สังคม

ลูกสาวช็อก พ่อรักษาโควิดหายตัวไป ก่อนพบ รพ.สลับตัว สรุปพ่อโดนเผาไปแล้ว

โดย thichaphat_d

10 มี.ค. 2565

1.6K views

จากกรณี น.ส.ธัชสุภา วณิชยกุลวงศ์ อายุ 33 ปี ได้ร้องเรียนผู้สื่อข่าวว่า นายธีระ ระงับโจร อายุ 66 ปี พ่อตนเองป่วยเป็นโรคอัลไซเมอร์ ก่อนจะป่วยโควิดตามมา ซึ่งทางเนอร์สซิ่งโฮม ศูนย์รับเลี้ยงได้นำตัวมารักษาที่โรงพยาบาลปทุมธานี และคุณพ่อได้หายตัวไป โดยทางลูกสาวได้ไปลงบันทึกประจำวันที่สภ.เมืองปทุมธานี ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น


วันที่ 9 มีนาคม ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ต่อมาคณะแพทย์ของโรงพยาบาลปทุมธานี ได้เชิญ น.ส.ธัชสุภา วณิชยกุลวงศ์ อายุ 33 ปี ไปรับฟังคำชี้แจง โดยมีญาติของนายบุญหนา ที่ป่วยโควิดเช่นกัน เข้ามารับฟังคำชี้แจงในครั้งนี้ด้วย


โดย นพ.ยรรยง เสถียรภาพงษ์ รองผู้อำนวยการฝ่ายการแพทย์ โรงพยาบาลปทุมธานี กล่าวว่าเมื่อวันที่ 16 มกราคม 2565 เวลา 18.14 น. หอผู้ป่วย 1/5 ได้รับผู้ป่วยโควิด 2 ราย คือนายบุญหนา ศรีปราช และนายธีระ ระงับโจร จากศูนย์ดูแลผู้สูงอายุเอกชน เป็นผู้ป่วยติดเตียง ไม่สามารถสื่อสารได้ ให้อาหารทางสายยางทั้งสองราย รับเข้ามาดูแลในห้องผู้ป่วยห้องเดียวกัน 2 เตียง โดยเตียงเลขที่ 901 คือ นายธีระ และเตียงเลขที่ 902 คือ นายบุญหนา


ต่อมาวันที่ 20 มกราคม 2565 เวลา 04.00 น. ทางหอผู้ป่วยแยกโรค 1/5 ต้องเตรียมรับผู้ป่วยหนักรายอื่น จึงได้ทำการเตรียมย้ายผู้ป่วย 2 รายดังกล่าว ไปหอผู้ป่วยติดเชื้อโควิดรวม (3/3) และด้วยผู้ป่วยทั้ง 2 รายนี้ มีสภาพอาการใกล้เคียงกัน และย้ายในเวลาใกล้เคียงกัน


จึงคาดว่าน่าจะมีการสลับชื่อผู้ป่วย แต่ผู้ป่วยทั้ง 2 รายยังได้รับการรักษาตามอาการของแต่ละคน ระหว่างนั้นหอผู้ป่วยได้สื่อสารกับญาติของผู้ป่วยทั้ง 2 ราย ทางโทรศัพท์เป็นระยะๆ ตามอาการที่บันทึกในเวชระเบียน เนื่องจากไม่สามารถให้ญาติเข้าเยี่ยมได้ตามมาตรการเฝ้าระวังโควิด


จนวันที่ 23 มกราคม 2565 เวลา 16.00 น. ผู้ป่วยหนึ่งในนั้นมีอาการทรุดลงและเสียชีวิต ซึ่งชื่อตามเวชระเบียนและใบมรณบัตรที่ออกคือ นายบุญหนา ศรีปราช จึงได้ประสานแจ้งญาติ ชื่อคุณตู๋ บุตรสาวนายบุญหนา ศรีปราช มารับศพและได้จัดการศพตามมาตรการโควิด คือบรรจุศพลงในถุงซิปล็อก 2 ชั้น ญาติไม่สามารถเปิดดูสภาพศพและใบหน้าผู้เสียชีวิตได้ ซึ่งญาติไปดำเนินการตามพิธีการทางศาสนาที่วัดหงส์ปทุมวาส จังหวัดปทุมธานี


หลังจากฌาปนกิจ ได้มอบกระดูกไว้ให้ญาติไปเก็บไว้ที่บ้าน ณ จังหวัดชลบุรี และลอยอังคารที่อำเภอสัตหีบส่วนหนึ่ง


ส่วนผู้ป่วยอีกรายชื่อตามเวชระเบียนคือนายธีระ ระงับโจร ซึ่งมีอายุ 65 ปีเท่ากัน และสภาพอาการป่วยติดเตียงและสื่อสารไม่ได้ ให้อาหารทางสายยางเช่นกัน มีอาการโควิดดีขึ้น และพ้นระยะแพร่กระจายเชื้อ แต่ยังมีภาวะแทรกซ้อนปอดอักเสบ จึงได้ทำการย้ายไปรักษาต่อที่หอผู้ป่วยอายุรกรรมชายเมื่อวันที่ 29 มกราคม 2565 เวลา 10.00 น. และได้มีการแจ้งอาการกับญาติเป็นระยะ ๆ โดยญาติไม่ได้รับการอนุญาตเข้าเยี่ยม เนื่องจากมาตรการโควิด


ต่อมาวันที่ 7 มีนาคม เวลา 19.35 น. ผู้ป่วยมีอาการเหนื่อยหอบ ทรุดลง ทางหอผู้ป่วยอายุรกรรมชายจึงติดต่อญาติ และญาติได้เข้ามาเยี่ยมวันที่ 7 มีนาคม 2565 เวลา 20.30 น. แพทซึ่งเป็นลูกสาวคนที่สองของนายธีระ มาเยี่ยมผู้ป่วยและถามว่าผู้ป่วยอยู่เตียงไหน และมาเยี่ยมที่เตียงผู้ป่วยหมายเลข 25/1 ได้คุยอาการกับพยาบาลว่าขอปรึกษาพี่สาว ชื่อแจน ก่อน


เมื่อพี่สาวมาถึงเวลา 21.00 น. พบว่าผู้ป่วยที่นอนอยู่ไม่ใช่บิดาของตน และยืนยันด้วยบัตรประชาชนที่ชัดเจนว่าหน้าคนในบัตรไม่เหมือนกับคนที่นอนอยู่ ซึ่งบัตรประชาชนชื่อคุณธีระ ระงับโจร จึงสันนิษฐานว่าคุณธีระ ระงับโจร ตัวจริงน่าจะเสียชีวิตไปแล้วในนามของคุณบุญหนา ศรีปราช 


จากนั้น เมื่อวานนี้ 9 มี.ค. เวลา 13.00 น. น.ส.ธัชสุภา อายุ 33 ปี ได้เข้าพบ พ.ต.ต.สุธน จิตตภูมิภักดี สารวัตรสอบสวน สภ.เมืองปทุมธานี เพื่อเข้าให้ข้อมูลเพิ่มเติมหลังจากเมื่อวันที่ 8 มี.ค. เวลา 00.51 น. ได้เข้าแจ้งความกับพนักงานสอบสวนไว้ก่อนหน้าว่า นายธีระ อายุ 66 ปี ซึ่งเป็นบิดาได้เข้ารับการรักษาโรคโควิด19 ที่ รพ.ปทุมธานี แล้วเกิดหายตัวไป เพื่อให้เจ้าหน้าที่ตำรวจช่วยติดตาม และหาสาเหตุการหายตัวไปว่าเกิดจากสาเหตุใด


น.ส.ธัชสุภา เปิดเผยว่า บิดาตนเองซึ่งป่วยเป็นอัลไซเมอร์ได้ไปฝากดูแลไว้ที่ศูนย์ดูแลผู้สูงอายุ หรือ เนอร์สซิ่งโฮมแห่งหนึ่ง ต่อมาผู้ดูแลได้แจ้งว่าที่เนอร์สซิ่งโฮมมีผู้ป่วยโควิดจำนวนมาก จึงส่งคนป่วยรายอื่นพร้อมทั้งพ่อของตนเองมารักษาที่โรงพยาบาล ตั้งแต่ต้นเดือนมกราคม 2565 ที่ผ่านมา โดยพยาบาลมีการอัพเดตอาการกับญาติผู้ป่วยมาโดยตลอด


ต่อมาวันที่ 7 มีนาคม 2565 เวลาประมาณ 18.30 น. ทาง รพ. ได้โทรมาแจ้งว่าผู้ป่วยอาการไม่ดีให้เข้ามาดูที่ รพ. เหมือนจะไม่ไหวแล้ว ให้เข้ามาดูเป็นครั้งสุดท้าย ตนเองและญาติจึงเดินทางไปที่ รพ. พบว่าผู้ที่อาการหนักนอนอยู่บนเตียง ไม่ใช่พ่อของตนเอง แต่ชื่อที่เตียงระบุว่าเป็นชื่อพ่อตนเอง ซึ่งตนเองได้บอกกับทางพยาบาลว่าผู้ป่วยรายนี้ไม่ใช่พ่อของตนเอง ผิดหรือเปล่า โรงพยาบาลแจ้งว่าเป็นพ่อของตนเองตามเอกสารการรักษา หรืออาจจะเป็นเพราะว่าสารอาหารไม่มี ทำให้หน้าเปลี่ยน อาจจะจำไม่ได้ ซึ่งเป็นไปไม่ได้ที่ตนเองจะจำพ่อไม่ได้ เพราะนั่นไม่ใช่พ่อเรา


จากนั้นตนเองจึงไปหาข้อมูลผู้ป่วยที่นอนรักษาอยู่นั้นคือใคร โดยการโทรหาพี่เลี้ยงที่เนอร์สซิ่งโฮม และการส่งรูปไปให้ดู ซึ่งทางพี่เลี้ยงก็บอกว่าไม่ใช่พ่อของตนเอง ซึ่งเป็นไปไม่ได้เพราะคนดูแลเลี้ยงพ่อมา 7 ปี ต้องจำได้แม่นแน่นอน ส่วนผู้ป่วยดังกล่าวคือ นายบุญหนา (ขอสงวนนามสกุล) ตนเองจึงได้โทรกลับไปที่เจ้าของเนอร์สซิ่งโฮมเพื่อขอข้อมูล ซึ่งบอกว่าลุงบุญหนาได้เสียชีวิตไปแล้ว ตั้งแต่ 23 มกราคม 2565 ที่โรงพยาบาลด้วยโรคโควิด-19 ตนเองจึงตกใจและเช็คไปยัง รพ.ปทุมธานี ได้ข้อมูลว่าลุงบุญหนาได้เสียชีวิตไปแล้วจริง


ตนเองได้ติดต่อไปยังบุตรสาวของนายบุญหนา ซึ่งทางนั้นบอกกับตนเองว่านายบุญหนา พ่อของตนเองเสียชีวิตไปตั้งแต่วันที่ 23 มกราคม 2565 และเผาไปเมื่อวันที่ 24 มกราคม 2565 ที่วัดหงษ์ ต.บางปรอก อ.เมืองปทุมธานี จ.ปทุมธานี และเมื่อวันที่ 8 มี.ค. บุตรสาวลุงบุญหนาได้เดินทางมาดูที่ รพ. ก็พบว่าคนป่วยบนเตียงพ่อตนเองจริงๆ ลูกสาวลุงบุญหนายังบอกอีกว่า แล้วคนที่ตนเองเผาไปคือใคร


ตนเองอยากให้ทางโรงพยาบาลออกมาชี้แจงให้ชัดเจนเลยว่า จนถึงขั้นการรักษาเพราะหากการรักษาผู้ป่วยมีการสลับชื่อกัน การรักษาจะเป็นอย่างไร ให้ยาอย่างไร เพราะตัวพ่อตนเองปกติแล้วไม่มีโรคประจำตัวแค่ติดโควิด-19 อาการไข้ไม่มี ส่วนอาการของลุงบุญหนา คือมีการติดเชื้อที่ปอด


จึงอยากรู้ว่ารักษากันแบบไหน จนถึงขณะนี้ที่เตียงโรงพยาบาลลุงบุญหนา ยังใช้ชื่อนายธีระ ซึ่งเป็นพ่อของตนเองอยู่ และในเมื่อวานนี้ 9 มี.ค.ทาง รพ. ได้ให้ตนเองเดินทางไปพบผู้เกี่ยวข้องเพื่อหารือโดยไม่ให้สื่อมวลชนเดินทางเข้าไปรับฟังข้อมูล


ต่อมาคุณแจนได้โพสต์เฟซบุ๊ก ระบุข้อความว่า "เมื่อคืน แจน down มากจริง ๆ ค่ะ ดูคลิปที่ถ่ายวันที่ 1 ม.ค. ปี 2019 ตอนนั้นพ่อยังดูพอคุยได้ ทานได้ (มัดมือ ใส่ถุงมือเพราะพ่อย้ำคิดย้ำทำ เกาตัวเองจนเลือดไหลค่ะ เลยต้องผูกเตียงไว้ เราผูกแบบคลายๆนะคะ ไม่ได้มึดตึง) เมื่อคืนร้องไห้หนักมากจริง ๆ ค่ะ อยากเจอพ่อเร็ว ๆ สงสารพ่อ"


ซึ่งในคลิปจะเป็นภาพที่คุณแจนนั่งคู่กับคุณพ่อบนเตียง มีการพูดคุยหยอกล้อคุณพ่อ และป้อนนมกับขนมให้


รับชมผ่านยูทูปได้ที่ : https://youtu.be/2m5uSnAUi1M

คุณอาจสนใจ