สรุปข่าว

เรื่องเล่าหน้าหนึ่ง 20 ต.ค.65 นักวิชาการชี้พฤติกรรมศรีสุวรรณ-รวบลุงศักดิ์คดีตบแรมโบ้-โตโน่ถึงนครพนม

โดย thichaphat_d

20 ต.ค. 2565

55 views

-ตำรวจกองปราบบุกรวบ ชายวัย 62 ที่ชกศรีสุวรรณ คาลานจอดรถช่อง 3 ตามหมายจับเก่าคดีตบ แรมโบ้อีสาน เจ้าตัวควัก 4 หมื่นประกันตัวในชั้นสอบสวน โต้ข่าวได้เงินบริจาค 6 ล้านบาท พร้อมให้สื่อตรวจสอบยอด ยืนยันไม่ชอบความรุนแรง แต่ต้องทำบ้าง ก่อนโชว์ลีลาชกมวยโชว์

-แก๊งค้ายาเหิม ยกพวกกว่า 20 คน พร้อมอาวุธครบมือบุกชิงยาบ้า จากชุดปฏิบัติการพิเศษฝ่ายปกครอง จ.สงขลา ขณะทำการล่อซื้อ ได้ยาบ้าของกลาง 10 มัด ปืนประจำกาย 5 กระบอก มือถือ 4 เครื่อง พร้อมรถเก๋งขับหลบหนี ตำรวจตั้งประเด็นหวังชิงตัวผู้ต้องหาด้วยหรือไม่

-โตโน่ ภาคิน ถึง จ.นครพนม ลงเรือหางยาวสำรวจน้ำโขง ท่ามกลางกระแสน้ำที่แรง และมีลมหนาว มั่นใจมีความพร้อม ทั้งร่างกาย และ จิตใจ 100 เปอร์เซ็นต์ ไม่กังวลกระแสดราม่าที่ถาโถม เชื่อทำวามดีครั้งนี้ จะผ่านพ้นไปด้วยดี ลุยว่ายตามกำหนดการเดิม 22 ตุลาคมนี้

-หนุ่มโพสต์เตือนภัย ถูกบิ๊กไบก์ชนท้ายรถ คาดเป็นมิจฉาชีพ หลังประกัน – ร้อยเวรชี้คนขี่บิ๊กไบก์เกิดอุบัติเหตุย่านรังสิต – ปทุมธานี ถี่ยิบ เดือนที่แล้วได้เงินเคลมประกันกว่า 6 แสนบาท ผู้เสียหายอีกราย งัดวงจรปิดแฉ หนุ่มบิ๊กไบก์คนเดียวกันนี้ ขี่เหมือนตั้งใจชนท้าย ก่อนเรียกค่าเสียหาย ทั้งที่รถแทบไม่มีรอย ทำประกันตนดึงเช็ง แต่คู่กรณีส่งจดหมายจากทนายขู่ฟ้อง แจ้งตำรวจไร้ผล เลยยอมจ่าย 5 พันจบเรื่อง

-เร่งล่าตัวพลทหาร นักโทษค้ายาบ้า แหกคุกค่ายสุรศักดิ์มนตรี จังหวัดลำปาง แล้วไปชิงจักรยานยนต์ชาวบ้านขี่หลบหนี ยายวอนหลานมอบตัว ขอให้เห็นใจพ่อแม่ หลังเกิดเรื่องเป็นลมไปแล้วหลายรอบ เจ้าของมอเตอร์ไซค์สุดเซ็ง ถูกขโมยรถไม่พอ คนร้ายยังทิ้งอุจจาระไว้ให้ดูต่างหน้า


เรื่องเล่าการเมือง

-ยังมีเสียงวิพากษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวาง สำหรับกรณีที่นายศรีสุวรรณ จรรยา ถูกทำร้ายกลางวงสัมภาษณ์ และที่วิจารณ์อย่างเผ็ดร้อนเมื่อวาน คือ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส ที่มองว่า ไม่ใช่ความรุนแรง

พล.ต.อ.เสรีพิสุทธ์ เตมียเวส หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย มองว่าการที่ลุงศักดิ์ ชกนายศรีสุวรรณ ถือเป็นการสั่งสอน ไม่ใช่ความรุนแรง เพราะถ้ารุนแรงจริงต้องมีการใช้อาวุธ เพียงแต่อาจจะสั่งสอนผิดคน เพราะคนที่ควรโดนสั่งสอนจริงๆอยู่ในทำเนียบ

พล.ต.อ.เสรีพิสุทธ์ เปิดกเผยว่า ที่ผ่านมา ตนเองก็เคยสั่งสอนคุณศรีสุวรรณ แต่สั่งสอนโดยการฟ้องกลับ ทั้งทางแพ่ง ทางอาญา และ ยื่นยุบสมาคมนายศรีสุวรรณ

ทางด้านนายธนกร วังบุญคงชนะ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ ออกมาสวน พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ ทันที หลังจากพูดพาดพิงถึงคนในทำเนียบรัฐบาล

นายธนกร มองว่า คำพูดของ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ คือหลักฐานชัดเจนว่า จริงๆ แล้ว พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ชอบใช้ความรุนแรงใช่หรือไม่ ทั้งๆ พร้อมตั้งคำถามว่า การออกมาพูดแบบนี้ทั้งๆ ที่ตัวเองก็เป็นถึงประธานกรรมาธิการฯ นั้นเหมาะสมหรือไม่

โดยเฉพาะการสนับสนุนการทำร้ายร่างกายโดยไม่เว้นแม้แต่ผู้ใหญ่ในทำเนียบ คนแบบนี้ประชาชนควรจะให้โอกาสในการเลือกตั้งสมัยหน้าอีกหรือ ดังนั้น หากมีใครยื่นร้องเรียนให้ตรวจสอบจริยธรรม พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ต่อสภาฯ ก็คงไม่น่าแปลกใจอะไร



-มุมมองของผู้ที่เคยถูกคุณศรีสุวรรณ ฟ้องดำเนินคดี ท่านแรกเป็นอาจารย์ธรรมศาสตร์ ยืนยันว่าไม่เห็นด้วยกับการใช้ความรุนแรง แต่ก็ไม่เห็นด้วยกับพฤติกรรม "ฟ้องแบบเหวี่ยงแห" ของศรีสุวรรณ ที่อาจารย์มองว่า เป็นการใช้ความรุนแรงประเภทหนึ่ง ซึ่งรุนแรงกว่าการต่อยหน้า

คือ รศ.ดร.ษัษฐรัมย์ ธรรมบุษดี อาจารย์ประจำวิทยาลัยสหวิทยาการ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ซึ่งเคยถูกนายศรีสุวรรณ ฟ้องดำเนินคดี กรณีอาจารย์โพสต์เรื่องการต่อต้านรัฐบาลด้วยการนัดหยุดงานทั่วประเทศ เมื่อ ปี 2564

อาจารย์ษัษฐรัมย์ โพสต์เฟซบุ๊กว่า "ในฐานะคนเคยโดนศรีสุวรรณไล่ฟ้องเรื่อยเปื่อย จนส่งผลกระทบต่อชีวิตและอาชีพไม่มีใครติดตามว่าหลังจากศรีสุวรรณยื่นฟ้องเรื่องนี้เป็นเท็จจริงอย่างไร

แต่ก็ส่งผลกระทบกับการประกอบอาชีพของตน ทำให้ถูกแหล่งทุนปฏิเสธ มีการยกเลิกการบรรยายพิเศษฯลฯ คนในครอบครัวเกิดความกังวลต้องคอยรับสายโทรศัพท์ จากการฟ้องเรื่อยเปื่อยที่เลือกคดีโทษสูงแบบไร้มูลเพื่อให้เป็นข่าว ฟ้องคนไปทั่ว

"ผมพูดตรงๆว่าสิ่งที่ศรีสุวรรณ ทำกับผมและหลายคน รุนแรงกว่าการต่อยหน้ามาก เป็นความรุนแรงที่มองไม่เห็น แต่บ่อยครั้งมันฆ่าคนทั้งเป็น"

อาจารย์ษัษฐรัมย์ ให้สัมภาษณ์กับทีมข่าวการเมืองเพิ่มเติมว่า นายศรีสุวรรณ ทราบดีว่าเรื่องบางอย่างไม่ถึงขั้นต้องดำเนินคดี หากคุณศรีสุวรรณทำด้วยความบริสุทธิ์ใจสามารถให้ความเห็นทางสาธารณะได้ ไม่จำเป็นต้องไปฟ้องร้องให้เป็นคดี และสร้างสังคมให้เป็นพื้นที่ถกเถียงอย่างมีอารยะ

แต่วิธีการของนายศรีสุวรรณ คือ การวางเงื่อนไขให้เกิดความรุนแรง การสร้างความเกลียดชัง เป็น "นิติสงคราม" คือ การใช้กฎหมายเป็นเครืองมือในการปิดปาก ทำให้คนไม่สามารถแสดงความเห็นต่างได้ และยังเรียกร้องสื่อทบทวนการให้พื้นที่ข่าวกับบุคคลแบบนายศรีสุวรรณด้วย

อีกคนที่เรียกได้ว่าเป็นหนึ่งในคู่ปรับ เคยถูกนายศรีสุวรรณ ร้องเรียน จนต้องพ้นจากความเป็น ส.ส. มาแล้ว คือ น.ส.ปารีณา ไกรคุปต์ อดีต ส.ส. ราชบุรี พรรคพลังประชารัฐ

น.ส.ปารีณา บอกว่า ไม่เคยรู้สึกโกรธเกลียดคุณศรีสุวรรณ สิ่งที่เกิดขึ้นกับเธอ เธอแค่รู้สึกไม่พอใจกับกระบวนการยุติธรรมแบบสองมาตรฐาน เพราะมีนักการเมืองหลายคนกำลังทำกินอยู่บนที่ดิน สปก. ควรจะโดนแบบเดียวกัน

ส่วนกรณีที่เกิดขึ้นกับนายศรีสุวรรณ น.ส.ปารีณา ยืนยันว่า "ไม่เห็นด้วยกับการใช้ความรุนแรง และขอต่อต้านการใช้ความรุนแรง ถ้าไม่ชอบใคร ก็ไม่มีสิทธิ์ไปตบตีเขา"

นอกจากนี้ ยังฝากไปถึง ผู้บังคับใช้กฎหมาย ว่าเรื่องนี้เป็นการกระทำผิดที่ อุกอาจ จงใจเข้าไปทำร้ายร่างกาย ในขณะที่สื่อมวลชนจำนวนมากกำลังทำข่าวอยู่ ควรมีโทษจำคุก ไม่งั้นต่อไป ประชาชนไม่ปลอดภัย สุดท้ายจะกลายเป็นบ้านป่าเมืองเถื่อน เอาคืนกันไปมา



-ความคืบหน้ากรณีเจ๊นุช ตำรวจหญิงที่ทำร้าย ทารุณกรรม ลูกจ้างที่เป็นทหารหญิง ที่เป็นข่าวใหญ่เมื่อเดือนสิงหาคม ที่ผ่านมา เป็นคดีอาชญากรรมที่พาดพิงมาถึงฝ่ายนิติบัญญัติ เมื่อวาน เจ๊นุช ให้ข้อมูลผ่านคณะกรรมาธิการของสภา ยอมรับเป็นครั้งแรกว่ามีความสัมพันธ์กับ ส.ว.จริง

นายธีรัจชัย พันธุมาศ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ในฐานะโฆษกคณะกรรมาธิการการป้องกันและปราบปรามการทุจริตประพฤติมิชอบ (กรรมาธิการ ปปช.) สภาผู้แทนราษฎร แถลงผลการประชุมกรณีคดีสิบตำรวจโทหญิงกรศศิร์ บัวแย้ม หรือ เจ๊นุช โดยเจ๊นุช ให้ข้อมูลคณะกรรมาธิการผ่านระบบวีดีโอคอนเฟอร์เรนซ์มาจากเรือนจำจังหวัดราชบุรี ที่ถูกคุมขังอยู่

ประเด็นสำคัญ คือ สิบตำรวจโทหญิงกรศศิร์ ยอมรับถึงความสัมพันธ์กับสมาชิกรัฐสภาท่านหนึ่ง ตั้งแต่ปี 2555-2562 โดยมีการติดต่อกันอย่างต่อเนื่อง แต่สิบตำรวจโทหญิงกรศศิร์ ไม่ทราบว่าตนเองเข้ารับราชการได้อย่างไร แต่ได้มีการสมัครโดยบังเอิญ ที่ในขณะนั้น เปิดรับแค่ 2 ตำแหน่ง มีการยกเว้นอายุ แล้วพบว่าคุณสมบัติเข้ากับตนเองพอดี

นายธีรัจชัย กล่าวต่อว่า ตอนนี้กรรมาธิการสามารถประมวลภาพต่างๆได้ชัดเจนขึ้น ในการที่สิบตำรวจโทหญิงกรศศิร์ การที่ได้รับแต่งตั้งในคณะกรรมาธิการ 4 คณะในสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) และวุฒิสภา เห็นชัดถึงระบบอุปถัมภ์ของประเทศไทย

ส่วนเรื่องการขอตัวไปช่วยงาน ที่ กอ.รมน. ภาค 4 ส่วนหน้า นั้น สิบตำรวจโทหญิงกรศศิร์ ยอมรับว่าไม่ได้ไปราชการตามที่ระบุไว้จริง แต่อยู่ในพื้นที่ กทม. และราชบุรี โดยเคยไปในพื้นที่ เพื่อรับคำสั่งเพียง 2 ครั้ง แบบไม่ได้ค้างคืน

ส่วนการไปดูงานต่างประเทศ สิบตำรวจโทหญิงกรศศิร์ ยอมรับว่าไปดูงานจริง แต่มีค่าใช้จ่ายที่ออกเองบางส่วน และสมาชิกรัฐสภาท่านนั้นออกให้

เมื่อถามถึง ส.ว.ที่ถูกพาดพิงถึงว่าแบบนี้ถือว่าผิดจริยธรรมหรือไม่ นายธีรัจชัย กล่าวว่า ขอให้รอข้อเท็จจริงอีกรอบ อย่างไรก็ตามจะมีการเชิญสมาชิกรัฐสภาท่านนั้นเข้าชี้แจงในกรรมาธิการอย่างแน่นอน



-เมื่อวานนี้ ศาลรัฐธรรมนูญ วินิจฉัยยุบพรรคไทรักธรรม กรณีจูงใจบุคคลอื่นให้สมัครเป็นสมาชิกพรรค ระหว่างปี 2561 ถึง 2562

ศาลรัฐธรรมนูญมีมติ 7 ต่อ 2 สั่งยุบพรรคไทรักธรรม พร้อมตัดสิทธิ์สมัครรับเลือกตั้งของกรรมการบริหารพรรค เป็นเวลา 10 ปี กรณีจูงใจบุคคลอื่นให้สมัครเป็นสมาชิกพรรค ระหว่างปี 2561 ถึง 2562 ส่งผลให้นายพีระวิทย์ เรื่องลือดลภาค หัวหน้าพรรค และเป็น ส.ส. 1 เดียว ของพรรค ต้องพ้นจาก ส.ส.ทันที

โดยคดีนี้ คณะกรรมการ กกต. มีมติส่งเรื่องให้ ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาวินิจฉัยยุบพรรค หลังพบว่า พรรคไทรักธรรม เชิญชวนชาวบ้าน ต.ป่ามะคาบ จ.พิจิตร ให้เข้าร่วมกลุ่มทำดอกไม้จันทน์ โดยกำหนดเงื่อนไขให้สมัครเป็นสมาชิกพรรคไทรักธรรมก่อน ถือเป็นการฝ่าฝืนต่อกฎหมายพรรคการเมือง ให้ประโยชน์ เพื่อจูงใจให้บุคคลหนึ่งบุคคลใดสมัครเป็นสมาชิกพรรค

จึงวินิจฉัยให้ยุบพรรคไทรักธรรม และห้ามกรรมการบริหารของพรรคไทรักธรรม ไปจดทะเบียนพรรคการเมืองขึ้นใหม่ เป็นเวลา 10 ปีด้วย



รับชมผ่านยูทูปได้ที่ : https://youtu.be/5uwH1UNKGLs

คุณอาจสนใจ

Related News