สังคม

สาวโพสต์ตัดพ้อ พ่อป่วยติดเตียงรอโอนบ้านนานกว่า 3 ช.ม. จนหมดสติ หามส่งรพ.

โดย paranee_s

29 ก.ค. 2565

4.1K views

จากกรณีผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่งได้โพสต์ภาพคุณพ่อหมดสติบนรถวีลแชร์ พร้อมระบุข้อความว่า "ขอบคุณพี่ๆ มูลนิธิทุกท่านนะคะ ที่เข้ามาช่วยเหลือ และขอพูดในฐานะลูกคนนึงที่พ่อเป็นอัมพฤกษ์ และต้องมองพ่อตัวเองอาการหนักแบบนี้ มันเกิดมาจากการทำงานที่แย่ของข้าราชการ เห็นอยู่เต็มตาว่าคนพิการ เราต้องพาคุณพ่อมากรมที่ดินมาโอนบ้าน แค่มาเซ็นเอง ขอให้เจ้าหน้าที่ไปทำที่บ้านก็ไม่ยอม ต้องพาออกมา เราก็ยอมแล้ว มาถึงแทนที่จะช่วยกันทำให้เร็ว ๆ หน่อย ดูก็รู้ว่าแกนั่งไม่ไหว ให้คนพิการนั่งรอ 3-4 ชั่วโมง ไม่รู้เลยจริง ๆ ว่า จิตใจพวกเขาทำด้วยอะไรถึงไม่เห็นใจกันบ้าง จนสุดท้ายพ่อเราต้องมาเข้าโรงพยาบาลฉุกเฉินเพราะแกไอจนเหนื่อย แกรอข้างนอก อากาศ 33 องศานะ ใครจะไปไหว เราทำอะไรไม่ได้เลย แค่มันเจ็บใจจริง ๆ ที่แกต้องมาโรงพยาบาลแบบนี้ เพราะระบบข้าราชการที่ไม่เอื้ออำนวยให้คนพิการเลย คนที่เข้ามา ช่วยเหลือขอขอบคุณมากจริงๆ ค่ะ แต่ใครที่ใจร้าย ทำให้ต้องรอคิวกันนานขนาดนี้ เราก็ไม่รู้เลยว่าจะบอกเค้าว่าอะไร เพราะถ้าเป็นพ่อของเค้าเอง เค้าจะเข้าใจ "


เมื่อเวลา 14.30 น. วันที่ 29 ก.ค.65 ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่พบนางสาวสุดที่รัก อายุ 62 ปี ภรรยา อาชีพค้าขาย และนางสาวกฤตพร อายุ 20 ปี ลูกสาว เพื่อสอบถามกรณีดังกล่าว


จากการสอบถามนางสาวสุดที่รัก กล่าวว่า ครอบครัวตนมีอยู่ 3 คน เป็นครอบครัวเล็ก ๆ ซึ่งมีความจำเป็นที่ต้องขายบ้านเพราะว่าหัวหน้าครอบครัวคือสามีตนชื่อ นายปติวัฒณ์ อายุ 52 ปี เป็นเลือดออกในก้านสมองฉับพลันเมื่อ 3 ปีที่แล้ว ซึ่งมีการขายบ้านให้ทางผู้ใหญ่ที่ซื้อบ้านต่อตน เป็นการซื้อแบบทำสัญญาซื้อขาย โดยมีการผ่อนต่อจนหมด จึงต้องทำเรื่องเปลี่ยนชื่อถ่ายโอนกรรมสิทธิ์ แต่ชื่อบ้านเป็นของสามีตนซึ่งป่วยติดเตียงอยู่ ตนจึงทำหนังสือมอบอำนาจ เพื่อไปยื่นกับทางกรมที่ดิน แต่ทางเจ้าหน้าที่การเคหะ ได้บอกกับตนว่าต้องให้ผู้ป่วยไปดำเนินการด้วยตัวเอง


เจ้าหน้าที่การเคหะเอื้ออาทรได้มีการนัดกับตนว่าจะมีรถมารับคนป่วยไปทำธุรกรรมแต่โดนเท จึงได้โทรขอความอนุเคราะห์เจ้าหน้าที่กู้ภัยมูลนิธิร่วมกตัญญูให้มารับผู้ป่วยติดเตียงไปทำธุรกรรม พอไปถึงสำนักงานก็ต้องรอคิวนานตั้งแต่ 9.00 น. จนถึง 12.00 น. จนหัวใจหยุดเต้น จึงประสานกู้ภัยมารับตัวไปรักษาต่อที่ รพ. อาการหนักจนกระทั่งต้องเจาะคอ ซึ่งสาเหตุก็ไม่ทราบว่ามีการสื่อสารกันผิดรึเปล่าถึงได้รอนานแบบนี้ อยากให้มีการปรับปรุงแก้ไขให้ดีกว่านี้ สำหรับผู้ป่วยติดเตียงและคนพิการ ซึ่งตนไม่อยากให้เหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นกับครอบครัวใครอีก


นางสาวสุดที่รัก กล่าวต่อว่า วันนี้ (29 ก.ค.) เมื่อเวลาประมาณ 10.00 น. ทางด้านเจ้าหน้าที่สำนักงานกรมที่ดิน สาขา ปากเกร็ด ได้เดินทางมาเยี่ยมสามีของตน ซึ่งอาการตอนนี้ยังต้องใช้เครื่องช่วยหายใจอยู่ เนื่องจากออกซิเจนในเลือดต่ำ โดยวันนี้ได้มอบกระเช้าให้กับตนและขอโทษกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นที่ดำเนินการล่าช้า แต่ตนไม่ได้โทษทางเจ้าหน้าที่เพียงแค่อยากให้ระบบราชการมันดีกว่านี้ มีการแยกผู้ป่วยติดเตียงและผู้พิการ จึงอยากฝากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้ดูเคสตนเป็นตัวอย่างแล้วไปปรับแก้ไขเพื่อจะได้ไม่มีเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นกับใครอีก


นางสาวกฤตพร กล่าวว่าความรู้สึกตนที่เขียนโพสต์ลงโซเชียล ตอนนั้นมีความรู้สึกกดดันหลายอย่าง เนื่องจากอยู่หน้าห้องฉุกเฉินที่ รพ.ปากเกร็ด 2 อารมณ์ตอนนั้นทั้งโกรธ โมโห และเศร้า ตามหลักจริงแล้ว ถ้าเรื่องจบตั้งแต่ใบมอบอำนาจพ่อของตนก็ไม่ต้องออกไป และเรื่องก็จะไม่เกิดขึ้น


ซึ่งตนก็พยายามสอบถามแล้วว่ามีวิธีไหนที่จะไม่ให้พ่อต้องออกไปทำเรื่องเอง เพราะตนก็รู้อยู่ว่าถ้าพ่อออกไปด้วยสภาพแบบนี้จะอันตรายแน่ ทั้งเสี่ยงโควิด และการติดเชื้อโรคต่าง ๆ ตนก็ไม่ทราบว่าเจ้าหน้าที่ของการเคหะและกรมที่ดินไปสื่อสารกันผิดยังไง จึงทำให้ดำเนินการช้าแบบนี้ แต่ถ้าเป็นไปได้อยากให้ระบบราชการให้มีข้อปฏิบัติสำหรับผู้พิการหรือผู้ป่วยติดเตียง มีช่องทางพิเศษ เวลามีเหตุฉุกเฉินจะได้รับมือทัน


ซึ่งตามหลักจริงแล้วก็น่าจะเสร็จภายใน 1 ชม. เนื่องจากเอกสารของตนครบ เหลือเพียงแค่เซ็นเอกสารและปั๊มลายนิ้วมือ แต่วันเกิดเหตุใช้เวลาถึง 3 ชั่วโมงจนพ่อมีอาการหนักจึงติดต่อ 1669 มูลนิธิร่วมกตัญญูมารับพ่อไปรักษาที่รพ.ปากเกร็ด 2 ไปรักษาต่อโดยมีอาการถึงขั้นเข้าฉุกเฉินใช้เครื่องช่วยหายใจ รวมถึงเจาะคอ



คุณอาจสนใจ

Related News