สังคม

ออกหมายเรียกแล้ว! หลานอดีต รมต.ขืนใจดาราสาวในพูลวิลล่า หลัง 'ทนายตั้ม' ช่วยทวงความคืบหน้า

โดย panisa_p

24 ส.ค. 2565

419 views

วันที่ 24 สิงหาคม ที่สน.โชคชัย นายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือทนายตั้ม เลขาธิการมูลนิธิทีมงานทนายประชาชนฯ พา น.ส.แนน (นามสมมติ) อายุ 21 ปี ดารานักแสดง และพี่สาว เดินทางเข้าพบ พ.ต.อ.พรทวี สมวงค์ ผกก.สน.โชคชัย เพื่อเข้าติดตามความคืบหน้าทางคดี หลังถูกหลานของอดีตรัฐมนตรีข่มขืน ที่พูลวิลลล่าแห่งหนึ่ง เมื่อคืนวันที่ 9 สิงหาคมที่ผ่านมา และได้เข้าแจ้งความไว้เมื่อวันที่ 11 สิงหาคม แต่คดีไม่มีความคืบหน้า


นายษิทรา เปิดเผยว่า วันนี้พา น.ส.แนน มาติดตามความคืบหน้าทางคดี เนื่องจากเคยแจ้งความไว้เมื่อวันที่ 11 สิงหาคมที่ผ่านมา โดยในวันเกิดเหตุ ผู้เสียหายไม่รับรู้ว่าถูกกระทำ แต่ทางผู้ก่อเหตุอ้างว่าผู้เสียหายสมยอม โดยผู้ก่อเหตุถือเป็นเจ้าของบริษัทใหญ่ โดยผู้ก่อเหตุเป็นหลานของอดีตรัฐมนตรี และทราบว่าจะลงเล่นการเมือง มีเป้าหมายถึงนายกรัฐมนตรี


ซึ่งผู้ก่อเหตุอ้างว่าจะมีการจัดงานเพลง จึงชักชวนผู้เสียหายไปคุยเรื่องงานที่วิลล่าแห่งหนึ่ง แต่กลับวางยาให้ผู้เสียหายไม่รู้สึกตัว นอกจากนี้ ระหว่างอยู่ที่สำนักงานของตน ญาติของผู้ก่อเหตุได้โทรมาหาผู้เสียหาย พูดโอ้อวดทำนองว่า จะมีงานใหญ่กับรัฐบาล ไม่อยากให้ดำเนินคดี เพราะจะเสื่อมเสียชื่อเสียงทั้ง 2 ฝ่าย อีกทั้งเจ้าหน้าที่ตำรวจยังพูดจาไม่ดีต่อผู้เสียหาย ทำนองว่าไม่อยากให้เป็นข่าวหรือมีการแต่งตั้งทนายความ เพราะเกรงว่าเริ่องจะยุ่งยาก


ขณะที่ น.ส.แนน กล่าวว่า ขณะนี้ยังทำใจไม่ได้กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ที่ผ่านมาพยายามทำทุกวิธีทาง แต่กลับไม่ได้รับความยุติธรรม จึงตัดสินใจลุกขึ้นมาต่อสู้ ล่าสุดทางฝ่ายผู้ก่อเหตุได้มีการโทรศัพท์มาข่มขู่ โดยอ้างหน้าที่ทางการเมือง อีกทั้งตนเองรู้สึกกังวลกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นว่าจะมีผลกระทบต่อหน้าที่การงาน แต่ตนไม่ใบ่ผู้กระทำความผิด จึงอยากทำสิ่งที่ถูกต้อง ซึ่งหากเรื่องแล้วเสร็จ ก็วอนขอผู้ใหญ่ในวงการให้ความเมตตา แต่ขณะนี้อยากทำนิ่งที่ถูกต้องก่อน


ขณะที่ น.ส.เฟิร์น (นามสมมติ) อายุ 25 ปี พี่สาวของผู้เสียหาย กล่าวว่า วันเกิดเหตุตนพยายามจะนำน้องสาวออกมาจากที่เกิดเหตุ แต่ไม่สามารถเข้าไปได้ มาทราบภายหลังว่าสถานที่ดังกล่าวเป็นของนายตำรวจคนหนึ่ง หากเข้าไปได้ทันที เหตุการณ์ดังกล่าวคงไม่เกิดขึ้นกับน้องสาว นอกจากนี้ ยังพบว่าขณะที่มาแจ้งความ ตำรวจได้มีการพูดจาในไม่ดีต่อน้องสาวตน โดยล่าสุดทางญาติผู้ก่อเหตุได้ติดต่อมา อ้างว่าเป็นหุ้นส่วนของช่อง 7 และต้องการวางตัวให้ผู้ก่อเหตุเป็นนายกรัฐมนตรี จึงยื่นข้อเสนอเรื่องงานในวงการบันเทิงแลกกับการที่จะไม่ดำเนินคดี รวมถึงจะให้เงิน แต่ยืนยันว่าจะเอาผิดให้ถึงที่สุด


ด้าน พ.ต.อ.พรทวี กล่าวว่า ตั้งแต่ได้รับการแจ้งความ จากผู้เสียหาย ได้มีดารดำเนินการสอบปากคำตามจะ้นตอนทางกฎหมายแล้ว แต่ทางผู้เสียหายต้องการให้สอบปากคำเพิ่มเติมใน 2-3 ประเด็น จึงสั่งการให้พนักงานสอบสวนดำเนินการโดยทันที ยืนยันว่าตำรวจจะให้ความเป็นธรรมทั้ง 2 ฝ่าย


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับเหตุการณ์ดังกล่าว เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 9 สิงหาคม ที่วิลล่าแห่งหนึ่งในซอยนาคนิวาส 2 โดยผู้ก่อเหตุ มีธุรกิจบันเทิงปั้นศิลปินและนำเข้าเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ได้ติดต่อจ้างงานผู้เสียหายซึ่งเป็นนักแสดง จึงมีการมีการนัดพบที่ห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่ง แต่ทางผู้ก่อเหตุกลับพาผู้เสียหายไปที่วิลล่าดังกล่าวเพียงลำพัง และได้มีการดื่มเครื่องดื่มโซจูไป 2 ขวด


จากนั้นผู้เสียหายก็จำอะไรไม่ได้ ซึ่งพี่สาวของผู้เสียหายเห็นว่าน้องขาดการติดต่อ จึงออกตามหาจนมาถึงที่วิลล่า แต่กลับไม่สามารถเข้าไปภายในได้ จึงแจ้งตำรวจให้เข้าไปพาตัวผู้เสียหายออกมา แต่ตำรวจกลับอ้างว่าเป็นวิลล่าของนายตำรวจใหญ่ เกรงว่าจะเป็นการบุกรุก กระทั่งผู้เสียหายกลับมาบ้าน เมื่ออาบน้ำในช่วงเช้าก็พบว่ามีสารคัดหลั่งลักษณะคล้ายอสุจิติดอยู่ จึงไปตรวจร่างกายที่โรงพยาบาล พบว่าเป็นสารอสุจิในช่องคลอดจริง


และยังพบตัวยานอนหลับชนิดหนึ่งปริมาณน้อยมาก แต่ในรายงานผลของแพทย์นิติเวช ไม่มีการระบุว่าพบยานอนหลับดังกล่าว รวมถึงผู้ก่อเหตุยังยอมรับว่าแอบเอายาบางอย่างใส่ให้ผู้เสียหายกินจริง และไม่ปฏิเสธเรื่องการล่วงละเมิดทางเพศ ผู้เสียหายจึงนำหลักฐานเข้าแจ้งความกับสน.โชคชัย ในข้อหาข่มขืนกระทำชำเราไว้เมื่อวันที่ 11 สิงหาคมที่ผ่านมา


ล่าสุด พ.ต.อ.พรทวี สมวงค์ ผู้กำกับการ สน.โชคชัย เปิดเผยว่า ได้สั่งการให้พนักงานสอบสวน สน.โชคชัย เร่งดำเนินการ กระทั่งมีการออกหมายเรียกผู้ก่อเหตุ ตั้งแต่วานนี้ (23 ส.ค.) ให้เจ้าตัว เข้ามารับทราบข้อกล่าวหา “ข่มขืนกระทำชำเราฯ” ในช่วงต้นสัปดาห์หน้าที่จะถึงนี้


ทั้งนี้ทางตำรวจหลังจากรับแจ้งความร้องทุกข์แล้วนั้น ได้จัดพนักงานสอบสวนหญิง สอบสวนปากคำผู้เสียหาย และพี่สาวผู้เสียหายถึงเหตุการณ์โดยละเอียด เมื่อได้รับผลการตรวจร่างกายจากโรงพยาบาล นำไปประกอบการพิจารณาไว้แล้ว พร้อมทั้งสอบปากคำ เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยและแคชเชียร์ของรีสอร์ทไว้แล้ว


ที่ผ่านมาทางตำรวจได้มีการประชุมติดตามเร่งรัดคดีทั้งฝ่ายสอบสวน และฝ่ายสืบสวนแล้วถึง 2 ครั้ง ก่อนจะมีการออกหมายเรียกผู้ต้องหามาทำการสอบสวนตามกฎหมาย ทั้งนี้ตำรวจขอยืนยันจะทำการสอบสวนด้วยความรอบคอบ รวดเร็วและให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย

คุณอาจสนใจ

Related News