กสทช.เคาะงบ 600 ล้าน ซื้อลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสดบอลโลก - หอการค้า เชื่อเงินสะพัด 7.5 หมื่นล้าน

เมื่อวานนี้ (9 พ.ย.) นายไตรรัตน์ วิริยะศิริกุล รักษาการแทนเลขาธิการคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (รักษาการแทน เลขาธิการ กสทช.) กล่าวว่า ที่ประชุม กสทช. โดยกรรมการเสียงข้างมาก มีมติอนุมัติสนับสนุนเงินงบประมาณแก่การกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.) เพื่อการถ่ายทอดสดการแข่งขันฟุตบอลโลกรอบสุดท้าย (FIFA World Cup Final) 2022 ตามจำนวนค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นจริง แต่ทั้งนี้ภายใต้กรอบวงเงินงบประมาณ 600 ล้านบาท โดยให้คณะกรรมการบริหารกองทุนวิจัยและพัฒนากิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม เพื่อประโยชน์สาธารณะ (กองทุน กทปส.) และสำนักงาน กสทช. ดำเนินการตามระเบียบต่อไป

นายไตรรัตน์ กล่าวว่า  กสทช. โดยกรรมการเสียงข้างมาก อนุมัติเงินจากกองทุน กทปส. 600 ล้านบาท (รวมภาษีและอากรอื่นใด) เพื่อให้คนไทยทุกคนสามารถรับชมการถ่ายทอดสดฟุตบอลโลก 2022 ทั้ง 64 นัด ผ่านฟรีทีวีทุกแพลตฟอร์ม เพื่อส่งเสริมและคุ้มครองสิทธิของคนพิการ ผู้มีรายได้น้อย และคนด้อยโอกาสให้เข้าถึงหรือรับรู้และใช้ประโยชน์จากรายการของกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์ได้อย่างเสมอภาคกับบุคคลทั่วไป  

ทางด้าน ดร.ก้องศักดิ์ ยอดมณี ผู้ว่าการการกีฬาแห่งประเทศไทยหรือ กกท. หลังจากทราบมติที่ประชุม ยอมรับว่าหนักใจ  ตอนแรกคาดว่าจะได้มากกว่านี้  แต่ก็จะพยายามทำอย่างเต็มที่ในการหาเงินมาเพิ่มให้ครบภายในเวลาที่เหลืออยู่ไม่กี่วัน   ก่อนหน้านี้ได้พูดคุยกับหน่วยงานเอกชนบางเจ้าแล้ว แต่ก็ต้องดูว่าแต่ละเจ้าจะสนับสนุนได้เท่าไหร่  

ทั้งนี้ มีรายงานว่า เหตุที่ถูกโก่งราคาลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสดฟุตบอลโลกเพราะมีกฎ Must have และ Must carry

ด้วยเหตุนี้ทำให้ มาดามเดียร์ นางสาววทันยา บุนนาค อดีตผู้จัดการทีมชาติไทยชุดยู 23 และอดีต ส.ส.บัญชีรายชื่อ และประธานคณะทำงานนวัตกรรมการเมืองกรุงเทพฯ พรรคประชาธิปัตย์ ออกมาแสดงความเห็นถึงเรื่องกฎ Must Carry ว่า กฎนี้เป็นการบิดเบือน แทรกแซงกลไกตลาดในการซื้อลิขสิทธิ์ ทำให้เอกชนไม่อยากมาลงทุนเพราะทำไปก็ไม่คุ้ม

กฎ Must Carry ทำออกมาคู่กับกฎ Must Have ซึ่งกฎ Must Have ทำออกมาเพื่อใช้ในการถ่ายทอดสดทางทีวี ดูฟรี ส่วน Must Carry กำหนดให้ถ่ายทอดทุกแพลตฟอร์ม ดูได้ทั้งออนไลน์ เสาอากาศ ทีวีดาวเทียม เคเบิล ออกมาเพื่อป้องกันจอดดำ 

ซึ่งตรงนี้ทำให้เอกชนไม่ลงทุน อย่างเช่น ทางออนไลน์หรือเคเบิล เพราะไม่รู้จะจ่ายเงินไปเพื่ออะไร  รอให้รัฐบาลไปซื้อแล้วค่อยนำมาแพร่ภาพในแพลตฟอร์มของตนตามกฎ Must Carry 

มาดามเดียร์บอกอีกว่า กฎ must carry ที่ออกมาคือการขว้างงูไม่พ้นคอ ออกกฎมาเพื่อป้องกันสิทธิ์ประชาชน แต่สุดท้ายก็ต้องเอาเงินประชาชนมาซื้อลิขสิทธิ์ แถมซื้อแพงกว่าชาติอื่นด้วย

ด้าน นายธนวรรธน์ พลวิชัย อธิการบดีมหาวิทยาลัยหอการค้าไทยและประธานที่ปรึกษาศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยผลสำรวจพฤติกรรมการใช้จ่ายในช่วงการแข่งขันฟุตบอลโลก 2022 ว่า คาดว่า หากมีการถ่ายทอดสด จะมีเงินสะพัด 75,815  ล้านบาท เพิ่มขึ้น 24.2 % แต่ลดลงเมื่อเทียบกับเทศกาลบอลโลกเมื่อปี 2018 ที่มีเงินสะพัด 76,897 ล้านบาท  

แบ่งเป็นวงเงินที่ใช้จ่ายถูกต้องตามกฎหมาย เช่น ซื้อสินค้าอุปโภคบริโภค ออกไปสังสรรค์ ซื้อเครื่องใช้ไฟฟ้า อุปกรณ์รับสัญญาณ ซื้อเสื้อบอล การแต่งตัว 18,561 ล้านบาท   อีกส่วน 57,253 ล้านบาท เป็นเงินนอกระบบหรือพนันบอล ซึ่งมากกว่าเม็ดเงินในช่วงฟุตบอลยูโร ปี 2020 แต่ยังต่ำกว่าช่วงบอลโลกปี 2018

รับชมผ่านยูทูปได้ที่ : https://youtu.be/ZFb1r6cdQKM