อาชญากรรม

รวบแก๊งหลอกเด็ก ม.3 ลงทุนออนไลน์ จับได้แล้ว 9 เร่งล่าอีก 2

โดย nattakarn_l

13 ม.ค. 2566

249 views

           พล.ต.ท.วรวัฒน์ วัฒน์นครบัญชา ผู้บัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (ผบช.สอท.) และนายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม  ร่วมกันแถลงข่าวผลการดำเนินการจับกุมขบวนการหลอกลวงนักเรียนชั้น ม.3  อายุ 15 ปี ลงทุนออนไลน์ จนเครียดผูกคอตัวเองเสียชีวิต เมื่อวันที่ 8 มกราคมที่ผ่านมา  

            จากนั้นในวันที่ 10 มราคม ทีมสืบสวนของกองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บช.สอท.)  ประสานข้อมูลกับกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม เพื่อสืบสวนตามเส้นทางการเงินของผู้เสียหาย  พบว่าเงินถูกโอนเข้าบัญชีเงินฝากและมีการโอนต่อเนื่องไปอีกหลายบัญชีในเวลาอันรวดเร็ว  จึงได้รวบรวมพยานหลักฐานเพื่อขออนุมัติศาลจังหวัดนนทบุรีออกหมายจับผู้ต้องหา รวม 11 คน  เป็นคนไทยทั้งหมด



        โดยยอดผู้ต้องหาที่จับได้ ณ ขณะนี้จำนวนทั้งสิ้น 9 ราย ประกอบไปด้วย  กลุ่มผู้ถือบัญชีม้า  6 ราย  คือ น.ส.นภาพร  , น.ส.พบพร, นายสมบูรณ์  ,  นายโอภาส  , นายชนสร  และนายถนอมศักดิ์  

            กลุ่มเจ้าของบัญชี Instragram 1 ราย คือ  นายไพบูลย์  , กลุ่มพ่อค้าเงิน หรือผู้นำเงินไปแลกเป็นคริปโตเคอร์เรนซี 2 ราย คือ นายรัชชานนท์ และนายชัยวัฒน์

            ขณะนี้ยังเหลือผู้ร่วมขบวนการตามหมายจับ ซึ่งเป็นผู้ถือบัญชีม้าอีก 2 ราย กำลังอยู่ในระหว่างการไล่ล่าจับกุม  นอกจากนี้ยังขยายผลพบว่ามีเส้นทางการเงินไปยังประเทศกัมพูชา โดยมีผู้ทำหน้าที่กดเงิน ซึ่งเป็นคนไทยอยู่ในกัมพูชา  เจ้าหน้าที่กำลังเร่งดำเนินการออกหมายจับและไล่ล่าจับกุมต่อไป

           สำหรับขบวนการนี้มีแผนประทุษกรรม คือ จะสร้างบัญชี Instragram ขึ้นมาเพื่อหลอกล่อให้เหยื่อมาทำงาน  ได้เงินด้วยการดูคลิปในออนไลน์เพิ่มยอดวิว  แล้วจะได้เงินตั้งแต่หลักร้อยถึงหลักพัน ซึ่งผู้เสียหายวัย 15 ปีรายนี้  ได้ติดกับและหลงเชื่อทำงานให้ พอถึงระยะหนึ่งก็ถูกหลอกล่อให้ซื้อสินค้าจำนวนกว่า 14,000 บาท  ผู้เสียหายจึงหลงเชื่อแล้วโอนไป  ซึ่งเงินดังกล่าวถูกโอนกระจายผ่านบัญชีม้าถึง 9 แถว โดยใช้เวลาโอนแต่ละบัญชีไม่เกิน 30 วินาที  ก่อนจะไปที่ปลายทางบัญชีในกัมพูชาแล้วมีคนค่อยกดรับ เสร็จแล้วก็นำเงินดังกล่าวไปแปลงเป็นสินทรัพย์ดิจิทัลคริปโตเคอร์เรนซีต่อไป

          ด้าน ผบช.สอท. กล่าวว่า ขบวนการหลอกลวงทางออนไลน์ส่วนใหญ่โดยเฉพาะคดีนี้ เข้าข่ายเป็นการฟอกเงิน  เนื่องจากมีคดีฉ้อโกงประชาชนเป็นมูลฐาน บรรดาผู้ถือยัญชีม้าจึงมีความผิดทั้งหมด  จึงขอฝากเตือนไปยังประชาชนรวมถึงบรรดาคนดังในโลกออนไลน์ว่า การรับงานโฆษณาหรือประชาสัมพันธ์งานที่เข้าข่ายหลอกลวงทางออนไลน์ รวมไปถึงเว็บพนันออนไลน์ ก็ย่อมมีความผิดด้วยเช่นกัน พร้อมทิ้งท้ายว่า คดีนี้จะเป็นคดีบรรทัดฐานสำคัญที่จะปราบปรามอาชญากรรมออนไลน์และจะพยายามไม่ให้เกิดเหตุการณ์สลดครั้งนี้เป็นครั้งที่สองอีก

          ด้านรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม  เปิดเผยว่า เหตุการณ์ครั้งนี้เป็นเหตุสลดและขอแสดงความเสียใจไปยังครอบครัวผู้เสียหายด้วย ย้ำว่าเหตุการณ์เช่นนี้ไม่ควรจะเกิดขึ้นอีก  ต้องขอบคุณทางตำรวจไซเบอร์ที่เร่งดำเนินการจับกุมได้ทั้งขบวนการ  ยอมรับว่าขณะนี้ยังมีปัญหาเรื่องข้อกฎหมายที่อ่อนและทำให้การทำงานของตำรวจขาดประสิทธิภาพ รัฐบาลจึงเตรียมที่จะยกร่างพระราชกำหนดป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี  เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของเจ้าหน้าที่ในการป้องกัน ปราบปราม และสอบสวนการกระทำความผิดทางเทคโนโลยีได้อย่างมีประสิทธิภาพ  พร้อมฝากเตือนบรรดาผู้ถือบัญชีม้าที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการกระทำความผิด  โดยเฉพาะอาชญากรรมทางเทคโนโลยี  เช่น หลอกลวงฉ้อโกงประชาชน ว่าทุกคนจะถูกดำเนินคดีทั้งหมดโดยไม่มีละเว้น หากมีการตรวจสอบเส้นทางการเงินไปถึง  ซึ่งสามารถดำเนินการได้อย่างรวดเร็วในปัจจุบัน นอกจากนี้ยังเตรียมประสานความร่วมมือกับหน่วยงานต่างประเทศ  เพื่อแก้ปัญหาอาชญากรรมทางเทคโนโลยีในลักษณะนี้และจะเร่งให้ความรู้แก่ประชาชน โดยเฉพาะพ่อแม่เด็กและเยาวชนให้รู้เท่าทันและตระหนักถึงข้อมูลในโลกออนไลน์  ที่มีทั้งข้อมูลจริงและเท็จ ต้องใช้วิจารณญาณให้มากในการเสพข้อมูล เพื่อป้องกันการตกเป็นเหยื่อของอาชญากรรมทางเทคโนโลยีต่อไป


คุณอาจสนใจ

Related News