สังคม

กำลังพลเล่านาที 'เรือหลวงสุโขทัย' อับปาง เพื่อนลอยน้ำหายต่อหน้า - แม่ตามหาลูกที่เพิ่งติดยศเมื่อกลางปี

โดย nattachat_c

20 ธ.ค. 2565

5.6K views

จากกรณีที่เรือหลวงสุโขทัยอับปางจากคลื่นลมแรง สาเหตุจากเครื่องไฟฟ้าดับ ขณะกำลังลาดตระเวนอยู่บริเวณแบริ่ง 090 ระยะ 20 ไมล์ จากท่าเรืออำเภอบางสะพาน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ทำให้มีน้ำทะเลบางส่วนไหลเข้าระบบเครื่องไฟฟ้าผ่านท่อไอเสียข้างเรือ แล้วเครื่องไฟฟ้าดับ เครื่องจักรใหญ่หยุดทำงานเป็นเหตุให้เรือไม่สามารถควบคุมเรือได้ และทำให้น้ำเข้าภายในตัวเรืออย่างรวดเร็วจนทำให้เรือเอียงในเวลาต่อมา ก่อนจะมีการเปิดเผยว่า เมื่อเวลา 23.46 น. วันที่ 18 ธ.ค. เรือหลวงสุโขทัยได้จมลงใต้ผิวน้ำแล้ว เนื่องจากมีน้ำเข้าเรือเป็นจำนวนมาก


มีคลิปเหตุการณ์ขณะที่เรือกำลังเอียง ท่ามกลางความมืดมิด มีกำลังพลจำนวนมากซึ่งทั้งได้ใส่ชูชีพและไม่ได้ใส่ กำลังเกาะด้านกราบขวาเรือ 


ส่วนอีกคลิป เป็นภาพที่กำลังพลลอยคอกลางทะเล โดยใส่ชูชีพอยู่ 


จ.ท.ภัทราวุฒิ มาราม ลูกเรือเรือหลวงสุโขทัย กล่าวว่า ได้รับบาดเจ็บฟกซ้ำที่ใบหน้าและมีบาดแผลที่แขนทั้งสองข้าง จากเหตุชุลมุน ช่วงที่น้ำเข้าเรือจนเรือเอียง คลื่นซัดเรือจนเรือโยนไปมา


ทั้งนี้ เรือหลวงกระบุรี พยายามจะเข้าให้การช่วยเหลือแต่ไม่สามารถทำได้ เพราะคลื่นแรงจนเรือกระแทกกัน ต้องรอจนเรือจมจึงจะช่วยเหลือลูกเรือได้สำเร็จ คลื่นสูง 4-5 เมตร ตนรับราชการมาเกือบ 2 ปี ครั้งนี้ถือเป็นครั้งที่คลื่นลมแรงที่สุดเท่าที่เคยเห็นมา


ด้าน พ.จ.อ.ธวัชชัย เตระวัตร ลูกเรือหลวงสุโขทัย กล่าวด้วยว่า ตัวเองบาดเจ็บ นิ้วมือข้างขวาหัก ชาที่แขน เบื้องต้นอาการปลอดภัยแล้ว โดยช่วงเกิดเหตุ ได้พยายามลงไปปิดประตูผนึกเพื่อไม่ให้น้ำเข้าเรือ ขณะนั้นน้ำท่วมถึงอก เรือใกล้จมแล้ว ตนได้พยายามช่วยเพื่อนได้ 4 คน ขณะเกิดเหตุคลื่นแรงทำให้ต้องกระแทกกับเรือ จนบาดเจ็บดังกล่าว


จนสุดท้าย ผู้การเรือ ได้ใช้ไฟสุดท้าย ประกาศให้ทุกคนสละเรือ ทุกคนโดดลงจากลงเรือ บางคนไม่มีชูชีพ ก็ต้องว่ายน้ำมือเปล่า ตนเองมีชูชีพก็ต้องไปช่วย มือนึงให้อีกคนเกาะ มือขวาให้เพื่อนเกาะอีก 3 คน แต่สุดท้ายมือทั้งสองข้างหมดแรง จนทุกคนได้กระจัดกระจายไป 


ตอนที่ผู้การเรือตัดสินใจว่าจะเอาเรือกลับไปสัตหีบ เพราะไปต่อไม่ได้ ก็มีการประเมินว่าคลื่นน่าจะสูง 4 เมตร แต่ปรากฎว่ามันสูงกว่านั้น เลยเกิดเหตุการณ์นี้ขึ้น


พันจ่าเอกสมศักดิ์ สิทธิทูล ซึ่งเจ้าตัวได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย พกช้ำจากการถูกกระแทกจากคลื่นสูง ปิดเผยว่า เส้นทางการเดินเรือหลวงสุโขทัย เริ่มออกเดินทางจากท่าเรือสัตหีบเมื่อวันที่ 17 ธ.ค. เวลาประมาณ 17.00 น. ซึ่งออกเดินทางไปเพื่อที่จะร่วมงาน 100 ปี กรมมาหลวงชุมพรที่ จ.ชุมพร


กระทั่งวันที่ 18 ธ.ค. เวลาประมาณ 08.00 น. เดินทางไปถึงปลายทางเพื่อร่วมงาน แต่หลังจากนั้นเรือไม่สามารถเทียบจอดบริเวณจุดดังกล่าวได้ จึงได้มีการเคลื่อนเรือหลวงสุโขทัยเพื่อที่จะมาเทียบจอดบริเวณท่าเรือบางสะพาน ทันทีที่มาถึงไม่สามารถเข้าเทียบได้ ผู้การเรือจึงได้มีการประเมินสถานการณ์และนำเรือกลับไปยังท่าเรือสัตหีบ ระหว่างที่เดินทางกลับนั้นปรากฏว่าเกิดคลื่นลมทะเลสูง จนทำให้เรือได้รับอุบัติเหตุ โดยมีน้ำไหลทะลักเข้าเรือ


แต่ด้วยระบบของเรือหากระบบสูบน้ำใช้การไม่ได้ จะมีระบบประตูลิ้นกันกลับ ทำหน้าที่ในการปิดประตูเหมือนวาล์วน้ำ เมื่อมีการหมุนปิดประตูดังกล่าวแล้วจะเป็นการเสริมให้ตัวกลับเรือมีความแข็งแรงมากขึ้น ชื่อว่าแรงดันน้ำที่เข้ามาอย่างรวดเร็ว จึงทำให้ปิดประตูไม่ทัน น้ำจึงทะลักเข้าในส่วนของรูต่างๆ ของเรือ


ส่วนตัวหลังจากที่ได้รับฟังประกาศครั้งสุดท้ายจากผู้การเรือ ก็ได้มีการสวมใส่ชูชีพ และกลุ่มเพื่อนที่อยู่ด้วยกันอีก 2 คน ก็มีเสื้อชูชีพสวมใส่ แต่ด้วยในวันดังกล่าวมีจำนวนกำลังพลเพิ่มขึ้นในเรือ เนื่องจากมีทหารนาวิกขอขึ้นเรือเพื่อเดินทางกลับไปด้วย จึงทำให้จำนวนชูชีพไม่เพียงพอ


ดังนั้นจำนวนชูชีพเดิมประมาณ 70 ชิ้น จึงพอสำหรับบุคลากรหรือลูกเรือหลัก เมื่อตัดสินใจที่จะทิ้งเรือ จึงทำให้บางคนมีชูชีพบางคนไม่มีชูชีพ แต่ในกลุ่มของตนเองพยายามที่จะจับกลุ่มเป็นกลุ่มใหญ่ และจับมือกันเป็นวงกลม อย่างน้อยก็ไปไหนไปด้วยกัน และที่สำคัญ เวลาที่เรือที่มาช่วยเหลือรวมถึงเฮลิคอปเตอร์ที่บินสำรวจจะได้มองเห็นชัด แต่ในบรรดาคนที่จับมือกันเป็นวงกลม 12 คนในกลุ่มของตนเอง พบว่าในขณะนั้น มีน้องคนที่ไม่ได้สวมใส่ชูชีพ คาดว่าน่าจะสำลักและหมดสติ จนกระทั่งหลุดหายออกจากกลุ่ม


ทุกคนกพยายามดีดตัวให้ออกห่างจากเรือให้มากที่สุด แต่อุปสรรคก็คือเรื่องของความมืด ที่แทบจะมองไม่เห็นอะไร นอกจากแสงไฟจากชูชีพ


พลทหารรายหนึ่ง เล่าถึงวินาทีชีวิต ว่า ตอนเกิดเหตุ มีคลื่นสูงซัดเข้ามาที่เรือ ตอนนั้นทุกคนยังพอตั้งหลักได้ แต่ไม่ถึง 2 นาทีต่อมา ก็มีคลื่นลูกที่ 2 ตอนนั้นทุกคน รวมถึงตนเองตั้งหลักไม่ได้ รู้ตัวอีกที ลอยคออยู่กลางทะเล โดยไม่มีชูชีพ ก่อนที่จะเกาะกลุ่มคนมีชูชีพไปขึ้นเรือหลวงกระบุรี ซึ่งเพื่อนๆ บางส่วนก็ไม่มีชูชีพ ทำให้ลอยห่างกันไป ซึ่งก่อนหน้านี้มีคนบอกกับตัวเองเรื่องเสื้อชูชีพว่า ต้องมีบางคนที่เสียสละ มีพื่อนสนิทอีก 2 คน หายไปต่อหน้าต่อตา ตอนนี้ยังหาไม่เจอ ตนได้แต่ภาวนาให้เจอเพื่อนทั้ง 2 โดยเร็ว และปลอดภัย เพราะทั้งคู่ไม่ได้สวมชูชีพ


ส่วนพลทหารอีกนาย เกือบถูกเรือหลวงสุโขทัยดูดขณะกำลังจะจม และพยามตะเกียกตะกายออกมาทั้งที่ขาเจ็บ โดยบอกว่า ตอนเกิดเหตุ ตนเกาะอยู่ที่กาบเรือ แต่จู่ๆ มีคลื่นอีกลูกหนึ่ง ซัดคนหายไปต่อหน้าต่อตา ตกเรือไปหมด รวมถึงตนเอง ตอนนี้ควบคุมสติไม่ได้ แต่ดีที่มีคนที่มีชูชีพ มาให้ตนเกาะเป็นกลุ่ม และบอกให้ตั้งสติ และค่อยๆ ว่ายเข้าไปที่เรือหลวงกระบุรี ตอนนี้เป็นห่วงเพื่อนๆ ของตนที่ยังหาไม่เจอ เพราะเพื่อนถูกคลื่นซัดหายไปต่อหน้าต่อตา และก็ว่ายน้ำไม่เป็น ส่วนอีกคนก็ศีรษะแตก


ในส่วนของญาติพลทหารที่ประสบเหตุ วานนี้ ก็มีการมาตามหาที่ท่าเรือ อย่างเช่น คุณแม่ของ จ่าตรี สถาพร สมเหนือ  เดินทางมาจากจังหวัดสมุทรปราการ พร้อมกับครอบครัว มารอที่ท่าเทืยบเรือ หลังจากทราบข่าวว่า มีการช่วยเหลือทหารที่ประสบเหตุมาได้ 1 นาย


แม่เล่าว่า ลูกชายพึ่งติดยศเมื่อช่วงกลางปี รักอาชีพทหารมาก วันเกิดเหตุ ช่วงหกโมงเย็น ลูกไลน์มาบอกว่า แม่น้ำเข้าเรือ ตอนนั้นแม่ก็บอกว่าขอให้ปลอดภัยและคิดว่าคงไม่เป็นอะไร และขาดการติดต่อ ไม่สามารถติดต่อลูกชายได้ เมื่อดูข่าว ก็ตามหารายชื่อคนที่ช่วยมาได้ ไม่มีชื่อลูก และไม่รู้ต้องไปถามหาหรือสอบถามใคร พบมาแต่มาทราบข่าวว่ามีการช่วยได้ 1 คน ก็หวังว่า จะเป็นลูก จึงเดินทางมา ซึ่งแม่และครอบครัวบอกว่า ไม่รู้ว่าต้องไปที่ใด ประสานใคร ตอนนี้ได้แต่ภาวนาให้ลูกแม่ปลอดภัย


รับชมผ่านยูทูบ : https://youtu.be/gWYqszKkDeE

คุณอาจสนใจ

Related News