อาชญากรรม

"ไอซ์ หลุยส์วิตตอง" ปัดข่มขืนเด็กหญิงวัย 13 ปี

โดย paranee_s

10 ต.ค. 2565

2K views

จากกรณีที่มีผู้เสียหายเข้ามาร้องขอความช่วยเหลือต่อเพจ สายไหมต้องรอด ลูกสาววัย 13 ปีถูกรุ่นพี่รุมตบทำร้ายและมีการถ่ายคลิปประจานในโซเชียลมีเดีย ก่อนที่จะทราบเวลาต่อมาว่าก่อนเกิดเหตุการณ์ดังกล่าว ลูกสาวถูกรุ่นพี่ผู้ชายอีกคนหนึ่งมอมยาและข่มขืน


โดยตลอดทั้งวัน เยาวชน อายุ 13 ปี ยังอยู่ระหว่างการตรวจร่างกายที่โรงพยาบาลภูมิพล ก่อนที่ในเวลา 16.00 น. พ่อของผู้เสียหายได้ออกมาเปิดเผยว่า จากการตรวจร่างกายของลูกสาว แพทย์ลงความเห็นมีร่องรอยของการถูกล่วงละเมิดทางเพศ และมีรอยบาดแผลฟกช้ำตามร่างกายจริง


ซึ่งเมื่อวันเสาร์ (8 ต.ค.) ลูกสาวได้เดินทางไปหาตน และบอกว่าปวดหัวเพราะถูกทำร้ายร่างกาย ซึ่งตนตั้งใจว่าวันรุ่งขึ้นจะพาไปหาหมอที่ รพ.ตำรวจ จนกระทั่งวันรุ่งขึ้น (9 ต.ค.) ลูกมีอาการอาเจียน ประกอบกับตนเห็นคลิปที่ลูกถูกทำร้ายจึงได้เข้าร้องขอความเป็นธรรมกับเพจสายไหมต้องรอด


ส่วนเรื่องนายไอซ์ ลูกสาวเล่าให้ฟังเพียงเล็กน้อยว่าคบหากัน แต่เรื่องยาเสพติดนายไอซ์บังคับให้กินจริง ซึ่งภายหลังการตรวจร่างกาย ปรากฏผลว่าลูกสาวถูกล่วงละเมิด ความรู้สึกคนเป็นพ่อมันรับไม่ได้ มันเกินไปจริง ๆ


ส่วนที่นายไอซ์ปฏิเสธว่า ไม่ได้ล่วงละเมิดก็แล้วแต่เขา แต่ฝั่งตนจะเอาเรื่องนี้ให้ถึงที่สุดแน่นอน ในขณะที่นายเอกภพ เหลืองประเสริฐ ผู้ก่อตั้งเพจสายไหมต้องรอด ระบุว่า ภายหลังจากที่ได้ผลจากการวินิจฉัยของแพทย์ก็จะนำหลักฐานเข้าพบ ผู้กำกับการสถานีตำรวจนครบาลบางชัน เพื่อแจ้งความและดำเนินคดีกับกลุ่มผู้ก่อเหตุ


ซึ่งทราบในเบื้องต้นว่า ตอนนี้ผู้ก่อเหตุได้หลบหนีออกไปจากพื้นที่ แต่ทางผู้กำกับได้ส่งฝ่ายสืบสวนลงพื้นที่แล้วคาดว่าไม่เกิน 2-3 วันน่าจะได้ตัวผู้ก่อเหตุ ทั้งคดีทำร้ายร่างกายและข่มขืน ส่วนประเด็นที่นายไอซ์ มีการพูดคุยกับเพื่อนว่าไม่ได้บังคับให้เสพยา หรือไม่ได้ข่มขืน ก็เป็นสิทธิ์ ที่กล่าวอ้างได้ แต่ต้องบอกว่าตามกฎหมายการที่ให้เด็กเสพยาเสพติดถือเป็นความผิดตามกฎหมาย


ซึ่งเมื่อคืนนี้ (9 ต.ค.) นายไอซ์ ได้รับสารภาพกับแม่บุญธรรมของผู้เสียหายไปแล้ว และการที่นายไอซ์ให้เด็กกินยาเสพติดโดยหวังผลในการออกฤทธิ์ของยาเพื่อกระทำชำเรา หรือการกระทำชำเราเด็กไม่เกิน 15 ปี ต่อให้ขัดขืนหรือสมยอม ก็ถือเป็นความผิดในฐานข่มขืนกระทำชำเราเช่นเดียวกัน


พร้อมขอฝากไปถึงผู้เสียหายให้เข้ามามอบตัว เพราะอย่างไรก็หนีไม่รอด ทีมข่าวได้มีโอกาสพูดคุยกับน้องคนหนึ่ง ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้ที่ทำร้ายร่างกายผู้เสียหาย โดยเล่าว่า กลุ่มตนได้พยายามตักเตือนผู้เสียหายหลายครั้ง แต่วันนั้นทนไม่ไหวจริงๆ จึงลงมือไป


ส่วนวันเกิดเหตุที่มีการข่มขืนกันนั้น ตนก็อยู่ในเหตุการณ์ ซึ่งนายไอซ์เอายาให้ผู้เสียหายเคี้ยวจริง แต่ไม่ได้บังคับ หรือมอมยา จากนั้นผู้เสียหายก็เดินออกไปและบอกว่าอยากโดน พร้อมกับปิดประตู บ้านขังตนเองไว้ภายในบ้านกับนายไอซ์เพียงสองต่อสอง และทราบว่ามีอะไรกัน ซึ่งเป็นลักษณะของการสมยอม


ส่วนเรื่องการทำร้ายร่างกายนั้น เนื่องจากแฟนไอซ์ เป็นรุ่นพี่ของผู้เสียหาย พอรู้ว่าผู้เสียหายมีอะไรกับไอซ์ก็โกรธจึงได้ลงมือลงไม้กัน ซึ่งในวันนั้นตนก็ร่วมด้วย แต่ตนไม่ได้รุนแรง ที่ลงมือหนัก ๆ และเกิดบาดแผล ส่วนใหญ่มาจากการลงไม้ลงมือจากแฟนไอซ์ ซึ่งทั้งไอซ์และแฟนไอซ์ไม่ได้มีการเลิกรากัน แต่เป็นแค่ทะเลาะกันเท่านั้น


ทีมข่าวได้รับแชตการสนทนาของนายไอซ์กับเจ้าของบ้านหลังเกิดเหตุ โดยอ้างว่า สิ่งที่ผู้เสียหายพูดไม่เป็นความจริง ตนไม่ได้ยัดยา ส่วนเรื่องทำร้ายร่างกายเป็นเรื่องที่อดีตแฟนสาวเป็นคนทำ ตนไม่ได้รู้เรื่องด้วย และได้เลิกรากันไปแล้ว ทำไมถึงดึงตนเองเข้าไปเกี่ยวข้องด้วย


นางสาวต้า เจ้าของบ้าน ระบุว่า ส่วนตัวไม่ทราบเรื่องราวที่เกิดขึ้น เพราะขณะเกิดเหตุ ตนเองไม่อยู่ในบ้าน ส่วนในรายละเอียดต้องถามเพื่อนของผู้เสียหายที่อยู่ในเหตุการณ์


ส่วนนายไอซ์ ปกติไม่ได้อยู่ที่บ้านหลังนี้ แต่จะแวะเวียนมาบ้าง ซึ่งตอนนี้ทราบว่า ตัวนายไอซ์ อยู่แถวย่านเอกมัย ขณะที่ในส่วนของตัวน้องผู้เสียหายเอง โดยปกติก็มากินอยู่ที่บ้านหลังนี้เป็นระยะเวลาประมาณ 1 เดือนแล้ว ซึ่งทางครอบครัวของทางน้องผู้เสียหายก็ทราบเป็นอย่างดีว่ามีการมาอยู่กับเพื่อนๆ ที่บ้านหลังนี้ ซึ่งสำหรับตัวของนายไอซ์และฝนตนเองก็รู้จักผ่านทางตัวน้องผู้เสียหายรายนี้ที่เป็นเพื่อนกับกลุ่มลูกสาวตนเองเพราะผู้เสียหายเป็นคนพามาที่บ้าน


ขณะที่ทีมข่าวได้ พูดคุยกับนายไอซ์ บุคคลที่มีการถูกกล่าวอ้างว่าเป็นคนมอมยาแล้วข่มขืนผู้เสียหายวัย 13 ปีรายนี้ผ่านทางโทรศัพท์ของเพื่อนในไอซ์ โดยนายไอซ์ยืนว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ก่อนที่จะมีการทำร้ายร่างกายกันที่มีการอ้างว่าตนเองข่มขืนและมอมยาไม่ใช่ข้อเท็จจริง เพราะตนเองคบหาดูใจกับผู้เสียหายสาวรายนี้


ส่วนเรื่องยาเสพติดตนเองมีหลักฐานที่พร้อมจะพิสูจน์กับทางตำรวจว่า ผู้เสียหายมีการใช้ยาเสพติดมาก่อนหน้าที่จะมาคบหาดูใจกับตนเอง และยังมีแชตที่ผู้เสียหายมีการชักชวนตนเองไปที่ห้องของผู้เสียหายเองในช่วงวันศุกร์ เพราะทางเจ้าของบ้านให้พวกตนออกไปในช่วงเช้าวันศุกร์ เนื่องจากส่งเสียงดังกันภายในคืนวันพฤหัส ซึ่งเจ้าของบ้านเกรงว่าจะเดือดร้อนเพื่อนบ้าน


โดยในเวลา 18:00 น. ที่จะถึงนี้ตนเองจะนำหลักฐานทั้งหมดเข้าพบตำรวจเพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจ และยืนยันว่าตนเองไม่ได้ข่มขืนและมอมยาผู้เสียหายตามที่มีการกล่าวอ้างแต่อย่างใด


ด้านพันตำรวจเอกวสุ เชื่อพุทธ ผู้กำกับการ สถานีตำรวจนครบาล บางชัน ระบุถึงกรณีดังกล่าวว่า ขณะนี้หลังรับทราบเรื่องจากเพจสายไหมต้องรอด ก็ได้สั่งการให้ตำรวจสายตรวจไปตรวจสอบว่าบ้านหลังดังกล่าวอยู่ในพื้นที่บริเวณใด ซึ่งสายตรวจได้พบบ้านหลังเกิดเหตุแล้วแต่ยังไม่พบบุคคลตามที่ปรากฏในคลิปและบุคคลที่มีการกล่าวอ้างถึง ซึ่งในขั้นตอนต่อจากนี้ตำรวจต้องรอผู้เสียหายเข้ามาแจ้งความร้องทุกข์กับพนักงานสอบสวน สน.บางชัน ก่อนจึงจะสามารถดำเนินการทางคดีต่อได้


ซึ่งในเวลาต่อมา นายไอซ์ หลุยส์วิตตอง ผู้ที่ก่อเหตุเข้ามอบตัวที่กำกับการสืบสวนนครบาล 3 ซึ่งขณะนี้ได้ส่งตัวไปให้ฝ่ายสืบสวนสน.บางชันทำการสอบสวนข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น เบื้องต้นอ้างยาเสพติดเป็นของแฟนสาวที่ทำร้ายผู้เสียหาย ส่วนประเด็นการข่มขืนปฏิเสธที่จะตอบคำถาม

คุณอาจสนใจ