สังคม

โผล่เพิ่ม! เจ้าหนี้แฉพฤติกรรม '2 ผัวเมีย' หลอกลงทุนหลายล้าน ก่อนเผ่นหนีไปตุรกี

โดย JitrarutP

25 เม.ย. 2565

96 views

โผล่มาเพิ่ม เจ้าหนี้เผยสองผัวเมียหนีไปตุรกี เคยชักชวนทำธุรกิจกองทุน หลอกเสียหายหลายล้าน เจ้าหนี้เตรียมรวบรวมหลักฐาน ยื่นดำเนินคดี

จากกรณีนายนิรุตน์ วัย 41 ปี และนางนฤมล และลูก 2 คน วัย 12 และ 7 ปี หายตัวออกจากบ้านที่อำเภอทุ่งเสลี่ยม จังหวัดสุโขทัย เมื่อวันที่ 10 เมษายน โดยขาดการติดต่อกับทางญาติ จนต่อมาโลกโซเชียลพบเบาะแสมีการไปขายรถปิกอัพให้กับเต็นท์รถมือสองที่จังหวัดอุดรธานี เพราะเต็นท์มีการมาไลฟ์สดขายรถคันดังกล่าว กระทั่งพบว่า ทั้ง 4 คน เดินทางไปที่เมืองอิสตันบูล ประเทศตุรกี เนื่องจากหนีหนี้หลาย 10 ล้านบาท

ผู้สื่อข่าวเดินทางไปพบผู้เสียหายรายหนึ่ง นามสมมติชื่อ นางสาวเอ ที่อำเภอบ้านด่านลานหอย หนึ่งในเจ้าหนี้ของนางนฤมล เล่าว่า ถูกนางนฤมล ชักชวนให้ร่วมลงทุนเรื่องเงินกองทุนหมู่บ้าน โดยนางนฤมลอ้างว่ามีตำแหน่งใหญ่โต ทำหน้าที่ดูแลบัญชีเงินกองทุนหมู่บ้าน ด้วยความไว้ใจจึงหลงเชื่อร่วมลงทุนด้วย แรก ๆ ลงทุนไม่กี่แสนบาท แต่ต่อมาลงทุนเรื่อย ๆ จนมียอดสะสมอยู่ที่ 1.5 ล้านบาท และตนเองยังไม่ชวนเพื่อนมาร่วมลงทุนอีก 2 คน เพราะที่ผ่านมาได้ผลตอบแทนดี

โดยพฤติการณ์ของนางนฤมล จะเสนอผลตอบแทน 2-3% ลงทุนภายใน 15-20 วัน ซึ่งตั้งแต่ลงทุนมาได้นำเงินไปลงทุนแล้ว 5 รอบ หลังรู้ข่าวนางนฤมล กับครอบครัวเดินทางไปตุรกี ก็รู้สึกงงมาก คิดว่ามีการวางแผนไว้ล่วงหน้า และครอบครัวน่าจะรู้เรื่องที่นายนิรุตน์ และนางนฤมล เข้ามาทำกองทุน ซึ่งตนมาเอะใจและเข้าแจ้งความที่ สภ.บ้านด่านลานหอย ในวันที่มีการไลฟ์ขายรถ อยากให้เดินทางกลับมาเคลียร์ปัญหามากกว่าหนีปัญหา เบื้องต้นแจ้งความไว้ 2 ข้อหา คือหมิ่นประมาทโดยแอบอ้างว่าตนเองเป็นผู้ดูแลกองทุนหมู่บ้านของอำเภอบ้านด่านลานหอย และข้อหาฉ้อโกง

ขณะที่คุณสิทธิกร ปรักกัมนนท์ ทีมข่าวเที่ยงวันทันเหตุการณ์ ได้พูดคุยกับนายทุน ซึ่งเป็นผู้เสียหายอีกราย ใช้นามสมมติว่า นายเจม เล่าว่า ตนเองถูกนายนิรุตน์ ชักชวนให้ทำธุรกิจเกี่ยวกับกองทุน มีการอ้างว่านางนฤมล ภรรยา เป็นเลขานุการกองทุนหมู่บ้าน รู้จักกับชาวบ้านเยอะ จึงรู้เรื่องบัญชีกองทุนและเงินกู้ในหมู่บ้าน โดยชักชวนให้ตนนำเงินไปชำระหนี้แทนชาวบ้านและจะได้เงินปันผล นอกจากนี้ยังมีชาวบ้านในหลายหมู่บ้านต้องการกู้เงิน

นายนิรุตน์และภรรยามีการยืมเงินของตนเองจริง แต่ไม่ขอบอกจำนวนเงินทั้งหมด และยังมีนายทุนอีกหลายเจ้าที่นำเงินไปลงทุนด้วยหลายล้านบาท ตอนแรกตนทราบข่าวมาตั้งแต่วันที่ 10 เมษายน 2565 ว่านายนิรุตน์พาครอบครัวไปเที่ยว ต่อมาทางบ้านติดต่อนายนิรุตน์ไม่ได้ ตนเองไม่คิดว่านายนิรุตจะเดินทางออกไปไกลถึงนอกประเทศ

ที่ตนเองยังไม่ออกมาแจ้งความเพราะไม่อยากเป็นคดีความ ยังรอให้ทั้งคู่ติดต่อมาเจรจาไกล่เกลี่ยกันก่อน ก็ยังหวังว่าจะได้เงินคืน จนมาถึงวันนี้ทั้งคู่ก็ยังไม่ได้ติดต่อกลับมา ตนเองจึงคิดว่าไม่ปกติแล้ว จึงมีการปรึกษาทนายความส่วนตัว เตรียมรวบรวมพยานหลักฐานเอกสารต่างๆ และจะทำการยื่นเรื่องดำเนินคดีต่อไป

ทีมข่าวเที่ยงวันยังสอบถามอีกว่า การที่ทั้งคู่มาขอให้ตนเองเป็นนายทุนให้นั้น เป็นแค่การแอบอ้างรายชื่อของคนในหมู่บ้าน เพื่อให้ตนเองตายใจและนำเงินไปใช้เสียเองหรือไม่ นายเจมเผยว่า มาถึงขั้นนี้แล้วตนมองว่าผู้เสียหายออกมาเยอะขึ้นเรื่อย ๆ มีโอกาศเป็นไปได้ว่าเงินอาจจะไม่ถึงมือชาวบ้าน แต่นายนิรุตและภรรยาเก็บเงินไว้เสียเอง แสดงว่ากองทุนที่ทั้งคู่ตั้งขึ้นมาอาจไม่มีอยู่จริง ตนเองคิดแบบนั้น

หลังมีการพาดพิงถึงกองทุนหมู่บ้าน ล่าสุดนายเกียรติศักดิ์ ทองสุระ หัวหน้าสำนักงานกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองแห่งชาติ ได้เข้าตรวจสอบที่หมู่ 3 ตำบลบ้านไร่ อำเภอศรีสำโรง และมีการเรียกคณะกรรมการกองทุนหมู่บ้านเข้ามาพูดคุย และตรวจสอบเอกสารคู่สัญญาต่าง ๆ

นายขรรค์ชัย จันทุ่ง อายุ 39 ปี ผู้ใหญ่บ้าน หมู่ 3 ตำบลบ้านไร่ อำเภอศรีสำโรง จังหวัดสุโขทัย ยอมรับว่า ประธานกองทุนหมู่บ้าน มีชื่อของนายล้วน พ่อของนายนิรุตม์ เป็นประธานจริง และนางนฤมาล เป็นเลขานุการกองทุน แต่ไม่ได้มีการนำเงินของกองทุนออกไปใช้แต่อย่างใด และจากการตรวจสอบภายในหมู่บ้านไม่มีใครเข้ามาแจ้งเป็นผู้เสียหาย มีเพียงคู่สัญญาที่เป็นคนค้ำเงินกู้ให้กับนายนิรุตน์ และนางนฤมล ที่กู้เงินไปคนละ 75,000 บาท ต้องเป็นผู้รับผิดชอบตามสัญญาเงินกู้

คุณอาจสนใจ