สหประชาชาติ จวกบริษัทพลังงานโลก ค้ากำไร หาผลประโยชน์ จากวิกฤติพลังงาน จี้โลกรีดภาษีเพิ่ม

อันโตนิอู กูแตเรซ เลขาธิการสหประชาชาติ (UN) ได้ออกมาตำหนิความละโมบโลภมากในการทำผลกำไรจนผิดปกติของบริษัทพลังงาน และผู้สนับสนุนทางการเงินต่อบริษัทน้ำมัน  และเรียกร้องให้รัฐบาลทั่วโลกเก็บภาษีกำไรส่วนเกินเหล่านี้ เพื่อนำมาสนับสนุนกลุ่มคนเปราะบางที่สุด ที่ได้รับผลกระทบอย่างหนักอย่าง

ทั้งนี้ ราคาพลังงานโลกได้ปรับขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะหลังจากที่รัสเซียบุกยูเครน เมื่อวันที่ 24 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ซึ่งทำให้บริษัทน้ำมันรายใหญ่ของโลกทำกำไรอย่างมโหฬาร  ไม่ว่าจะเป็น เอ็กซ์ซอนโมบิล คอร์ป. และบริษัท เชฟรอน คอร์ป. สองบริษัทน้ำมันยักษ์ใหญ่ของสหรัฐอเมริกา บริษัท เชลล์ ของอังกฤษ และบริษัท โททัล ของฝรั่งเศส รวมกันนั้นมีมูลค่าถึงเกือบ 51,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่งเพิ่มขึ้นเกือบสองเท่าเมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน

เลขาธิการสหประชาชาติ กล่าวว่า เป็นเรื่องผิดศีลธรรมอย่างยิ่งสำหรับบริษัทน้ำมันและก๊าซธรรมชาติที่จะทำกำไรเป็นประวัติการณ์จากวิกฤตพลังงานครั้งนี้ บนหลังของคนยากจนที่สุด ด้วยความเสียหายมหาศาลต่อสภาพอากาศ และผมขอเรียกร้องให้ทุกรัฐบาลเก็บภาษีกำไรส่วนเกินเหล่านี้เพื่อใช้เป็นเงินทุนในการสนับสนุนกลุ่มคนที่เปราะบางที่สุดให้ผ่านช่วงเวลาอันยากลำบากนี้”

ทั้งนี้ เมื่อเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา อังกฤษได้อนุมัติการจัดเก็บภาษีลาภลอยต่อบริษัทพลังงานที่อัตรา 25% โดยรัฐบาลอังกฤษระบุว่าการจัดเก็บภาษีดังกล่าวครั้งเดียวจะทำให้มีเงินเพิ่มขึ้น 25,000 ล้านปอนด์ ที่จะนำชดเชยค่าใช้จ่ายด้านพลังงานของภาคครัวเรือนที่พุ่งสูงขึ้นได้ ขณะที่บางประเทศ เช่น อิตาลี ก็ได้กำหนดมาตรการที่คล้ายคลึงกันนี้แล้ว