บุกจับ 'สปาขายบริการ' เปิดคลินิกบังหน้า อดีต พนง.เผย แปลกใจหมอนวดแก้ผ้า-นวดแนบชิด

กองปราบฯ สนธิกำลังบุกค้นสปาแห่งหนึ่ง ย่านซอยนวลจันทร์ 26 หลังพบข้อมูลเบาะแสว่ามีการค้าประเวณีโดยเปิดเป็นสปาและคลินิกบังหน้า

ตำรวจกองปราบปรามฯ สนธิกำลัง ตำรวจปราบปรามการค้ามนุษย์ (ปคม.), ปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค (ปคบ.) และปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (ปอท.) นำหมายค้นและหมายจับพร้อมคุมตัวเจ้าของสปา เข้าตรวจสอบสปาแห่งหนึ่งภายในซอยนวลจันทร์ 26 หลังได้รับเบาะแสว่า สปาแห่งนี้ค้าประเวณี ซึ่งลักษณะเป็นอาคารพาณิชย์ 4 ชั้น ด้านหน้ามีป้ายชื่อคลินิกและเลขที่ใบอนุญาต ติดอยู่หน้าอาคาร ซึ่งเจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการตรวจสอบ ว่าเลขที่ใบอนุญาตถูกต้องตามกฎหมายหรือไม่

พันตำรวจเอกสุรพงษ์ ชาติสุทธิ รองผู้บังคับการตำรวจ ปคม. เปิดเผยว่า จากการรวบรวมพยานหลักฐานศาลสามารถอนุมัติหมายจับเจ้าของคลินิกในข้อหาจัดให้มีการค้าประเวณี แต่จากการสอบปากคำตัวเจ้าของร้าน ยังให้การภาคเสธ อ้างไม่รู้ว่ามีการค้าประเวณีในคลินิกตัวเอง

รองผู้การฯ ปคม. กล่าวอีกว่า การค้าประเวณีในลักษณะนี้ เป็นการใช้แพลตฟอร์มในโลกออนไลน์และหาสถานที่ตามที่นัดหมาย โดยหญิงสาวที่ขายบริการ จะมีการรับงานผ่านนายหน้าและทางเว็บไซต์ ซึ่งจากการตรวจสอบ พบว่าผู้ที่เคยไปใช้บริการจะสามารถเข้ามารีวิวได้

เบื้องต้นจากการตรวจสอบพบว่ามีหญิงสาวค้าประเวณีมากกว่า 2 คน นอกจากใช้สถานที่เป็นสปาแห่งนี้แล้ว ยังใช้คอนโดอีกแห่งหนึ่ง ย่านพระราม 9 ทำในลักษณะเดียวกัน ซึ่งต้องสอบปากคำผู้ที่เกี่ยวข้องเพิ่มเติมและดูพยานหลักฐาน ว่ามีความเกี่ยวข้องกับคลินิกเวชกรรมแห่งนี้มากน้อยแค่ไหน

ทีมข่าวเที่ยงวันทันเหตุการณ์ ได้ข้อมูลจากอดีตพนักงานของสปาแห่งนี้ พบว่า มีตารางการรับงานของหญิงสาวที่มีการขายบริการของแต่ละคน เรทราคาจะอยู่ที่ 1 ชั่วโมง ราคา 1,500 - 2,000 บาท ซึ่งเส้นทางการเงินทั้งหมด จะไหลเข้าบริษัทสปาแห่งนี้

นายบี อดีตพนักงานของสปา ฝ่ายคอนเทนต์ดีไซน์ ทำหน้าที่ออกแบบอินโฟกราฟิก ภาพโปรโมตและโฆษณาทางสื่อออนไลน์ กล่าวว่า ตอนแรกที่สมัครเข้าไปคิดว่าเป็นคลินิกเวชกรรมเสริมความงาม แต่พอดูคอนเซ็ปต์ในการสั่งให้ทำภาพโปรโมต ก็รู้สึกแปลกใจว่ามีการนวดอโรม่าและให้เน้นการใช้ภาพไปทาง 18+ พอทำไปสักพัก ยิ่งรู้สึกว่ามันแปลกๆ เพราะหมอนวดที่มาทั้งผู้ชายและผู้หญิง ต้องแก้ผ้าและนวดแบบบอดี้ทูบอดี้ จนสุดท้ายมีพนักงานไปเจอถุงยางอนามัยใช้แล้วในห้องนวด นายบีจึงตัดสินใจลาออก นอกจากนี้ยังมีการไม่จ่ายค่าจ้าง ค้างจ่ายอยู่ประมาณ 6 หมื่นบาท

ด้านนายนัฐพล สุขบรรจง ทนายความของคลีนิค กล่าวว่า เบื้องต้นตัวเองเป็นที่ปรึกษากฎหมายดูแลในส่วนของพนักงานเรื่องการจ่ายแรงงานต่างๆ ยอมรับว่าทางคลินิกมีปัญหาทางการเงินที่ต้องเคลียร์ จ่ายเงินเดือนที่ค้างให้พนักงานทำให้มีความล่าช้าจริง ส่วนเรื่องการค้าประเวณีเพิ่งจะทราบเรื่องวันนี้พร้อมกับนักข่าว ซึ่งที่ผ่านมาตัวเองก็ไม่รู้ข้อมูลว่ามีการค้าประเวณีกันจริงหรือไม่ แต่คาดว่าอาจเป็นไปได้ที่พนักงานจะขายบริการกันเองโดยที่คลินิกไม่รู้