‘ยูเครน’ ส่งออกธัญพืช แก้วิกฤตอาหารโลกได้แล้ว หลังเซ็นข้อตกลงกับรัสเซีย

ยูเครนเดินหน้าส่งออกธัญพืชจากท่าเรือในทะเลดำต่อไปตามที่ลงนามกันไว้ในข้อตกลงกับรัสเซีย แม้ว่าเมื่อวานนี้ กองกำลังของรัสเซียจะเปิดฉากยิงขีปนาวุธถล่มท่าเรือ ในเมืองโอเดซา เมืองท่าทางตอนใต้ของประเทศ


ประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกี ของยูเครนออกมาแถลงประณามรัสเซียว่า "ป่าเถื่อนและไร้มนุษยธรรม" หลังจากที่กองกำลังของรัสเซีย เปิดฉลากยิงขีปนาวุธหลายลูกถล่มท่าเรือ ในเมืองโอเดซา เมืองท่าสำคัญทางตอนใต้ของประเทศ โดยรายงานระบุว่า มีขีปนาวุธอย่างน้อย 2 ลูกตกใส่สถานีสูบน้ำของท่าเรือ แต่โชคดีที่อีก 2 ลูก ถูกระบบต่อต้านขีปนาวุธสามารถยิงสกัดเอาไว้ได้


ต่อมา โฆษกของกองทัพอากาศยูเครนเปิดเผยว่า ขีปนาวุธทั้งหมดน่าจะถูกยิงมาจากเรือรบในทะเลดำใกล้กับคาบสมุทรไครเมีย อย่างไรก็ดี รายงานของสื่อท้องถิ่นระบุว่า การโจมตีดังกล่าวไม่ได้สร้างความเสียหายมากนัก และยูเครนจะเดินหน้าส่งออกธัญพืชออกจากท่าเรือริมชายฝั่งทะเลดำต่อไป


การโจมตีของรัสเซียเกิดขึ้นเพียงหนึ่งวัน หลังจากที่รัสเซียกับยูเครนบรรลุข้อตกลงสำคัญครั้งประวัติศาสตร์ ในการเปิดทางให้มีการส่งออกธัญพืช ปริมาณกว่า 20 ล้านตัน ออกจากท่าเรือริมชายฝั่งทะเลดำ ของยูเครน เพื่อแก้ไขปัญหาวิกฤตการณ์อาหารโลก ซึ่งภายใต้ข้อตกลงดังกล่าว รัสเซียประกาศว่าจะไม่โจมตีเป้าหมายที่เป็นท่าเรือในขณะที่มีการส่งออกธัญพืช


ซึ่งการลงนามข้อตกลงนี้ เกิดขึ้นที่นครอิสตันบูล ของตุรกี โดยมีประธานาธิบดีของตุรกี และ เลขาธิการขององค์การสหประชาชาติร่วมเป็นสักขีพยาน


อย่างไรก็ดี จนถึงขณะนี้ รัสเซียยังไม่ออกมาแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับการโจมตีดังกล่าว แต่รัฐบาลตุรกี ซึ่งเป็นตัวกลางในการเจรจาข้อตกลง กล่าวว่า เจ้าหน้าที่รัสเซียได้ออกมาปฏิเสธความรับผิดชอบต่อการโจมตีที่เกิดขึ้น


ซึ่งภายหลังที่รัสเซียยิงถล่มเมืองโอเดซา ทำให้หน่วยงานระหว่างประเทศและชาติตะวันตกหลายชาติออกมาประณาม ทั้ง องค์การสหประชาชาติ, สหภาพยุโรป, สหรัฐอเมริกา, อังกฤษ, เยอรมนี, และ อิตาลี