ชูวิทย์มอบหลักฐานคดีตู้ห่าวให้อัยการสูงสุด แฉแก๊งคนจีนพยายามหลบหนี

              เมื่อเวลา 11.00 น. นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์   เดินทางไปที่สำนักงานอัยการสูงสุด   เพื่อนำหลักฐานเข้าให้ถ้อยคำกับคณะทำงานอัยการสูงสุด ในคดีนายตู้ห่าว ตามที่คณะทำงานอัยการสูงสุดเรียกนายชูวิทย์เข้ามาให้ข้อมูล

            นายชูวิทย์ กล่าวว่า ประเด็นที่ตนจะให้ข้อมูลและหลักฐานกับคณะทำงานอัยการสูงสุด  จะเน้นไปที่ 2 เรื่อง ได้แก่  เรื่องการตั้งข้อหาสมคบฟอกเงิน โดยได้นำเอกสารมาให้อัยการเห็นถึงเส้นทางการเงิน  ซึ่งนายชูวิทย์ ยืนยันว่า ต้องรีบดำเนินคดีนายตู้ห่าวในข้อหานี้ เพราะหากยิ่งช้า ก็จะเป็นการปล่อยเวลาให้โยกย้ายถ่ายเททรัพย์สินได้  เพราะถึงแม้นายตู้ห่าวจะอยู่ในเรือนจำ แต่จากแผนผังเส้นทางการเงินที่ตนมี จะเห็นว่ามีนอมินีและบุคคลอีกมากในขบวนการนี้  ซึ่งเส้นทางการเงินที่ตนนำมาแถลงข่าวเมื่อวานนี้ เป็นแค่ส่วนหนึ่งของทั้งหมดเท่านั้น

           ส่วนอีกประเด็น คือ เรื่องอำนาจการสั่งคดี  ตนไม่ต้องการให้ผู้บัญชาการตำรวจนครบาลในฐานะหัวหน้าพนักงานสอบสวนเป็นผู้สั่งคดีเอง โดยช่วงเช้าที่ผ่านมา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้โทรศัพท์มายืนยันกับตนแล้วว่า จะเป็นผู้เซ็นสั่งคดีแทนผู้บัญชาการตำรวจนครบาลเอง  ซึ่งตนยืนยันว่า ไม่ได้ต้องการทำให้ใครหลุดจากตำแหน่ง  แต่สิ่งที่ตนพูดจะเป็นประโยชน์เพื่อไม่ให้คนที่คิดจะทำร้ายประเทศด้วยการสนับสนุนกลุ่มจีนเทา กลุ่มชาวต่างชาติ ให้มาค้ายาเสพติดในแผ่นดินไทย และย้ำว่า หากผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ตั้งข้อหาสมคบฟอกเงินตั้งแต่แรก เรื่องก็จะไม่บานปลาย และการทำคดีทั้งหมดที่มีความสะเพร่าทั้งหมดที่เกิดขึ้น ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ในฐานะหัวหน้าคณะพนักงานสอบสวนต้องรับผิดชอบเองทั้งหมด

           นายชูวิทย์ ยังเปิดเผยอีกว่า ช่วงตีห้าที่ผ่านมา  ได้รับข้อมูลมาว่า กลุ่มคนจีนที่กักอยู่ในสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองและคนจีนที่พบตัวในวันค้นผับจินหลิง แต่ไม่ได้ถูกดำเนินคดี  เพราะตรวจปัสสาวะไม่พบสารเสพติด  กลุ่มคนจีนเหล่านี้กำลังเจรจากับสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองว่า จะยอมจ่ายคนละ 5 ล้านบาท  เพื่อให้ปล่อยตัวออกมาและจะเช่าเครื่องบินเหมาลำไปลงที่กรุงพนมเปญ  ประเทศกัมพูชา เนื่องจากไม่กล้ากลับประเทศจีน เพราะมีคดียาเสพติด  ตนจึงขอเตือนไปยังสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองว่า ให้คิดให้ดีหากจะรับเงินจากคนจีน เพราะตนมีข้อมูลสำเนาพาสปอร์ตของคนจีนทุกคน

             นายชูวิทย์ ยังกล่าวด้วยว่า ไว้ใจคณะทำงานอัยการสูงสุดชุดนี้มาก  เพราะไม่มีประวัติแปดเปื้อน  แต่หากในอนาคตมีอะไรไม่ชอบมาพากล  ตนก็ยังมีไม้ตาย ซึ่งยังไม่ขอเปิดเผย ทั้งนี้ ยืนยันว่าการกระทำของตนไม่มีเบื้องหลัง  แม้จะไม่ใช่หน้าที่  แต่เมื่อมีหลักฐานตกมาอยู่ในมือ  ก็ต้องทำให้สังคมเห็น และงานนี้ตนไม่ได้ขู่ พร้อมล้มกระดาน เพราะจะเป็นงานสุดท้ายที่ทำแล้ว