รวบอดีตทหาร หลอกเช่ารถหรูไปจำนำเต็นท์รถ พบเหยื่ออีกเพียบ คาดเสียหายเกิด 100 ล้านบาท

จากกรณี เมื่อประมาณเดือนมิถุนายน 2565 ได้มีผู้เสียหายเป็นบริษัทรถเช่าและบริษัทเต็นท์รถ จำนวน 3 ราย ที่ถูกโจรกรรมรถไป จำนวน 12 คัน มูลค่าทรัพย์สินประมาณ 76,000,000 บาท เข้ามาร้องทุกข์กับบก.ป. หลังถูกนายเจษฎา หรือ โบ้ท อายุ 26 ปี ทำทีเข้ามาเช่ารถหรู ราคาแพง โดยอ้างว่าเช่าไปให้ผู้บังคับบัญชาใช้งาน ซึ่งหลังจากมีการเช่ารถ นายเจษฎาฯ ได้บ่ายเบี่ยงในการคืนรถและไม่สามารถติดต่อได้ บริษัทฯ จึงติดตามรถของพวกตน จนพบว่าถูกนำไปจำนำ ซึ่งนายเจษฎาฯ ผู้ต้องหา ได้ตระเวนนำรถหรูไปจำนำให้กับนายทุนต่างๆ รวมทั้งขายต่อให้กับบุคคลอื่น


กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง โดย กองกำกับการ 2 กองบังคับการปราบปราม และชุดปราบปรามการโจรกรรมรถยนต์รถจักรยานยนต์ ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก., พล.ต.ต.สันติ ชัยนิรามัย รอง ผบช.ก., พล.ต.ต.สุวัฒน์ แสงนุ่ม รอง.ผบช.ก.,พล.ต.ต.มนตรี เทศชัน ผบก.ป., พ.ต.อ.สุเทพ โตอิ้ม รอง ผบก.ป., พ.ต.อ.บุญลือ ผดุงถิ่น ผกก.๒ บก.ป., พ.ต.ท.สิงห์ชัย ฐานไชยสิทธิ์ รอง ผกก.3 บก.ป. ปฏิบัติราชการ กก.2 บก.ป., พ.ต.ท.นฤทธิ์ ผูกจิตร, , พ.ต.ท.เนติวิทย์ ธนาสิทธิ์นิติกุล รอง ผกก.2 บก.ป., พ.ต.ท.นพรัตน์ คำมาก รอง ผกก.2 บก.ปทส. ปฏิบัติราชการ รอง ผกก.2 บก.ป., พ.ต.ท.ณธัชพงศ์ สินสิริยานนท์ รอง ผกก.2 บก.ป. และเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุม กก.2 บก.ป. ประกอบด้วย พ.ต.ท.สุรเชษฐ์ เดชะพันธ์ รอง ผกก.3 บก.ป.ปรก.กก.2, พ.ต.ต.หญิง กัญจิรา นรสาร สว.ฝอ.บก.ปปป.ปรก.กก.2 บก.ป., ร.ต.อ.ปองธรรม ปองไป, ร.ต.อ.ปุรณัฐ สุวรรณวิศาล รอง สว กก.3 บก.ป.ปรก.กก.2,ด.ต.วิชาญ บุญเกลี้ยง,จ.ส.ต.อรรถพล บุญลิลา ผบ.หมู่ กก.3 บก.ป.ปรก.กก.


โดยทั้งหมดรวมกันจับกุมตัว นายเจษฎา อายุ 26 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับ ศาลทหารกรุงเทพ ที่ 366/2565 ลงวันที่ 6 มิถุนายน 2565 กระทำความผิดฐาน “กู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน ,ฉ้อโกง และฉ้อโกงประชาชน”


โดยสามารถจับกุมได้ที่บริเวณคอนโดมีเนียม ในพื้นที่ ถนนพัฒนาการ แขวงสวนหลวง แขวงสวนหลวง กรุงเทพมหานคร


จากตรวจสอบพบว่า ทุกครั้งที่จะนำรถที่หลอกเช่าออกจำนำนั้น นายเจษฎาฯ มักจะนำภาพใบหน้าตัวเองตัดต่อลงข้อมูลบัตรประชาชนผู้อื่น เพื่อให้ตรงกับข้อมูลรถยนต์คันนั้นๆ แล้วจะนำไปขาย หรือจำนำ เมื่อได้เงินมา นายเจษฎา จะนำเงินส่วนนี้มาใช้จ่ายส่วนตัว บางครั้งจะนำมาชดใช้ให้กับเต็นท์รถต่างๆ เป็นการหมุนเวียนเงินไปเรื่อย ๆ และกระทำในลักษณะนี้อย่างต่อเนื่อง


ทั้งนี้ ยังพบพฤติกรรมในลักษณะนี้ของ นายเจษฎา ว่าได้ก่อเหตุอย่างต่อเนื่อง ในหลายพื้นที่ มีรถยนต์หรูจำนวนมากที่ถูกโกงไปจำนำ และหลอกขายต่อให้เต็นท์รถยนต์มือสอง คาดว่ามีมูลค่าความเสียหายมากกว่า 100 ล้านบาท และมีผู้เสียหายอีกจำนวนมาก ที่อยู่ระหว่างเข้าแจ้งความร้องทุกข์กับสถานีตำรวจในท้องที่


ขณะที่ชุดจับกุมเมื่อได้ข้อมูลดังกล่าว จึงสืบสวนจนทราบว่าผู้ต้องหาพักอาศัยอยู่ในพื้นที่ย่านพัฒนาการ กรุงเทพมหานครก่อนนำกำลังเข้าจับกุมได้ในที่สุด


จากการสืบสวนยังพบว่า ตัวผู้ต้องหามีพฤติการณ์กระทำความผิดอีกหลายรูปแบบและหลายท้องที่ ซึ่งบางคดีมีการแจ้งความไปแล้ว อยู่ระหว่างการรวบรวมหลักฐานขอศาลออกหมายจับ


ขณะเดียวกันยังพบว่าผู้ต้องหา เป็นบุคคลตามหมายจับของศาลทหารกรุงเทพที่ 366/2565 ลงวันที่ 6 มิถุนายน 2565 ของกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ (บก.ปอศ.) กรณีหลอกชัดชวนเพื่อนที่ทำงาน ให้ร่วมกันลงทุนในหุ้นกู้ของบริษัทแห่งหนึ่ง (ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป) ซึ่งไม่เป็นความจริง โดยมีผู้เสียหายจำนวน 21 ราย เข้าแจ้งความร้องทุกข์เมื่อ 10 พฤษภาคม 2565 แล้ว


นอกจากนี้ ผู้ต้องหา ยังมีหมายจับเป็นที่ต้องการตัวอีกจำนวน 2 หมาย ดังนี้

1.หมายจับศาลอาญาพระโขนง เลขที่ จ.359/2565 ซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน “ร่วมกันลักทรัพย์ในเวลากลางคืน”

2.หมายจับศาลแขวงเชียงใหม่ เลขที่ จ.326/2565 ซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน “ฉ้อโกง”


สอบถามปากคำเบื้องต้น ผู้ต้องหาให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา