เด็กติดในรถเสี่ยงเสียชีวิตใน 2 ชั่วโมง นพ.อดิศักดิ์ แนะ กำกับผู้ขับขี่รถรับ-ส่งนร. มั่นเช็กเด็ก

จากกรณี ที่นักเรียนวัย 7 ปี เสียชีวิตภายในรถรับส่งนักเรียน จ.ชลบุรี


รศ.นพ.อดิศักดิ์ ผลิตผลการพิมพ์ ผู้อำนวยการสถาบันแห่งชาติเพื่อการพัฒนาเด็กและครอบครัว มหาวิทยาลัยมหิดล และหัวหน้าศูนย์วิจัยเพื่อสร้างเสริมความปลอดภัยและป้องกันการบาดเจ็บในเด็ก คณะแพทยศาสตร์ โรงพยาบาลรามาธิบดี ระบุว่า กรณีนี้ถือเป็นเด็กที่มีอายุมากที่สุด ที่เสียชีวิตภายในรถรับส่ง-นักเรียน


โดยคาดว่าการเสียชีวิตของเด็กรายนี้ เป็นผลจากการอยู่ในรถที่ปิดทึบ และมีความร้อนสูง ซึ่งทางสถาบันฯ เคยทำวิจัยพบว่าภายในรถที่มีการจอดปิด ประตูหน้าต่างจะมีอุณหภูมิสูงถึง 42 องศาเซลเซียส เมื่อเด็กติดอยู่ภายในรถที่อุณหภูมิสูงขึ้นร่างกายจะเกิดภาวะเลือดเป็นกรดและสมองบวมส่งผลให้เสียชีวิต ซึ่งโดยปกติจะเกิดภายใน 2 ชั่วโมง และตามปกติแล้ว เมื่อร่างกายเกิดภาวะดังกล่าวเสื่อมเสียการควบคุมระบบร่างกายเกิดเลือดไหลออกทางปาก จมูก ตา ได้


สำหรับเหตุการณ์ลักษณะนี้เกิดขึ้นมาแล้ว โดยเฉลี่ยมีเด็กเสียชีวิตจากการติดอยู่ในรถ ปีละ 2-3 ราย แต่มักเกิดกับกลุ่มเด็กอายุต่ำกว่า 5 ปี แต่กรณีดังกล่าว ถือเป็นเด็กที่อายุมาก และสามารถเรียนรู้การช่วยเหลือตนเองได้ แต่ต้องดูสาเหตุว่า ทำไมถึงยังเกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้น อาจจะเป็นเพราะขาดความรู้การเอาตัวรอดภายในรถรับส่งนักเรียน หรืออาจเกิดจากสาเหตุอื่น ซึ่งต้องไปดูรายละเอียด รวมถึงคนขับรถโรงเรียนมีการประมาท ไม่ตรวจสอบก่อนจอดรถ จึงเป็นปัญหาการควบคุมรถรับส่งนักเรียน ที่มีทั้งของโรงเรียนและผู้ประกอบการภายนอก และยังไม่มีการเข้มงวดที่มากพอจึงทำให้เกิดปัญหานี้บ่อยครั้ง


รศ.นพ.อดิศักดิ์ ระบุอีกว่า ทุกครั้งที่เกิดปัญหาหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมักมุ่งไปที่ตัวเด็ก โดยจะสอนทักษะวิธีการเอาตัวรอดให้กับเด็ก ซึ่งไม่ใช่วิธีแก้ไขหรือป้องกันการเกิดเหตุ แต่สิ่งที่ควรทำ คือการกำกับดูแลผู้ขับขี่รถรับส่งนักเรียนให้มีความรอบคอบละเอียด อย่างน้อยต้องมีการเช็กรายชื่อเด็กโดยสารทุกครั้งที่ขึ้นหรือลงรถ


หากในอนาคต รศ.นพ.อดิศักดิ์ อยากผลักดันให้กลุ่มรถรับส่งนักเรียน ไม่ว่าจะเป็นผู้ประกอบการภายนอกหรือสถานศึกษาเอง ต้องมีหน่วยงานหรือสมาคม เข้ามากำกับดูแล และผู้ขับขี่ต้องผ่านการประเมินเรื่อง การดูแลความปลอดภัยทุก 6 เดือน พร้อมกับ ขอให้กรมการขนส่งเข้มงวด การทำใบขับขี่รถสาธารณะ


นอกจากนี้หากมีเหตุการณ์เด็กเสียชีวิตในรถ ผู้ที่เกี่ยวข้องต้องทำรายงานแจ้งเหตุการณ์เพื่อนำมาศึกษาดูข้อมูลจุดอ่อน และจัดการแก้ไขปัญหาโดยผู้ใหญ่ทั้ง พ่อ แม่ ครู สถานศึกษา รวมถึงผู้ขับขี่ต้องเป็นผู้รับผิดชอบการเสียชีวิตของเด็ก เพื่อให้เป็นไปตามกฎหมายคุ้มครองเด็ก