จับ 2 หัวโจก ลวงเหยื่อล้างสมอง กักขัง-ทารุณ หลอกทำงานใช้หนี้ทิพย์

ตำรวจสืบสวนนครบาลจับชายแอบอ้างเป็นหญิงลูกครึ่งเกาหลี ญี่ปุ่น ใช้จิตวิทยาอ้างลัทธิประหลาด ให้แม่ทำร้ายลูก เพื่อให้ลูกเกลียดแม่ และยังบังคับข่มขู่ให้พยาบาล หาเงินให้ได้วันละ 6 หมื่นบาท หากไม่ได้ให้ไปยืมเงินญาติพี่น้อง ด้วยความเชื่อและความกลัวจึงยอมทำตาม เพราะผู้ต้องหาอ้างว่ารู้จักตำรวจชั้นผู้ใหญ่ ผลการตรวจลายนิ้วมือ พบผู้ต้องหาเป็นชาวไทย มีคดีฉ้อโกง หมอและพยาบาลหลายคดี



สภาพบาดแผลตามร่างกายของพยาบาล และลูก 2 คน ที่ถูกทำร้าย ด้วยการราดน้ำร้อน ให้โกนผมและถูกทุบตีจนเขียวช้ำ ทำให้ตำรวจสืบสวนนครบาลต้องบุกเข้าไปช่วยเหลือ ออกจากห้องพักในคอนโดมิเนียม ย่านพระราม 8 อย่างเร่งด่วน พยาบาลทั้ง 3 คน ตกอยู่ในสภาพเหมือนถูก ครอบงำด้วยลัทธิประหลาด



จากสาวประเภท 2 ที่รู้จักกันในชื่อ ปาร์ค ซอคยอน อายุ 39 ปี ที่ซ่อนเร้นให้เหยือเข้าใจว่าเป็นลูกครึ่งเกาหลี ญี่ปุ่น มีบิดาทำงานสถานทูต และรู้จักข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ ทำให้พยาบาลเชื่อสนิทใจเพราะจะส่งเสียลูกทั้ง 2 ให้เรียนจนจบ แต่ความผิดปกติก็เริ่มขึ้นเมื่อทั้ง 3 ถูกครอบงำด้วยลัทธิประหลาดให้เกลียดแม่



โดยบังคับให้แม่ทำร้ายลูก หากไม่ยอมก็ถูกน้ำร้อนราดจนเป็นแผล และจำเป็นต้องทำร้ายลูก จนลูกเกลียด เปลีย่นสรรพนามเรียกแม่ว่าคุณ และไปเรียกนายปาร์คชอคยอนว่าเป็นแม่แทน และลูกที่เป็นเด็กชายก็ให้แต่งเป็นเด็กผู้หญิง ซ้ำร้ายพยาบาลทั้ง 3 ยังถูกบังคับให้หาเงินให้ได้วันละ 6 หมื่นบาท ต้องต้องขายบ้าน ขายรถ หลังถูกผู้ต้องหาอ้างว่าเป็นหนี้ 140 ล้านต้องชดใช้ร่วมกัน



พลตำรวจตรี ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น. เปิดเผยว่า นายแบงค์อดีตสามีของพยาบาลซึ่งเลิกกันไปแล้ว ได้ส่งข้อความมาขอความช่วยเหลือเพราะถูกบังคับให้ทุบตีลูกจากลัทธิประหลาด



เมื่อตำรวจติดตามจับปาร์ค ชอคยอน ได้แล้ว ยังปากแข็งบอกว่าไม่ใช่คนไทย และไม่เคยทำผิดมาก่อน จนตำรวจต้องพิสูจน์ลายนิ้วมือ จนพบว่า ผู้ต้องหารายนี้แท้จริงแล้ว ชื่อนายฮารุ ฮวังศิริ เป็นสาวประเภท 2 เปลี่ยนชื่อมาแล้ว 9 ครั้ง เพราะมีหมายจับคดีฉ้อโกง จึงไม่เคยใช้ชื่อทำธุรกรรมใดๆ ใช้บัญชีม้าโดยตลอด



นายฮารุ ยังมีนักศึกษาปี 2 อีกคนให้มาควบคุมบังคับพยาบาล ทั้ง 3 ทำตามลัทธิความเชื่อ ตำรวจได้จับนายตรีเพชรรัตน ณพชร อายุ 20 ปีด้วย



หลังถูกจับ ยังมีแพทย์ทางเลือก ไม่ต่ำกว่า 10 คน เดินทางมาแจ้งความว่าถูกนายฮารุหลอก และเพิ่งทราบวันนี้ว่านายฮารุไม่ได้เป็นหญิงแท้ โดยหลอกให้จ่ายเงินค่ามัดจำในการเป็นแพทย์แผนจีน และนายฮารุเปิดคลินิก แต่ไม่ได้รับเงินเดือน กลับเสียเงิน และยังนำข้อมูลส่วนตัวไปเปิดบัญชี และนายฮารุยังไม่เคยให้ถ่ายรูปหากใครถ่ายจะถูกแจ้งจับ



การจับกุมนายฮารุ จึงยาก เพราะไม่เคยใช้ชื่อตัวเองทำธุรกรรมใดๆ แต่คดีนี้ได้ครอบงำด้วยลัทธิประหลาด และทำร้ายร่างกาย จึงถูกแจ้งจับในข้อหา ร่วมกันข่มขืนใจผู้อื่นให้กระทำการใด ไม่กระทำการใด หรือจำยอมต่อสิ่งใด โดยทำให้กลัวว่าจะเกิดอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย เสรีภาพ ชื่อเสียง หรือทรัพย์สินของผู้ถูกข่มขืนใจนั้นเอง หรือของผู้อื่น หรือโดยใช้กำลังประทุษร้าย จนผู้ถูกข่มขืนใจต้องกระทำการนั้น ไม่กระทำการนั้น หรือจำยอมต่อสิ่งนั้น"