'ชัชชาติ' วิ่งตรวจเมือง ร่วมงานโยคะสากล ประเดิมผู้ว่าสัญจร ที่เขตคลองเตย

'ชัชชาติ' วิ่งตรวจเมือง ร่วมงานโยคะสากล ประเดิมผู้ว่าสัญจร ที่เขตคลองเตย

ชัชชาติ ประเดิมผู้ว่าสัญจรนัดแรก​ เริ่มต้นที่เขตคลองเตย ร่วมปลูกต้นไม้ ก่อนนั่งประชุมรับฟังปัญหา​ ระบุใช้คลองเตยเป็นโมเดลหลัก หลังพบเรื่องร้องเรียนกว่า 9 ร้อยเรื่อง ขอความร่วมมือเอกชนทำ CSR แจกหมวกกันน็อคเด็ก​


วันที่ 19 มิถุนายน​ 2565 ที่สวนเฉลิมพระเกียรติสมเด็จย่า​ เขตคลองเตย นายชัชชาติ​ สิทธิ​พันธุ์​ ผู้​ว่าราชการ​กรุงเทพ​มหานคร​ ได้เยี่ยมชมศูนย์การเรียนรู้ด้านสิ่งแวดล้อม ​และ​นำข้าราชการ​ ปลูกต้นไม้​ 40​ ต้น​ ประกอบด้วยต้นพิกุล มะดัน ขี้เหล็ก ชะอม มันปู และมะกอกป่า​ ตามนโยบายปลูกต้นไม้​ 1​ ล้านต้นทั่ว​ กทม.​ ซึ่งในโอกาสนี้ นายชัชชาติได้ร่วมปลูกต้นพิกุล​ ทั้งนี้การลงพื้นที่เขตคลองเตยในวันนี้ ถือเป็นครั้งแรกของนโยบายผู้ว่าสัญจร​ ที่จะลงพื้นที่ ​1 เขต​ ทุกวันอาทิตย์


จากนั้น นายชัชชาติได้เดินทางมาที่สำนักงานเขตคลองเตย เพื่อประชุมรับฟังปัญหา​ โดยให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนว่า​ นโยบายผู้ว่าสัญจรคือนโยบายที่ลงมารับฟังปัญหาเร่งด่วนของทุกเขตทั่ว กทม. โดยใช้คลองเตยเป็นเขตแรก เนื่องจากเป็นชุมชนแออัดที่ใหญ่ที่สุดในกรุงเทพฯ และมีปัญหามาก​ เพื่อขับเคลื่อนเป็นต้นแบบการแก้ไขไปยังชุมชนอื่น​ ซึ่งขณะนี้มีเรื่องรับแจ้งมากว่า 20,000 เรื่อง และสามารถแก้ไขไปแล้ว 3,000​ เรื่อง​ และยอมรับอาจจะมีบางเรื่องที่ กทม.ขับเคลื่อนเองไม่ได้ เนื่องจากไม่ได้รับผิดชอบโดยตรง ซึ่งจะปฏิเสธความรับผิดชอบไม่ได้​ เพราะ กทม.ต้องเกี่ยวทุกเรื่อง​ ซึ่งจะต้องเร่งประสานงานกับหน่วยงานอื่น​


สำหรับสำนักงานเขตคลองเตย ได้รับเรื่องร้องเรียนกว่า 900 เรื่อง รับเรื่องแล้ว​ 600​ เรื่อง แก้ไขแล้วเสร็จ 142 เรื่อง​ โดยการนำระบบทราฟฟี่ฟองดูร์ (Traffy Fondue) เข้ามารวบรวมปัญหา ​ถือเป็นมิติใหม่ที่ไม่ต้องใช้เงินแม้แต่บาทเดียว​ อีกทั้งยังให้มีประชาชนมีอำนาจในการตรวจสอบ​ ซึ่งหลายเรื่องเป็นปัญหาละเอียดอ่อน​ ที่สะท้อนถึงสภาพเศรษฐกิจที่รุนแรงขึ้น​ อาทิ​ ปัญหาคนไร้บ้าน และประชาชนไม่มีรายได้


นายชัชชาติยังสั่ง กทม.สำรวจ​ปัญหาหมวกกันน็อคของเด็ก หลังพบว่าภายหลังมีการเปิดให้มีการเรียนการสอน เด็กส่วนใหญ่โดยสารโดยใช้รถจักรยานยนต์และไม่สวมใส่หมวกกันน็อค​ ซึ่งจากการสำรวจมีความต้องการกว่า 120,000 ใบ​ จากเด็ก​ 270,000 คน​ ซึ่งในขั้นต้น กทม.อาจจะขอความร่วมมือจากภาคเอกชนที่สนใจทำ CSR ก่อน เพราะยังไม่อยากใช้งบประมาณ ​เพราะต้องมีขั้นตอนเพื่อให้เยาวชนของชาติมีความปลอดภัย​ เช่นเดียวกับ กทม.จะเป็นตัวกลางสร้างแฟลตฟอร์ม​เสริมสร้างความรู้ให้กับประชาชน​ ช่วยให้เกิดการจ้างงาน​ ซึ่งอาจจะมีการเทรนนิ่ง​ ให้เหมาะสมกับฝีมือ​ ให้รู้ว่าธุรกิจต้องการอะไรออกใบเซอร์รับรองฝีมือ​และมีพฤติกรรม​ที่ดี​


ขณะเดียวกัน นายชัชชาติ ยังกล่าวถึงประเด็น​ บริษัท กรุงเทพธนาคม จำกัด หรือ เคที วิสาหกิจของกรุงเทพมหานคร (กทม.) แต่งตั้งคณะกรรมการบริหาร หรือบอร์ดชุดใหม่​ โดยมี​ นายธงทอง จันทรางศุ อดีตปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีและผู้เชี่ยวชาญด้านประวัติศาสตร์ รวมถึงเป็นนักกฎหมาย เป็นประธานบริษัท​ ว่า​โดยส่วนตัวตนเองเคารพ​ อ.ธงทอง​ และทุกเชื่อมั่นและยอมรับในตัวอาจารย์เช่นกัน​ และไม่ใช่แค่การส่องไฟฉาย แต่คือการส่งสปอร์ตไลท์เพื่อให้การทำงานมีความโปร่งใสยิ่งขึ้น​ ในหลายเรื่องที่ต้องทบทวนเอกสารและดูในเรื่องของกฎหมาย​ ซึ่งเป็นกำลังใจและทำให้เราเบาใจขึ้น​ คิดว่าจะมีการสานต่องานที่ดี​


โดยเคทีที่นายชัชชาติ​อยากเห็นคือ หน่วยงานที่เพิ่มประสิทธิภาพ​ ให้กับการดำเนินงานของ กทม.ได้ ที่ผ่านมา​ ​เคที เป็นหน่วยงานที่มีความคล่องตัว แต่ไม่สามารถตรวจสอบได้ ทำให้เกิดปัญหาทั้งกรณีรถไฟฟ้าสายสีเขียว โรงขยะ การนำสายไฟฟ้าลงดิน​ ตนเองเชื่อว่าอาจารย์ธงทองทำได้​ เพราะเป็นคนที่เก่งมาก ๆ และเมตตาเข้ามาช่วยงาน​ โดยขอขอบคุณอาจารย์​ธงทอง​ ที่เข้ามาเป็นประธาน เคที หน่วยงาน ที่ไม่ได้มีผลตอบแทนอะไรมีแต่ปัญหา เสียสละเพื่อชาติ และทำให้คน​ กทม.​มีความมั่นใจขึ้น ​และตนให้เวลาอาจารย์​แก้ปัญหาให้เต็มที่ เพราะที่ผ่านมาปัญหาก็มีมานานแล้ว​ และตนจะให้เกียรติ​ไม่ไปยุ่งให้อิสระ​เต็มที่ และสุดท้ายก็จะเอาผลประโยชน์ของประชาชนเป็นที่ตั้ง

รับชมทางยูทูบที่ : https://youtu.be/cCIvN2H9xiI