กรมควบคุมโรค แจงเด็ก 2 ขวบดับ อาจเกิดจากภาวะ MIS-C ไม่ใช่ลองโควิด

จากกรณีที่มีคุณแม่ ออกมาโพสต์เล่าเหตุการณ์ ลูกชายวัย 2 ขวบ เสียชีวิตจากภาวะลองโควิด ล่าสุดทาง นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค (คร.) ให้สัมภาษณ์กรณีข่าวเด็กอายุ 2 ขวบ เสียชีวิตจากภาวะลองโควิด ว่า เรามี 2 คำที่มีความแตกต่างกัน คือ “ลองโควิด” ซึ่งหายจากโรคโควิดแล้วเกิดอาการผิดปกติ เช่น อ่อนเพลีย อาการทางสมองอื่นๆ ซึ่งมีหลายอาการมาก เป็นภาวะใหม่ที่องค์การอนามัยโลกและผู้เชี่ยวชาญกำลังติดตามอย่างใกล้ชิด



เป็นได้ทั้งผู้ใหญ่และเด็ก และ “ภาวะอักเสบหลายอวัยวะ (MIS-C)” เกิดขึ้นในเด็กและผู้ใหญ่ได้ เช่น อักเสบที่ไต สมอง ฯลฯ ตามแต่ละบุคคล เชื่อว่าเกิดจากเชื้อโควิดกระตุ้นภูมิคุ้มกันมากเกินไป ทำให้เกิดการอักเสบขึ้น แต่ไม่ได้แปลว่าจะเกิดขึ้นในเด็กทุกคน อาจเกิดในเด็กบางคนแต่เกิดขึ้นไม่มาก



วิธีป้องกันคือป้องกันการติดเชื้อ ส่วนหนึ่งคือการฉีดวัคซีน ซึ่งจะช่วยป้องกันการติดเชื้อ หรือหากติดเชื้อก็ลดความรุนแรง เข้าใจว่าข่าวที่ออกมาและมีเด็กเสียชีวิต น่าจะมีจากภาวะ MIS-C มากกว่า



สำหรับภาวะ MIS-C เนื่องจากเป็นการอักเสบในหลายอวัยวะ ทำให้มีอาการต่างกัน เช่น อักเสบที่ไตอาการแบบหนึ่ง อักเสบที่สมอง หรือเส้นเลือดก็จะมีอาการแบบหนึ่ง ดังนั้น หากมีอาการผิดปกติหลังเป็นโควิดให้ไปพบแพทย์เพื่อดูแลรักษาต่อไป



ด้าน ศ.นพ.สมศักดิ์ โล่ห์เลขา ประธานราชวิทยาลัยกุมารแพทย์แห่งประเทศไทย ระบุว่า กรณีนี้ น่าจะไม่ใช่โรคลองโควิด โรคลองโควิดคือ มีอาการโควิดที่นานขึ้น เป็นอาทิตย์ หรือเป็นเดือน



แต่กรณีนี้ คือเด็กได้รับผลกระทบจากการเป็นโรคโควิด โดยไม่รู้ตัว เนื่องจากเด็ก หากติดเชื้อโควิด จะไม่มีอาการมาก บางรายก็แทบไม่มีอาการ ทำให้พ่อแม่ผู้ปกครอง ไม่รู้ว่านี่ลูกเป็นโควิด



อย่างกรณีนี้ เด็กมีไข้ ทานยาลดไข้ก็หาย จึงไม่ได้มีการตรวจเชื้อ พอหายจากโควิด ร่างกายเด็กจะเกิดการอักเสบทั่วร่างกายและเชื้อไปทำลายอวัยวะสำคัญ ภายใน 2-4 สัปดาห์ จะเริ่มมีอาการ บางคนท้องเสีย หัวใจเต้นผิดปกติ ไข้สูง หายใจหอบ อาเจียน



แต่คราวนี้อาการจะรุนแรง  และต้องรีบรักษา โดยต้องตรวจเลือดก่อน เพราะผู้ป่วยโควิดจะมีภูมิในเลือดแตกต่างจากคนปกติ เมื่อรู้ว่าเคยเป็นโควิดจะต้องตรวจหัวใจและปอด จะเกิดการอักเสบและกล้ามเนื้อหัวใจตาย เพราะเชื้อโควิดเข้าไปทำลาย



จากนั้นให้ยาเฉพาะทาง ซึ่งยาตัวนี้ค่อนข้างแรง แต่หากให้ยาทันก็จะช่วยเด็กได้ แต่หากให้ไม่ทันระบบหัวใจและอวัยวะในร่างกายถูกทำลาย จนทำให้เสียชีวิต



ซึ่งการระบาดรอบนี้ กลุ่มแพทย์เด็กมีความเป็นห่วงในเรื่องนี้มาก เพราะการระบาดรอบนี้ พบเด็กติดเชื้อสูงถึง 23% ยอดพุ่งสูงกว่าการระบาดรอบที่แล้ว



และเด็กติดเชื้อบางคนมีอาการไม่มาก และเป็นแล้วหายเอง ดังนั้นพ่อแม่ต้องสังเกตุลูกดีๆ หากมีอาการไข้ ไอ ท้องเสีย ให้ตรวจเชื้อโควิดก่อนเพื่อป้องกันอันตราย ซึ่งเด็กส่วนใหญ่ก็ติดเชื้อมาจากพ่อแม่หรือผู้ใหญ่ที่อยู่ด้วยกัน และที่สำคัญเด็กต้องได้รับวัคซีนให้เร็วที่สุด เพื่อช่วยป้องกันอาการอันตรายหากเด็กติดเชื้อโควิด

รับชมทางยูทูบที่ : https://youtu.be/AuMddAsrLIo