารมกันก่อนหน้านี้ นายชูวิทย์ กล่าวว่า สำหรับนางสุขสำรวย ตนไม่ขอพูด แต่ขอกระทำ “คอยเจอผมแล้วกัน ผมจะถล่มอำนาจเจริญ และอุบลราชธานี” เพราะอิทธิพลของนางสุขสำรวย กระทำการแบบไหน ขอให้ประชาชนเป็นผู้ตัดสินในสิ่งที่เกิดขึ้น ตนไม่สามารถต่อสู้อะไรได้ นอกจาก “คุณหาเสียง ผมก็ไปทำลายเสียง”



เมื่อถามถึงกรณีที่เคยออกมาเปิดเผยเรื่องเงินทอนโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม 3 หมื่นล้านบาท ที่คนของพรรคภูมิใจไทย อย่าง นายศุภชัย ใจสมุทร เรียกร้องให้เปิดหลักฐานนั้น นายชูวิทย์ กล่าวว่า เรื่องนี้ ป.ป.ช.ได้สอบถามตนแล้ว พร้อมตั้งคำถามกลับว่า ทำไมตนจึงต้องบอกนายศุภชัย และขอให้ไปแก้ตัวมนกระบวนการสอบสวนของ ป.ป.ช.จะดีกว่า พร้อมพูดถึงกรณีที่กระทรวงคมนาคมให้ยื่นคำชี้แจงภายใน 15 วัน ว่า “เหตุใดตนจึงต้องไปตอบหน่วยงานที่เป็นผู้ร้ายด้วย และขอถามกลับว่ากระทรวงคมนาคม มีหน้าตรวจสอบตั้งแต่เมื่อไหร่”



นายชูวิทย์ กล่าวว่า การตรวจสอบพรรคภูมิใจไทย ไม่ใช่เป็นเรื่องโกรธแค้น แต่ทนไม่ได้ ต้องลุกขึ้นมาตรวจสอบในฐานะประชาชน ทั้งเรื่องการทุจริต และการให้ผลร้ายต่อสังคม จากกัญชาเสรี “พรรคภูมิใจไทย ทำโจ่งแจ้ง ไม่สนกระแส คิดว่าทีกระสุนเยอะ ดังนั้นเป็นการจัดการง่ายที่สุดในทางการเมือง”



ช่วงหนึ่งระหว่างการแถลงข่าว นายชูวิทย์ ยังกล่าวว่า สิ่งที่ตนได้ดำเนินการ ไม่ได้เป็นพวกใคร แต่เป็นพวกของประชาชน พร้อมสาบานต่อสิ่งศักดิ์ ว่า หากผู้ใดที่ได้ผลประโยชน์จากที่ยื่นให้ตรวจสอบ ขอให้เกิดความวิบัติ สิ่งที่จะกระทำทุกอย่างไม่ประสบความสำเร็จ แต่หากผู้ใดทำด้วยใจบริสุทธิ์ ขอให้ผู้นั้น เจริญ ร่างกายสุขภาพแข็งแรงครอบครัวมีความสุข “สิ่งที่ผมทำนั้นยึดถือผลประโยชน์ของประชาชนเป็นที่ตั้ง หากใครมากล่าวหา ก็ขอให้สิ่งศักดิ์ช่วยคุ้มครองผม และให้การกระทำของผมสำเร็จ”



นายชูวิทย์ ยังพูดถึง นายเศรษฐา ทวีสิน ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย ว่า ตนจับจ้องการทำงานของ นายเศรษฐา เพราะมีเบื้องหลังเรื่องเดียวที่สำคัญที่สุด “ผมยังไม่เปิด และมีเอกสารชุดสำคัญชุดหนึ่ง จะเรียกว่า “แบล๊คเมล์” ก็ได้ แต่หากนายเศรษฐา ทำงานช่วยเหลือประชาชน ตนยินดีจะไม่แตะ แต่หากบิดพลิ้ว ไม่มีอุดมการณ์ เมื่อนั้นตนจะเปิดเผยเรื่องนี้ “เรื่องที่เรื่องทางนั่นแหละ”