สังคม

นักธุรกิจมาเลย์ แจ้งความ ถูกแก๊งชายอ้างเป็นตำรวจอุ้มขึ้นรถ แต่หวั่นไม่ปลอดภัยกระโดดหนีทัน

โดย paranee_s

26 ต.ค. 2565

150 views

กลุ่มชายฉกรรจ์อ้างตัวเป็นตำรวจบุกจับกุมนักธุรกิจชาวมาเลเซีย โดยไม่แสดงหมายจับหรือบัตรตำรวจ และพาขึ้นรถ แต่ตัวเองกลัวจะไม่ปลอดภัยจึงกระโดดหนีทัน ก่อนร้องเรียนกับทนายและเข้าแจ้งความ


วันนี้ (26 ตุลาคม 2565) นักธุรกิจชาวมาเลเซีย พร้อมทั้งทนายความเข้าพบพนักงานสอบสวน เพื่อแจ้งความกับกลุ่มคนที่อ้างตัวเป็นตำรวจเข้าจับกุมตนที่บ้านพักตอนตนเองนั่งสูบบารากุ ต่อหน้าลูกและภรรยา แต่ตนได้กระโดดหนีลงจากรถได้ เนื่องจากกลัวไม่ปลอดภัย เพราะไม่รู้ว่า กลุ่มคนดังกล่าวเป็นใคร และไม่ได้แสดงบัตรว่าเป็นตำรวจ


ซึ่งเหตุการณ์ดังกล่าว เกิดขึ้นช่วงค่ำของวันที่ 19 ตุลาคม 2565 ซึ่งหลังจากกลุ่มชายดังกล่าวเอาตัวของตนเองไป ภรรยาได้ติดต่อไปที่สภ.สะเดา สอบถามว่าสามีถูกจับมา แต่สุดท้ายแล้ววันนั้นไม่มีใครรู้เรื่องเลย จนมาทราบกับสามีว่า สามีได้กระโดดลงจากรถ หนีมาได้


หลังจากนั้นก็ถูกเพื่อนชาวมาเลเซียข่มขู่ว่าอย่าเอาเรื่องกับชายกลุ่มดังกล่าว เพราะเดี๋ยวจะทำให้ชาวมาเลเซียที่ทำธุรกิจในอ.สะเดาจะลำบากไปด้วย


แต่ตนกลัวความปลอดภัยจึงได้ติดต่อทนายและมาเข้าพบพนักงานสอบสวนสภ.สะเดาเพื่อดำเนินคดีกับกลุ่มชายดังกล่าว พร้อมด้วยภาพกล้องวงจรปิดที่เป็นหลักฐานเหตุการณ์ทั้งหมด


ส่วนภาพในกล้องวงจรปิดนั้นจะเห็นได้ว่า มีรถกระบะคันหนึ่งวิ่งมาจอดหน้าบ้านและมีชายสองคนเดินรถจากรถมีการพูดคุยกัน สักพักชายทั้งสองคนก็คุยตัวผู้เสียหายขึ้นรถไปต่อหน้าลูกและภรรยาของผู้เสียหาย โดยลูกของผู้เสียหายร้องไห้ตลอดเวลา


ส่วนนายพงศธร สุวรรณรักษา ทนายเปิดเผยว่าเรื่องนี้ ผู้เสียหายเป็นนักธุรกิจชาวมาเลเซียที่มีภรรยาคนไทย และมีบุตรร่วมกัน เข้าร้องเรียนว่า ขณะที่ตนเองนั่งอยู่หน้าบ้านสูบบารากุ (เครื่องสูบของชาวอาหรับ) ถูกบุคคลสองคนอ้างว่าเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าควบคุมตัวกับเพื่อนอีกคนขึ้นรถ โดยไม่แสดงตัวเป็นเจ้าพนักงานไม่แจ้งข้อหาที่ถูกจับ ไม่แจ้งสิทธิตามกฎหมาย


ในคลิปลูกร้องน่าสงสารต่อมาภรรยาชาวไทยได้ติดตามมาที่สภ. สะเดา แต่ก็พบว่าไม่ได้ถูกนำตัวมาที่ สภ. โดยผู้เสียหายชาวมาเลเซียบอกว่าตนเองกระโดดหนีจากรถเนื่องจากกังวลความปลอดภัย ไม่รู้ว่าเป็นฝ่ายไหนจะนำตนเองไปที่ไหน


วันนี้จึงพาผู้เสียหายมาร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวนสภ. สะเดาเพื่อดำเนินคดีกับบุคคลที่อ้างตัวเป็นเจ้าพนักงานตำรวจทั้งสองคน และส่งมอบพยานหลักฐานแก่พนักงานสอบสวนทั้งหมด พร้อมทั้งกำชับให้คำมั่นกับผู้เสียหายว่าขอให้เชื่อในความยุติธรรมตำรวจที่ดีมีมากกว่าตำรวจที่ไม่ดี


คุณอาจสนใจ

Related News