สังคม

เจ้าของเงิน 1.4 ล้าน ถูกดูดสูญผ่านลิงก์ เตรียมฟ้องศาล ซัดหากระบบธนาคารดี ใครก็เจาะข้อมูลไม่ได้

โดย nattachat_c

20 ก.ย. 2565

11 views

จากกรณีที่ นางนิส ไทรงาม อายุ 63 ปี ชาว อ.ห้วยยอด จ.ตรัง พร้อมด้วย น.ส.นิดา ไทรงาม ลูกสาว และ นางสาวศิริวรรณ ไทรงาม ลูกสะใภ้ ร้องเรียนผู้สื่อข่าวว่า ถูกมิจฉาชีพโทรศัพท์เข้ามาอ้างเป็นเจ้าหน้าที่กรมสรรพากรแจ้งเรื่องค้างภาษี พร้อมแชทไลน์ส่งลิงก์อ้างเป็นลิงก์เว็บกรมสรรพากรเข้ามา ให้ น.ส.นิดา กดลิงก์เข้าไปตรวจสอบว่า มีการค้างภาษีหรือไม่


ซึ่งขณะนี้อยู่ในช่วงที่จะต้องยื่นจ่ายภาษี แต่เมื่อกดเข้าไปแล้วโทรศัพท์ค้าง ขึ้นหน้าจอเป็นสีฟ้า มีโลโก้กรมสรรพากร พร้อมข้อความว่า “668325 อยู่ระหว่างการทำการตรวจสอบชื่อนาม-สกุล ห้ามใช้งานโทรศัพท์” และโทรศัพท์ไม่สามารถทำอะไรได้อีก จากนั้นปรากฎว่า ในเวลาและนาทีเดียวกันกับที่โทรศัพท์ค้าง ทำธุรกรรมใดๆ ไม่ได้อีกเลย ก็ปรากฎข้อความเงินถูกโอนออกจากบัญชี ธนาคารไทยพาณิชย์ จำนวน 1,458,000 บาท และธนาคารกรุงไทย จำนวน 10,000 บาท


จึงรีบประสานติดต่อเจ้าหน้าที่ธนาคาร และเข้าแจ้งความกับ สภ.ห้วยยอด ทราบเบื้องต้นว่า เงินถูกโอนเข้าบัญชีชื่อ น.ส.สุภาพร กุลอามาตย์ และทางธนาคารได้ทำการอายัดบัญชีแล้ว แต่สุดท้ายก็ไม่ทันการณ์ เงินถูกโอนต่อไปยังบัญชีอื่นๆ อย่างรวดเร็ว เมื่อผู้เสียหายเดินทางเข้าพบผู้จัดการธนาคารไทยพาณิชย์ สาขาห้วยยอด แต่ผู้จัดการธนาคารหลบหน้า ไม่ยอมออกมาพบ หรือแสดงความรับผิดชอบนั้น


วานนี้ (19 ก.ย. 65) นางนิส ไทรงาม พร้อมด้วย น.ส.นิดา ไทรงาม ลูกสาว และนางสาวศิริวรรณ ไทรงาม ลูกสะใภ้ ได้นัดพบกับ นายไกรสร ชูเพชร ทนายความ และนายยุทธนา วิมลเมือง เจ้าหน้าที่ ปปช.ตรัง เพื่อให้ช่วยเหลือในการติดตามเงินกลับคืนมา โดยบอกว่าล่าสุด ยังไม่มีความคืบหน้าใดๆ จากธนาคาร และยังไม่มีความหวังว่าจะได้เงินคืน จึงปรึกษากับทนายความ ทั้งนี้หลังเกิดเรื่องและเป็นข่าวออกไป ทางตำรวจก็ได้เรียกตัวไปสอบปากคำแล้ว แต่ยังไม่เสร็จสิ้น


นางนิส บอกอีกว่า เงินทั้งหมด 1.4 ล้านบาทเศษนั้น เป็นเงินที่ตนเองจะต้องนำไปหมุนเวียนซื้อหมูมาจำหน่าย ประมาณ 2 แสนบาท ส่วนที่เหลือเป็นของลูกสาวที่เก็บเงินไว้ หวังจะเปิดร้านกิ๊ฟต์ช็อปอยู่กับบ้าน และบ้านก็ทำเสร็จแล้ว ซื้อชั้นวางของมาเตรียมไว้แล้ว


แต่จากนี้ไปเงินหมุนเวียนซื้อหมูก็ไม่มี ต้องเอาหมูมาก่อน จ่ายให้ทีหลัง และไม่มีเงินลงทุนซื้อของใส่ร้านใหม่ ดังนั้น ทางธนาคารควรจะรับผิดชอบเงินทั้งหมด เพราะไม่ได้ทำธุรกรรมใดๆ ผ่านแอปธนาคาร เพราะขณะนี้ครอบครัวเดือดร้อนหนักมาก


ด้านนายไกรสร ชูเพชร ทนายความ บอกว่า หลังจากรับฟังปัญหาแล้ว คิดว่าเงินจำนวนดังกล่าวที่ถูกดูดออกไปจากบัญชีของ นางนิส ไทรงาม นั้น ไม่ใช่เงินของลูกค้า แต่เป็นของธนาคาร เพราะทางลูกค้าไม่ได้เบิกถอนเงินเอง และยังไม่ได้ทำธุรกรรมใดๆ ผ่านลิงก์ที่ถูกส่งมา โดยหลักฐานคือ หน้าจอมือถือค้าง ทำธุรกรรมใดๆ ไม่ได้ ในช่วงเวลาที่เงินถูกดูดผ่านแอปธนาคารที่ลูกค้าผูกไว้ ถือเป็นการโจรกรรมเงินผ่านลิงก์ปลอมที่อ้างว่าเป็นของกรมสรรพากร ซึ่งหากธนาคารมีระบบรักษาความปลอดภัยที่ดีพอ ใครก็ไม่สามารถจะเจาะข้อมูลของธนาคาร และดูดเงินไปได้


โดยหลังจากนี้ หากคุยกับธนาคาร แล้วธนาคารไม่รับผิดชอบ ตนเองจะแจ้งความดำเนินคดีทางแพ่งกับธนาคาร เพราะเป็นไปตามประมวลกฎหมายแพ่ง มาตรา 672 ระบุไว้ชัดเจนว่า ถ้าเราไม่ได้ทำนิติกรรมเบิกถอนเงินจากแบงก์ เท่ากับแบงก์นำเงินไปใช้ แบงก์ต้องรับผิดชอบ และแบงก์ก็ต้องไปดำเนินการกับคนที่ถอนไป และดำเนินคดีอาญาเอาเอง


ส่วน นายยุทธนา วิมลเมือง เจ้าหน้าที่ ปปช.ตรัง กล่าวเรียกร้องผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ให้ลงมาดูแลเรื่องนี้ให้ชาวบ้าน เพราะข้อเท็จจริงที่พบคือ ประชาชนไม่ได้ทำนิติกรรมในการโอน ถอน หรือเอาเงินออกเอง ดังนั้น ในเมื่อประชาชนไม่ได้เป็นคนโอน ถอน ก็ถือว่าธนาคารไม่มีสิทธิมาหักเงินของลูกค้า อยากให้ทางธนาคารรับผิดชอบในทันที อย่าให้ประชาชนต้องไปฟ้องร้องดำเนินคดีกับธนาคาร เพราะต้องใช้ระยะเวลายาวนาน ส่วนชาวบ้านเองก็ต้องกินต้องใช้ และมีหนี้สินภาระต้องรับผิดชอบ


ขณะที่ นายชัยพร ชูเสน ทนายความชาว จ.ตรัง ให้ความเห็นกรณีที่ตนเองเป็นเพื่อนบ้านของครอบครัวผู้เสียหายดังกล่าวว่า เรื่องนี้ทางธนาคารไทยพาณิชย์ และธนาคารกรุงไทย จะต้องรับผิดชอบเงินจำนวนดังกล่าวทั้งหมด ไม่ใช้ผลักปัญหาไปให้กับลูกค้าเจ้าของเงิน เพราะเงินอยู่ในธนาคาร ซึ่งรับฝากเงินของลูกค้า มีหน้าที่ต้องดูแลเงินของลูกค้าให้มีความปลอดภัย เมื่อเกิดความเสียหายกับลูกค้า ก็จะปฏิเสธความรับผิดชอบไม่ได้

-------------
รับชมผ่านยูทูปได้ที่ : https://youtu.be/rieQ_GYv2_8

คุณอาจสนใจ

Related News